Château Grand-Puy Ducasse Pauillac นับได้ว่าเป็นไวน์ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาโดยแบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Château Grand-Puy Ducasse ซึ่งได้ตั้งถิ่นฐานการผลิตอยู่ที่เมือง Pauillac ในเมือง Medoc, Bordeaux ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส โดยเมืองนี้เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในการเพาะปลูกองุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon
โดยไวน์ชนิดนี้มีการนำองุ่นทั้งสองสายพันธุ์ ได้แก่ องุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon 52% และองุ่นพันธุ์ Merlot 48% มาใช้ในกรรมวิธีการผลิต รวมทั้งยังมีการเพาะปลูกองุ่นนี้โดยใช้ดินทรายร่วนปนเหนียวเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีการนำองุ่นทั้งหมดมาหมักลงในถังไม้โอ๊กอย่างดีพันธุ์ฝรั่งเศสเป็นเวลายาวนานกว่า 18 เดือน จนทำให้ไวน์ชนิดนี้มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 7-8 ปี
นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังมีสี กลิ่น และรสชาติที่ยอดเยี่ยมและเป็นเอกลักษณ์อย่างยิ่ง โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างเข้ม รวมทั้งยังมีกลิ่นและรสชาติที่หอมหวาน เต็มเปี่ยมไปด้วยผลแบล็กเคอร์แรนสุก ใบยาสูบ ต้นสน ชะเอมเทศ และผลไม้สุกอีกหลากหลายชนิดที่ปนมาอย่างจางๆ
โดยรวมแล้วนับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีลักษณะเต็มน้ำเต็มเนื้อ รสชาติและกลิ่นดีเยี่ยม กลมกล่อม และยอดเยี่ยม แต่รสชาติจะดีเยี่ยมนั้น ควรเปิดทิ้งไว้ประมาณสองชั่วโมงก่อนรับประทานจริง โดยการรับประทานนั้น ไวน์ชนิดนี้สามารถรับประทานควบคู่ได้กับอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ อย่างเช่น เนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวาง รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 12.8% อีกด้วย
Château Grand-Puy Ducasse Pauillac
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Château Lafon-Rochet Saint-Estèphe นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการถูกสร้างขึ้นมาโดบแบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Château Lafon-Rochet ที่ตั้งอยู่ทางเมือง Saint-Estephe ที่ตั้งอยู่ใน Medoc, Bordeaux ประเทศฝรั่งเศส โดยเมืองนี้เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในเรื่องการผลิตไวน์แดงส่งออกไปทั่วโลกอีกด้วย
โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีการนำองุ่นทั้งสี่สายพันธุ์มาใช้ในการหมักและทำเป็นไวน์ชนิดนี้ ได้แก่ องุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon 67%, Merlot 25%, Cabernet France 6% และองุ่นพันธุ์ Petit Verdot 2% โดยองุ่นทุกชนิดจะต้องมีการเก็บเกี่ยวภายในช่วงต้นถึงกลางเดือนตุลาคมเท่านั้น นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้จะต้องมีการหมักลงในถังไม้โอ๊กพันธุ์ฝรั่งเศสผสมพันธุ์ออสเตรเลียเป็นเวลายาวนานกว่า 14-16 เดือนด้วยเช่นกัน
โดยรสชาติของไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่ามีความพิเศษเช่นเดียวกัน โดยสีของเนื้อไวน์นั้นจะเป็นสีที่ค่อนข้างเข้มไปทางแดงเข้มจนเกือบดำ นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติของดอกไม้และผลไม้หลากหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ทั้งสีดำและสีแดง ใบยาสูบและโกโก้
โดยรวมแล้วนับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตัวเองทั้งรสชาติและกลิ่น รวมทั้งยังมีสัมผัสที่ค่อนข้างเต็มน้ำเต็มเนื้อและนุ่มลึก เหมาะสมอย่างยิ่งกับการรับประทานควบคู่กันกับอาหารจำวพกเนื้อสัตว์อย่างเช่นเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวาง หรืออาหารจำพวกนมและไข่ก็สามารถกินเข้ากันได้เช่นเดียวกัน โดยไวน์ชนิดนี้ยังมีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 14% ด้วยเช่นกัน
