Tag Archives: ไวน์

Le Dragon de Quintus (Qvintvs) Saint-Émilion Grand Cru

Le Dragon de Quintus (Qvintvs) Saint-Émilion Grand Cru

Le Dragon de Quintus (Qvintvs) Saint-Émilion Grand Cru ไม่ได้ใช้ชื่อมาจากเจ้าของคนก่อนเช่นชาโตว์มากมายใน St. Emilion นั่นเป็นเพราะการเกิดใหม่ของอสังหาริมทรัพย์และเป็นชื่อใหม่อย่างเป็นทางการเข้ามาในปี 2011 เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากถูกสั่งซื้อในเดือนพฤษภาคม 2554 จากเคาน์เตอลีเดอมาเลท – รูเกอฟอร์ตเจ้าของ La Gaffeliere โดย Domaine Clarence Dillon ซึ่งเป็นเจ้าของ Chateau Haut Brion และ Chateau La Mission Haut Brion ใน Pessac Leognan

ไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจสำหรับชื่อ “มังกรเดอควินตุส” มาจากที่ตั้งพิเศษของไร่องุ่นบนแหลมที่ขอบของที่ราบสูง Saint-Emilion และจากประวัติของหอสังเกตการณ์ที่สร้างขึ้นเพื่อปกป้องหมู่บ้าน ในเทพนิยายตะวันตกมังกรถูกแสดงว่าเป็นสัตว์ที่ฉลาดมากโดยปกติแล้วผู้พิทักษ์สมบัติล้ำค่าที่ได้รับประโยชน์จากการมองเห็นที่พิเศษ สัญลักษณ์นี้ของผู้รักษาและผู้พิทักษ์แห่งเวทย์มนตร์เทราเรียการสังเกตภาพพาโนรามาที่ไร้ขอบเขตนี้เป็นวิธีที่เรามาแสดงให้เห็นถึงไวน์ที่สองของ Château Quintus

Le Dragon มีสีแดงสดสวยงาม กลิ่นนั้นสดใหม่อย่างน่าอัศจรรย์พร้อมด้วยกลิ่นของเชอร์รี่และราสเบอร์รี่ ความสุกงอมของผลไม้นั้นน่าอัศจรรย์เมื่อไวน์หมุนวนในแก้ว มันเริ่มออกมาค่อนข้างเรียบเนียนและอ่อนนุ่มบนเพดานปากเพื่อที่จะเผยให้เห็นแทนนินที่อุดมไปด้วยซึ่งรวมเข้าไว้ได้ดีแม้ในช่วงแรก ๆ ค้างอยู่ในคอยาว นอกจากนี้ยังน่ารับประทานและให้ความสมดุลที่ดีทุกอย่าง

Le Dragon de Quintus (Qvintvs) Saint-Émilion Grand Cru

Le Dragon de Quintus (Qvintvs) Saint-Émilion Grand Cru

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

The Clos des Princes Saint Emilion Grand Cru

The Clos des Princes Saint Emilion Grand Cru

The Clos des Princes Saint Emilion Grand Cru เป็นไวน์ที่เกิดจากกรรมวิธีการผลิตด้วยการนำองุ่นทั้งสองพันธุ์มาเป็นส่วนผสมหลักของกรรมวิธีการผลิตไวน์ในครั้งนี้ ได้แก่ 80% Merlot และ 20% Cabernet Franc รวมทั้งยังมีระดับปริมาณของแอลกอฮอล์อยู่ที่ 13% รวมทั้งยังมีถิ่นกำเนิดที่เมือง Saint Emilion ใน Bordeaux ประเทศฝรั่งเศส

The Clos des Princes Saint Emilion Grand Cru เป็นไร่องุ่นขนาดเล็กที่มีพื้นที่น้อยกว่า 3 เฮกตาร์และจัดเป็น Grand Cru Saint-Emilion ปัจจุบันได้มีการดูแลโดยตระกูล Prince ซึ่งเป็นเจ้าของ Château Prince Ferrandat ซึ่งมีชื่อและนามสกุลเดียวกันกับเจ้าชาย Clos des ในทั้งสองพื้นที่น้น ครอบครัว Prince ได้เลือกใช้วัฒนธรรมแบบดั้งเดิมเช่นการไถนา การเกลี่ยดิน การเก็บเกี่ยวและการใช้ประโยชน์จากต้นไม้ที่เป็นวัตถุดิบให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้สำหรับการรักษาความยั่งยืนของพืชทุกชนิด มีการปลูกไม้ชนิดใหม่ถึงมากกว่าครึ่งหนึ่งของฟาร์มอีกด้วย The Clos des Princes นับได้ว่าเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตไวน์ที่มีขนาดเล็กแต่สำคัญมากใน Saint-Émilion เนื่องจากเป็นกำลังหลักในการมีส่วนช่วยในเรื่องคุณภาพของไวน์ที่ทำให้ ไวน์จาก Saint-Émilion มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศฝรั่งเศส

ไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติจากกลิ่นและรสสัมผัสของเครื่องเทศ, เชอร์รี่หวาน, แบล็กเบอร์รี่และดอกไวโอเล็ต เป็นไวน์ที่มีโครงสร้างที่ดีเยี่ยมรวมทั้งยังมีความรู้สึกราวกับมีไขมันอยู่ในปาก เป็นรสชาติที่ค่อนข้างเรียบง่ายแต่มีการเปลี่ยนแปลงรสชาติในทางที่ดีเยี่ยมมาก

The Clos des Princes Saint Emilion Grand Cru

The Clos des Princes Saint Emilion Grand Cru

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Château Chasse-Spleen Moulis-en-Médoc

Château Chasse-Spleen Moulis-en-Médoc

Château Chasse-Spleen Moulis-en-Médoc เป็นไวน์ที่เกิดจากกรรมวิธีการผลิตด้วยการนำองุ่นทั้งสามพันธุ์มาเป็นส่วนผสมหลักของกรรมวิธีการผลิตไวน์ในครั้งนี้ 50% Merlot, 45% Cabernet Sauvignon และ 5% Petit Verdot รวมทั้งยังมีระดับปริมาณของแอลกอฮอล์อยู่ที่ 13.5% รวมทั้งยังมีถิ่นกำเนิดที่เมือง Moulis en Médoc ใน Bordeaux ประเทศฝรั่งเศส

Château Chasse Spleen เป็นที่ดิน Moulis ชั้นนำพร้อมกับ Château Poujeaux แม้ว่ามันจะถูกจัดเป็น Cru Bourgeois เพียงอย่างเดียว โดยสถานที่แห่งนี้มีเรื่องราวมากมาย โดยที่ชื่อ Chateau Chasse Spleen คือชื่อที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการมาเยือนของท่านลอร์ดไบรอน ในช่วงปี พ.ศ.2364 โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่สง่างาม สดใหม่ และมีกลิ่นอายของความดั้งเดิมแบบคลาสสิก รวมทั้งยังมีอายุและรสชาติความหอมหวานที่ยาวนานมากด้วยเช่นกัน

Chateau Chasse Spleen เป็นไวน์ที่เหมาะอย่างยิ่งกับการรับประทานกับอาหารแบบกับอาหารเอเชียหรืออาหารจำพวกปลามากมายหลากหลายเมนู นอกจากนี้ยังมีอาหารอื่นๆอีก เช่น ปลาทูน่า เห็ด พาสต้า และชีส

ไวน์ชนิดนี้มีลักษณะที่ค่อนข้างหนาแน่นและมีสีของเนื้อสัมผัสเป็นสีแดงเบอร์กันดี โดยไวน์ชนิดนี้มีรสชาติที่ค่อนข้างชัดเจนและตรงไปตรงมาพอสมควร  ด้วยกลิ่นที่ค่อนข้างเบาบางจากโอ๊ต กลิ่นวานิลลา กลิ่นผลไม้ที่มีสีแดงและกลิ่นของเชอร์รี่ มีรสชาติที่ค่อนข้างแผ่กว้างกระจายรอบๆลิ้นและภายในปาก รวมทั้งยังมีรสชาติที่มีความสมดุลแทบจะในทันทีด้วย รสชาติและกลิ่นทั้งหลายนั้นล้วนเกิดมาจากองุ่นพันธุ์ Merlot ที่ให้ความนุ่มนวลกับความสมบูรณืในรสชาติ และองุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignonที่ให้ความเนียนนุ่มและรสชาติที่ดีเยี่ยม

Château Chasse-Spleen Moulis-en-Médoc

Château Chasse-Spleen Moulis-en-Médoc

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Duluc de Branaire-Ducru

Duluc de Branaire-Ducru

Duluc de Branaire-Ducru เป็นไวน์ที่เกิดจากกรรมวิธีการผลิตด้วยการนำองุ่นทั้งสี่พันธุ์มาเป็นส่วนผสมหลักของกรรมวิธีการผลิตไวนในครั้งนี้ ได้แก่ 54% Cabernet Sauvignon, 43% Merlot, 2% Petit Verdot และ 1% Cabernet Franc รวมทั้งยังมีระดับปริมาณของแอลกอฮอล์อยู่ที่ 13% รวมทั้งยังมีถิ่นกำเนิดที่เมือง Saint Julien ใน Bordeaux ประเทศฝรั่งเศส

                Château Branaire-Ducru ได้รับการจัดอันดับเป็น Grand Cru Classe แห่งที่ 4 ในปี 1855 ซึ่งได้ตั้งอยู่ในใจกลางของเมือง Saint-Julien ในประเทศฝรั่งเศส โดยสถานที่แห่งนี้ประกอบไปด้วยไร่องุ่นขนาด 59 เฮกเตอร์ นับได้เลยว่าเป็นองุ่นที่มีอายุน้อยที่สุดของ Branaire-Ducru ซึ่งเป็นหนึ่งในไวน์ที่ดีที่สุดอันดับที่สองของ Médoc โดยไร่องุ่นนี้ได้รับการดูแลจากเหล่าบรรดาครอบครัว Maroteaux ที่มีความมุ่งมั่นที่จะผลิตไวน์ โดยการยึดถือหลักคำขวัญ“ 3 F” ที่มีชื่อเสียง ซึ่งได้แก่ ความสดผลไม้ และรสชาติที่ดีเยียม” อันที่จริงแล้วไวน์ของ Château Branaire Ducru นั้นได้ดึงตัวตนที่ลึกล้ำออกมาจากการผสมผสานกันระหว่างวัตถุดิบหลายอย่าง โดยเฉพาะองุ่นพันธุ์ Cabernet-Sauvignon จาก Château Branaire ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับผู้ชื่นชอบไวน์ชั้นเยี่ยมที่ต้องการไวน์ที่มีลักษณะของรสชาติอันนุ่มลึกและกลิ่นอายของความร่วมสมัย

                โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีเนื้อสัมผัสเป็นสีแดงสดราวกับสีของทับทิมสีแดงเข้มสวยงาม รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นที่เมื่อเปิดฝาขวดไวน์ขึ้นมาแล้วจะมีกลิ่นของความเผ็ดเล็กน้อยและมีกลิ่นช่อผลไม้สีแดงกับกลิ่นสัมผัสของโดยรสชาติของไวน์นั้นนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีรสชาติถึงความสง่างามและมีความกลมกลืนในรสสัมผัสอย่างยิ่ง มันคือไวน์ที่เต็มไปด้วยความกลมกล่อม  ปราศจากสารแทนนิน มีรสชาติแสดงถึงความมีชีวิตชีวามาก รวมทั้งยังเป็นไวน์องุ่นนี้มีความสมดุลที่ดีและมีรสชาติที่ดีจากวัตถุดิบที่หลากหลายมากมาย

Duluc de Branaire-Ducru

Duluc de Branaire-Ducru

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Chateau Canon La Gaffeliere St Emilion Grand Cru

Chateau Canon La Gaffeliere St Emilion Grand Cru

Chateau Canon La Gaffeliere St Emilion Grand Cru เป็นไวน์ที่เกิดจากกรรมวิธีการผลิตด้วยการนำองุ่นทั้งสามพันธุ์มาเป็นส่วนผสมหลักของกรรมวิธีการผลิตไวน์ในครั้งนี้ ได้แก่ Merlot 55%, 35% Cabernet Franc และ 10% Cabernet Sauvignon รวมทั้งยังมีระดับปริมาณของแอลกอฮอล์อยู่ที่ 14% และมีช่วงเวลาในการเก็บเกี่ยวอยู่ที่ 17 กันยายนถึง 4 ตุลาคมของทุกปี