Château Lafon-Rochet Saint-Estèphe
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Château Lilian Ladouys Saint-Estèphe นับได้ว่าเป็นไวน์ที่เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของแบรนด์ไวน์ดังอย่าง Château Lilian Ladouys ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตหลักอยู่ที่เมือง Saint-Estephe ของ Medoc, Bordeaux ในประเทศฝรั่งเศส โดยเมืองนี้เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในการผลิตไวน์แดงระดับต้นๆของโลก รวมทั้งเป็นสถานที่ในการปลูกองุ่นพันธุ์ดังทั้งสองพันธุ์ ได้แก่ องุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon และองุ่นพันธุ์ Merlot
นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่เต็มไปด้วยองุ่นทั้งสามสายพันธุ์ ได้แก่ องุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon 59%, Merlot 37% และองุ่นพันธุ์ Petit Verdot 4% รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีการใช้องุ่นเพียงแค่ในพื้นที่การเพาะปลูกโดยรอบโรงกลั่นเพียงเท่านั้น และจะต้องผ่านการหมักและบ่มในถังโอ๊กฝรั่งเศสเป็นเวลายาวนานกว่า 12-14 เดือน
โดยไวน์นั้นก็มีรสชาติ กลิ่น และสีที่โดดเด่น ซึ่งจะเป็นเอกลักษณ์ที่ Château Lilian Ladouys คัดสรรออกมา กลั่นกรองไวน์ออกมาให้มีสีของเนื้อสัมผัสเป็นสีแดงเข้ม เป็นไวน์ที่มีกลิ่นที่หอมหวาน โดยจะมีกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์มาจากชะเอมเทศ ผลไม้สีดำชนิดต่างๆ เรดเบอร์รี่และเครื่องเทศนานาชนิด
นับได้ว่าเป็นไวน์น้ำดีอีกรุ่นหนึ่งที่มีเนื้อสัมผัสที่ยอดเยี่ยม มีความเต็มน้ำเต็มเนื้อทั้งในส่วนของเนื้อสัมผัส กลิ่นและรสชาติ รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับการรับประทานควบคู่กับอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อวัว เนื้อแกะและเนื้อกวาง รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีระดับของแอลกอฮอล์อยู่ที่ 13-14% อีกด้วย
Château Lilian Ladouys Saint-Estèphe
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Chateau Pape Clement Pessac-Leognan นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการถูกรังสรรค์ขึ้นมาจากความพยายามอย่างยิ่งยวดจาก Chateau Pape Clement ซึ่งตั้งถิ่นฐานการผลิตมาจากเมือง Pessac-Leognan ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Bordeaux. บริเวณทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส
โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีการนำองุ่นทั้งสองสายพันธุ์มาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตในอัตราส่วนที่เท่าเทียมกัน ได้แก่ องุ่นพันธุ์ Merlot และองุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon โดยองุ่นทั้งสองสายพันธุ์นั้นจะต้องมีการเก็บเกี่ยวในช่วงปลายเดือนกันยายนจนถึงเดือนตุลาคมเท่านั้น
นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังมีลักษณะเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นสีของเนื้อสัมผัสเป็นสีน้ำตาลมัวๆออกไปทางสีม่วงสว่างเล็กน้อย ที่เฉิดฉายลักษณะของไวน์นี้ให้น่าหลงใหลมากยิ่งขึ้น ตามด้วยกลิ่นของไวน์ที่เป็นกลิ่นของแบล็กเบอร์รี่ ผสมกับกลิ่นของใบยาสูบ ลูกพลัมสีแดงและรสชาติความเค็มแบบเบาๆ ซึ่งเป็นกลิ่นที่ไม่ค่อยแตกต่างจากกลิ่นที่ได้รับมาเท่าไหร่นัก ทั้งรสสัมผัสของผลไม้สีดำทั้งหลายและรสชาติที่นุ่มลึกอย่างดี
โดยรวมแล้วนับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีรสชาติและกลิ่นที่ดีเยี่ยม มีเนื้อสัมผัสที่ดีเยี่ยม ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่เหมาะสมกับการรับประทานควบคู่กันกับเนื้อสัตว์จำพวกเนื้อวัว เนื้อแกะ และเนื้อกวาง ซึ่งไวน์ชนิดนี้มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 13-14.5% เท่านั้น
Chateau Pape Clement Pessac-Leognan
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Château Pichon Baron Pauillac เป็นไวน์ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยแบรนด์ไวน์อย่างChateau Pichon-Longueville Baron ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเมือง Pauillac ที่อยู่ในเมือง Medoc ของ Bordeaux ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีชื่อเสียงในการปลูกองุ่นที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการทำไวน์ โดยเฉพาะองุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon
โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์รุ่นที่สองของ Cru Classe ในปี 1855 ที่นับได้ว่าเป็นไวน์ที่เก่าแก่ที่สุดที่ถูกสร้างขึ้นมาจากบริเวณ Château Pichon Baron แห่งนี้ โดยองุ่นที่ใช้ในการผลิตนั้น ทางผู้ผลิตได้มีการแบ่งองุ่นที่ใช้ทำอยู่สองพันธุ์ในอัตราส่วนที่แตกต่างกัน ได้แก่ องุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon 79% และ องุ่นพันธุ์ Merlot 21% พร้อมทั้งหมักลงในถังไม้โอ๊กเป็นเวลายาวนานกว่า 18 เดือน
ในส่วนของรสชาติของไวน์ชนิดนี้ก็นับได้ว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเนื้อสัมผัสที่มีสีค่อนข้างเข้มจนแทบเป็นสีแดงดำก็ว่าได้ แต่ว่ากลิ่นที่ได้รับนั้นกลับมีความหอมหวานด้วยกลิ่นจากมะพร้าวและกลิ่นของวานิลลา และเมื่อได้ลองลิ้มรสชาติจริงแล้วกลับพบว่าเป็นไวน์ที่มีรสชาติที่ยอดเยี่ยม มีรสสัมผัสของสารแทนนิน ผลไม้สีดำทั้งหลาย รวมไปถึงเครื่องเทศนานาชนิดอีกด้วย
โดยรวมแล้วนับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีรสชาติและกลิ่นที่ดีเยี่ยม มีกลิ่นอายของความร่วมสมัยอย่างชัดเจน และมีรสสัมผัสที่ติดลิ้นอย่างยาวนาน เหมาะสมอย่างยิ่งกับการรับประทานควบคู่กันกับอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ทั้งหลาย และยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 13-13.8% อีกด้วย
Château Pichon Baron Pauillac
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Chateau Pichon Longueville Comtesse de Lalande นับได้ว่าเป็นไวน์ที่ได้ถูกรังสรรค์ขึ้นมาโดยแบรนด์ไวน์อย่าง Chateau Pichon Longueville Comtesse de Lalande ที่ตั้งอยู่ทางเมือง Pauillac ในเมือง Medoc ของ Bordeaux ประเทศฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงในการผลูกองุ่นหลากหลายชนิด โดยเฉพาะ Cabernet Sauvignon
โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่เกิดจากการผสมผสานกันระหว่างองุ่นทั้งสี่สายพันธุ์ ได้แก่ องุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon 71%, Merlot 23%, Cabernet France 5% และองุ่นพันธุ์ Petit Verdot 1% โดยองุ่นทั้งสี่ชนิดนั้นล้วนจะต้องเก็บมาในช่วงเดือนกันยายนจนถึงเดือนตุลาคมเพียงเท่านั้น นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ถูกเก็บไว้ที่โกดังเพื่อพักก่อนที่จะนำไปใช้จริงอีกด้วย
ซึ่งไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีสัมผัสที่ค่อนข้างเต็มน้ำเต็มเนื้ออยู่พอสมควร ไม่ว่าจะมาจากกลิ่นอายของความคลาสสิกที่ได้มาจากผลไม้ที่สุกและหอมหวาน ผสานกันกับกลิ่นและรสชาติของกาแฟเอสเปรสโซ่ เครื่องเทศและผลมะกอกเขียวอีกด้วย โดยวัตถุดิบทั้งหมดนั้นสามารถผสานกันได้อย่างเบาบางและแบ่งเป็นชั้นของรสชาติอย่างชัดเจน
โดยรวมแล้วนับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีรสชาติและกลิ่นที่ค่อนข้างเต็มไปด้วยความแน่น ความทรงพลังและความน่าชวนให้ลิ้มลอง และนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีเอกลักษณ์ผสานกันหลากหลายรุ่นรวมกันและมีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 14% เพียงเท่านั้น