ไร่องุ่น Canon La Gaffeliere มีขนาด 19.5 เฮกตาร์ ซึ่งได้มีการปลูกไว้ตามอัตราส่วน ดังนี้ 52% Merlot, 40% Cabernet Franc และ 8% Cabernet Sauvignon ซึ่งองุ่นเหล่านี้จะมีการใช้หมักที่จะมีอายุเฉลี่ยที่ 50 ปี รวมทั้งยังมีไวน์ที่มีอายุมากถึง 80 ปีด้วยเช่นเดียวกัน โดยองุ่นเหล่านี้จะต้องมีการปลูกองุ่นด้วยดินเหนียวที่ปลูกอยู่ลึกพอสมควร รวมทั้งยังเป็นองุ่นที่มีพื้นที่บางส่วนที่ปลูกด้วยการใช้ดินปูนผสมรวมกันกับดินทรายอีกด้วยเช่นกัน

โดยสีของเนื้อสัมผัสของไวน์นั้นมีสีที่ค่อนข้างคล้ำพอสมควร มีกลิ่นของไวน์มาจากผลเบอร์รี่สีเข้ม ชะเอม กลิ่นที่คล้ายกันกับกลิ่นของดินเปียกและกลิ่นของพื้นป่า โดยที่ไวน์นั้นมีกลิ่นอย่างนี้เนื่องจากมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์สดและเกลือแร่ ซึ่งคุณสามารถสัมผัสได้ถึงความเพลิดเพลินจากรสชาติจากผลไม้สีแดงที่มีรสชาติที่หวานหอมและมีรสชาติที่สดชื่นและสดใหม่ในช่วงท้าย

Chateau Canon La Gaffeliere St Emilion Grand Cru

Chateau Canon La Gaffeliere St Emilion Grand Cru

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Chateau Cheval Blanc Grand Cru Classe

Chateau Cheval Blanc Grand Cru Classe

                Chateau Cheval Blanc Grand Cru Classe เป็นไวน์ที่เกิดจากการนำองุ่นทั้งสามพันธุ์มาอยู่ในกรรมวิธีการผลิตได้แก่ Cabernet Franc 45%, Cabernet Sauvignon และ Merlot 55% ซึ่งหมักใส่ลงในถังโอ๊คใบใหม่ 100%

โดยที่มาของชื่อนั้นมาจากภาษาฝรั่งเศส แปลว่าปราสาทสีขาว ไวน์ชนิดนี้เป็นหนึ่งในสี่อันดับแรกที่ได้รับสถานะสูงสุดของการแข่งขันประกวดไวน์ Premier Grand Cru Classé (A) ซึ่งเป็นการแข่งขันไวน์ของสามแบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Château Angélus, Château Ausone และ Château Pavie

                ไร่องุ่นนั้นได้รับการพิจารณาว่ามีคุณสมบัติจากสามสถานที่ ได้แก่ สถานที่แรกมีชื่อว่า Pomerol ซึ่งตั้งอยู่ในส่วนของเขตแดนประเทศ สถานที่ที่สองนั้นตั้งอยู่บริเวณสุสานที่สภาพของดินที่ใช้ในการเพาะปลูกที่อุดมสมบูรณ์ และที่สุดท้ายคือบริเวณ Saint Emilion ที่มีสถานที่ที่เป็นดินร่วน โดยพื้นที่ไร่องุ่นได้มีอาณาเขตกว้างใหญ่ถึง 41 เฮกตาร์โดยที่ 37 เฮกตาร์นั้นได้ใช้ในการปลูกองุ่นพันธุ์ 57% Cabernet Franc, Merlot 40% และพื้นที่ผืนเล็ก ๆที่เหลือนั้นก็ใช้ในการปลูกองุ่นพันธุ์ Malbec และ Cabernet Sauvignon ในอัตราส่วนที่เท่าๆกัน

                โดยที่ไวน์ชนิดนี้มีการผสมผสานกันอย่างแตกต่างกันอย่างมาก แต่ก็ยังดื่มได้รสชาติที่ดีเยี่ยมอยู่ แต่ต้องใช้เวลามาก อยู่พอสมควรกว่ารสชาติและกลิ่นของไวน์จะแสดงลักษณะที่เด่นชัดออกมา โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัสเป็นสีน้ำตาลเข้ม และมีกลิ่นของไวน์ที่ละเอียดอ่อนในไร่ กลิ่นแรกของไวน์นั้นเราจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นของเชอร์รี่ คาราเมล เรดเบอร์รี่ แบล็กเบอร์รี่ รวมทั้งยังมีรสชาติจากรสสัมผัสของน้ำมันและองุ่นที่ไร้กลิ่นแต่เต็มไปด้วยรสชาติที่หอมหวานและเอร็ดอร่อยเป็นอย่างมาก

Chateau Cheval Blanc Grand Cru Classe

Chateau Cheval Blanc Grand Cru Classe

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Chateau Angelus St. Emilion Grand Cru

Chateau Angelus St. Emilion Grand Cru

                Chateau Angelus St. Émilion Grand Cru เป็นไวน์ที่เกิดจากการผลิตโดยผู้ผลิตชื่อดังซึ่งมีไร่องุ่น 39 เอเคอร์เป็นของตัวเอง โดยไร่นี้ได้มีการปลูกองุ่นไว้ตามอัตราส่วน ดังนี้ Merlot 50%, Cabernet Franc 47% และ Cabernet Sauvignon 3% สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของปริมาณ Cabernet Franc ในไร่องุ่นและแน่นอนในการผสมผสานขั้นสุดท้ายด้วยเช่นกัน

                โดยที่องุ่นพันธุ์ Merlot นั้นปลูกในดินที่มีดินเหนียวและหินปูน ซึ่งแตกต่างกับ Cabernet Franc จะปลูกในกรวดหินปูนและหินทราย เป็นหนึ่งในผู้เสนอแรกของ Cabernet Franc ใน Saint Emilion โดยองุ่นถูกเพิ่มเข้าไปในไร่องุ่นเพราะจะช่วยเพิ่มคุณภาพของไวน์ โดยไวน์ชนิดนี้จะมีอายุเฉลี่ยเกือบ 38 ปี และควรเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิที่ 15.5 องศาเซลเซียสหรืออยู่ที่ประมาณ 60 องศาฟาเรนไฮต์

                ไวน์นี้เกิดจากการผสม 62% Merlot และ 38% Cabernet Franc ซึ่งมีระดับปริมาณของแอลกอฮอล์อยู่ที่ 14.5% เป็นที่น่าสนใจที่จะทราบว่าในปีพ. ศ. 2561 มีเพียงเถาองุ่น Cabernet ที่เก่าแก่ที่สุดเท่านั้นที่ใช้ในการผสม การเก็บเกี่ยวเกิดขึ้นในช่วง 24 กันยายน – 11 ตุลาคมของทุกปี โดยผลผลิตอย่างต่ำอยู่ที่ 30 เฮกตาร์ต่อลิตร นี่คือเหล้าองุ่นแรกที่ไร่องุ่นทั้งหมด โดยไร่นี้มีการทำไร่ไถนาอินทรีย์ 100% เท่านั้น

โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีเนื้อสัมผัสเป็นสีทึบแสง มีกลิ่นของราสเบอรี่สีดำ ดินเปียก ควัน ชะเอม ดอกไม้ และเหล้ารสแบล็กเบอร์รี่ รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีรสชาติที่สมดุลอำนาจ มีความเข้มข้น มีกลิ่นอายของความร่วมสมัย มีรสชาติที่ยอดเยี่ยมและมีความนุ่มลึกของเนื้อสัมผัส เห็นได้ชัดว่าเป็นไวน์ที่มีความเข้มข้น แต่ยังมีความเบาบางมาจากผิวเปลือกของผลไม้ เครื่องเทศชะเอม ซึ่งมีรสชาติที่ติดลิ้นยาวนานกว่า 50 วินาที!

Chateau Angelus St. Émilion Grand Cru

Chateau Angelus St. Émilion Grand Cru

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Babich Black Label Sauvignon Blanc

Babich Black Label Sauvignon Blanc

                Babich Black Label Sauvignon Blanc ไวน์ที่ผลิตครั้งแรกในปี 2005 ที่จำหน่ายเฉพาะร้านอาหารและบาร์ The Black Label Sauvignon Blanc ได้รับการพัฒนาเพื่อให้บุคคลในชุมชนย่านนั้นเจริญอาหารมากยิ่งขึ้นและมีอาหารหรือเครื่องดื่มที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่ผลิตมาจากองุ่นพันธุ์ Sauvignon Blanc เท่านั้น