Chateau Pichon Longueville Comtesse de Lalande
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Robert Mondavi Winery Reserve Cabernet Sauvignon เป็นไวน์ที่เกิดจากการสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยแบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Robert Mondavi ที่ต้องการเผยแพร่ความงดงามของไวน์ชนิดนี้ โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตอยู่ที่บริเวณ Napa Valley ทางชายหาดฝั่งเหนือของมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีการนำองุ่นจากไร่องุ่น Kalon Vineyard มาใช้เท่านั้น โดยองุ่นที่ใช้ในการผลิตนั้นก็ใช้ในปริมาณที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นองุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon 92%, Cabernet France 6% และองุ่นพันธุ์ Petiti Verdot อีก 2% โดยองุ่นจะต้องถูกเก็บเกี่ยวด้วยมือเท่านั้น และองุ่นจะถูกนำมาบ่มในถังโอ๊กพันธุ์ดีจากประเทศฝรั่งเศสเป็นเวลายาวนานกว่า 20 เดือน
ซึ่งไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยสีที่แดงสด ผสานกันกับกลิ่นที่หอมหวานและเต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นของดินและความงดงามของไวน์ที่ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านกลิ่นและรสชาติของชะเอมเทศ ผลแบล็กเบอร์รี่สุกและผลลูกพลัมสุก ผสานกับความเผ็ดร้อนและหอมอย่างเป็นเอกลักษณ์จากสมุนไพรแห้งนานาชนิด รวมทั้งยังมีกลิ่นและรสชาติของต้นโอ๊กหวาน เมล็ดวานิลลาและเมล็ดอัลมอนด์คั่วอีกด้วย
โดยรวมแล้วนับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีเอกลักษณ์ที่ค่อนข้างเฉพาะตัว ทั้งความเผ็ดร้อน กลมกล่อมและเบาบาง ซึ่งนอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังมีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 14.5% เท่านั้น
Robert Mondavi Winery Reserve Cabernet Sauvignon
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Chandon Brut Australia นับได้ว่าเป็นไวน์ขาวที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งที่ได้ถูกถ่ายทอดความงดงามลงมาโดยแบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Chandon Australia ซึ่งเป็นแบรนด์ไวน์ที่ตั้งอยู่ทาง Yarra Valley ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐวิกตอเรียของประเทศออสเตรเลีย
โดยไวน์ขาวชนิดนี้เป็นไวน์ที่เกิดจากการนำองุ่นทั้งสามพันธุ์มาใช้ในการผลิต ได้แก่ องุ่นพันธุ์ Chardonnay, Pinot Noir และ Meunier มาใช้ในการผลิต โดยใช้กรรมวิธีการผลิตแบบฝรั่งเศสผสมกับการผลิตแบบดั้งเดิมขาวชาวบ้านในชุมชนออสเตรเลีย โดยองุ่นที่นำมาใช้นั้น ล้วนต้องเก็บเกี่ยวช่วงประมาณต้นเดือนกุมภาพันธุ์จนถึงช่วงปลายเดือนมีนาคม
นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีสี กลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง โดยสีของเนื้อสัมผัสนั้นนับได้ว่าเป็นไวน์ขาวชั้นเยี่ยมที่มีสีของเนื้อไวน์ที่ใส ขาวและออกไปทางสีเขียวสว่างจางๆ รวมทั้งยังมีฟองออกมาบนผิวระนาบทำให้ไวน์นี้ดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ก็ยังมีรสชาติและกลิ่นที่ยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน ทั้งความเบาบางและสดชื่นที่ได้มาจากแอปเปิ้ล กล้วยไม้ที่บานสะพรั่งและเปลือกเลม่อนฝานบางๆที่เข้ากันอย่างลงตัว
โดยรวมแล้วนับได้ว่าไวน์ขาวชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนในการเป็นไวน์คุณภาพสูงที่ทางแบรนด์ภูมิใจนำเสนอ รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่ได้รับรางวัลไวน์ดีเด่นจากงาน Best Australian sparkling Wine 2018 อีกด้วย นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังมีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 12.5-13%