                หลังจากเก็บเกี่ยวที่ไร่องุ่น Marlborough ของเราองุ่นจะถูกบีบอัดลงในถังสแตนเลสอย่างรวดเร็ว ซึ่งน้ำผลไม้ ซึ่งมาจากน้ำองุ่นส่วนใหญ่จะถูกหมักที่อุณหภูมิที่แตกต่างกันเพื่อเก็บรสชาติที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยที่น้ำผลไม้ส่วนที่เหลือจะถูกหมักในถังไม้โอ๊กเก่าเพื่อนำไปการสร้างน้ำหนักและความซับซ้อนของไวน์ให้มากกว่าเดิม หลังจากนั้นทางผู้ผลิตก็มีการให้ทดลองชิมไวน์นี้โดยผู้ผลิตไวน์หลากหลายท่าน ก่อนจะนำไวน์นี้มาผสมให้เสร็จแล้วก็นำไวน์นี้มาบรรจุขวด

                ไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นหอมของแบล็คเคอแรนท์ ส้ม ดอกสีขาวบางชนิด กลิ่นของสมุนไพร มิ้นต์และกลิ่นควัน รวมทั้งยังมีกลิ่นของผลไม้แทบจะในทันทีที่ได้เปิดขวด ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นของส้มแมนดาริน แอปเปิ้ลแดง เสาวรส มะนาว และผลไม้จากเขตร้อนที่เพิ่มความสดใหม่ สดชื่นรวมทั้งยังสัมผัสของกลิ่นที่ยาวนาน รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีรสส้มและแตงโมสดใหม่ที่อุดมสมบูรณ์ มีรสชาติที่แทรกมาจางๆจากหญ้าที่ตัดใหม่และความเปรี้ยวนิดที่หลากหลายคนอาจจะชื่นชอบ เป็นไวน์ที่มีรสสัมผัสที่คมชัดและสดชื่น

                ไวน์ที่ได้รับรางวัลนี้สามารถเพลิดเพลินกับอาหารหลากหลาย อาจจะสามารถเสิร์ฟพร้อมเนื้อลูกวัวอาหารทะเล (ยิ่งถ้าเป็นหอยนางรมจะดีมาก) หรืออาหารจำพวกไก่ อย่างเช่น ไก่พันธุ์ korma ที่เป็นไก่อ่อนกับอาหารขบเคี้ยวกรอบๆ

Babich Black Label Sauvignon Blanc

Babich Black Label Sauvignon Blanc

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Babich Marlborough Pinot Noir

Babich Marlborough Pinot Noir

                Babich Marlborough Pinot Noir Pinot Noir    เป็นไวน์ที่ถูกผลิตโดย Babich Wines ซึ่งเป็นบริษัทไวน์แห่งแรกของนิวซีแลนด์ที่ได้รับรางวัลเหรียญทองสำหรับ Pinot Noir ในช่วงต้นยุค 80 ไวน์ชนิดนี้ได้ใช้องุ่นพันธุ์ Pinot Noir จากไร่องุ่นหลายแห่งซึ่งตั้งอยู่ทั่ว Marlborough และมีระดับปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 12.9%

                ไวน์นี้เป็นการผสมผสานของผลไม้หลากหลายชนิดจากไร่องุ่น Babich อันกว้างขวางใน Marlborough เก็บเกี่ยวผลไม้ด้วยความสุกที่เหมาะสมและหมักในถังเปิด หลังจากกรรมวิธีการหมักองุ่นจนผิวองุ่นเปื่อยยุ่ยและองุ่นบางส่วนที่ใส่เข้าไปในถังโอ๊คทั้งใบเก่าและใหม่ได้ที่แล้ว ประมาณ 7 เดือน ไวน์ชนิดนี้จะได้รับการประเมินและผสมลงขวดอย่างเหมาะสม

ไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่สร้างขึ้นด้วยการใช้ฝีมือการผลิตด้วยมนุษย์ ไม่มีการใช้เครื่องจักรในกรรมวิธีการผลิต  โดยไร่องุ่นใน Marlborough นี้เป็นไร่องุ่นของแบรนด์ไวน์นี้เองโดยเฉพาะ ซึ่งไวน์ชนิดนี้จะเน้นที่การใช้เทคนิคการทำไวน์แบบดั้งเดิม ได้แก่ การหมักในถังเปิดด้วยมือเท่านั้น ส่งผลให้ไวน์มีรสชาติและกลิ่นที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยรสชาติ

ไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นเชอร์รี่อมควันเล็กน้อย มีกลิ่นของไวน์เพิ่มเติมมาจากกลิ่นของราสเบอร์รี่และอบเชย มีกลิ่นและรสชาติที่เผ็ดมาจากเครื่องเทศ รวมทั้งยังมีกลิ่นและรสสัมผัสบางส่วนจากผลเบอร์รี่สีแดง ลูกพลัมสีเข้ม และสมุนไพรแห้งจางๆ เป็นรสชาติที่ลงตัว กลางๆ ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป รวมทัง้ยังมีกลิ่นและรสชาติของต้นโอ๊กเผาที่นุ่มนวล และยังมีวานิลลา สตรอเบอร์รี่จางๆด้วยเช่นกัน ซึ่งไวน์ชนิดนี้เข้ากันได้ดีกับเนื้อแกะทอดและมะเขือยาวที่ผัด นอกจากนี้ไวน์ยังเหมาะกับการรับประทานควบคู่กับพายสเต็กและเห็ดด้วยเช่นกัน โดยไวน์ชนิดนี้มีอายุอยู่ที่ประมาณ 3-10 ปี

Babich Marlborough Pinot Noir

Babich Marlborough Pinot Noir

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

HOYA DE CADENAS CABERNET SAUVIGNON

HOYA DE CADENAS CABERNET SAUVIGNON

                HOYA DE CADENAS CABERNET SAUVIGNON เป็นหนึ่งในไวน์ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในพื้นที่ Utiel-Requena ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใน Valencia ของประเทศสเปน รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีการใช้องุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon แท้ 100% เพื่อมาใช้ในการผลิตไวน์ชนิดนี้อีกด้วย

องุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon นั้นได้รับการปรับให้เข้ากับสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนของสเปน Hoya de Cadenas Estate ห่างจากเมืองวาเลนเซีย 90 กม. เป็นสวรรค์แห่งการผลิตไวน์ด้วยสภาพภูมิอากาศขนาดเล็กที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์แบบขององุ่นเหล่านี้และช่วยในการพัฒนาลักษณะเฉพาะของตนเอง

กรรมวิธีในการทำไวน์ชนิดนี้จะดำเนินการในถังสแตนเลสที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียสเป็นเวลาสองสัปดาห์ เพื่อทำให้ผิวขององุ่นนั้นเปื่อยยุ่ยขึ้นมา เพื่อให้องุ่นนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างพิถีพิถันเพื่อการคัดแยกพันธุ์ขององุ่นที่ดีที่สุด องุ่นที่ใช้นั้นมีอายุ 4 เดือนในถังไม้โอ๊คอเมริกันและ 3 เดือนในถังไม้โอ๊คฝรั่งเศส ถังที่ใช้เป็นถังที่ผ่านการรมควันไฟบางๆในระดับกลางซึ่งช่วยให้ไวน์ผลิตได้อย่างราบรื่นและสง่างามมากยิ่งขึ้น

ไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นที่ค่อนข้างเข้มข้นมาก มีกลิ่นของแบล็กเบอร์รี่ ผลไม้อ่อน ดอกไม้และกลิ่นของเครื่องเทศที่ค่อนข้างชัดเจน รวมทั้งยังมีกลิ่นของผลแบล็คเคอแรนท์ ใบแบล็คเคอแรนท์ ดอกไวโอเล็ต วานิลลาแห้ง และมีกลิ่นของความเป็นกรดสูงแทนนินกลางไม่มากไม่น้อยจนเกินไป มีรสชาติของผลไม้ชนิดอย่างเช่นเชอร์รี่สีดำ รสชาติของวานิลลาและพริกนิดๆ โดยมีรสชาติในภาพรวมเป็นรสที่ไม่แรงและไม่จางจนเกินไป รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่สามารถรับประทานได้ในทันที และเป็นไวน์ที่สามารถเก็บรักษาไว้ได้เพียงแค่สามปีเท่านั้น นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่ควรรักษาไว้ที่อุณหภูมิ 17-18 องศาเซลเซียส และมีระดับปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 13%

HOYA DE CADENAS CABERNET SAUVIGNON

HOYA DE CADENAS CABERNET SAUVIGNON

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com