Chandon Brut Australia
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Château Grand Mayne Saint-Émilion Grand Cru นับได้ว่าเป็นไวน์อีกชนิดหนึ่งที่ได้มีการตั้งชื่อของไวน์ตามสถานที่แหล่งการผลิตใหญ่และแหล่งการเพาะปลูกองุ่นที่ใช้ในการผลิตขนาดใหญ่ ซึ่งสถานที่ได้กล่าวไปนี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศสในบริเวณเมือง Saint-million ของ Bordeaux
โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีเอกลักษณ์ที่งดงามอย่างยิ่ง ทั้งกรรมวิธีและการผสมผสานกันระหว่างองุ่นทั้งสามพันธุ์ ได้แก่ องุ่นพันธุ์ Merlot 70%, Cabernet France 25% และองุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon 5% โดยจะมีการนำวัตถุดิบทั้งหมดไปรักษาอุณหภูมิในถังสแตนเลสและไปหมักในถังโอ๊กใหม่เป็นเวลายาวนานกว่า 18 เดือนด้วยกัน
นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีความสวยงามทั้งเนื้อสัมผัส กลิ่นและรสชาติ โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัสเป็นสีแดงเข้ม รวมทั้งยังมีกลิ่นที่เต็มไปด้วยความหอมหวานทั้งกลิ่นและรสชาติ โดยไวน์ชนิดนี้มีความหวาน ความเบาบางจากกลิ่นและรสชชาติจากดอกไม้นานาชนิด ที่ผสานรวมกันกับกลิ่นและรสชาติของแบล็กเบอร์รี่สุก ผลเชอร์รี่ การแฟเอรสเปรสโซ่รมควัน และทิมที่ใช้เป็นเครื่องเทศกลิ่นฉุน
โดยรวมแล้วนับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมลงตัว มีเนื้อสัมผัสที่เต็มน้ำเต็มเนื้อ รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นอายของความร่วมสมัย นุ่มนวลและกลมกล่อมในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังมีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 13-15.5%
Château Grand Mayne Saint-Émilion Grand Cru
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Château La Clotte Saint-Émilion Grand Cru นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการตั้งชื่อของไวน์ตามสถานที่ที่เป็นแหล่งฐานการผลิตและเป็นสถานที่เพาะปลูกองุ่นที่ใช้นการผลิต ซึ่งสถานที่แห่งนี้ได้ตั้งอยู่ทางเมือง Saint-Emillion ของเมือง Bordeaux ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส
โดยไวน์ชนิดนี้ได้มีการนำองุ่นทั้งสามพันธุ์มาใช้ในกระบวนการผลิตโดยนำมาใช้ในอัตราส่วนที่แตกต่างกัน ได้แก่ องุ่นพันธุ์ Merlot 85%, Cabernet Sauvignon 10% และองุ่นพันธุ์ Cabernet France 5% โดยองุ่นทั้งหมดนั้นจะหมักลงในถังไม่โอ๊กเพื่อที่จะทำให้ไวน์สดใหม่และสามารถดื่มได้
โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัสเป็นสีแดงที่ค่อนข้างเข้มราวกับสีของลูกเชอร์รี่ และมีฟองบางๆที่ชนกับขอบแก้วอย่างดี รวมทั้งไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นอายและรสชาติของความหวานและความหอมอย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นแบล็กเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ ลูกพลัมและวานิลลา รวมทั้งยังมีกลิ่นและรสชาติของชะเอมเทศและดาร์กเชอร์รี่อีกด้วย
โดยรวมแล้วนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติของความนุ่มละมุนและเข้ากันอย่างลงตัว มีรสชาติที่พอดี มีทั้งรสชาติและกลิ่นที่หวานและหอมกลมกล่อมในเวลาเดียวกัน โดยไวน์ชนิดนี้เหมาะสำหรับรับประทานควบคูกับเนื้อสัตว์จำพวกเนื้อกวาง เนื้อวัวและเนื้อแกะอีกด้วย นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 13-14%
Château La Clotte Saint-Émilion Grand Cru
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Posts navigation
แนะนำเหล้านอก
error: Content is protected !!