Tag Archives: Wine
Réserve Spéciale Médoc
Réserve Spéciale Médoc
Réserve Spéciale Médoc นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในระดับโลก โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่ถูกผลิตขึ้นมาโดยแบรนด์ไวน์ชื่อดังของประเทศฝรั่งเศส โดยผู้ผลิตที่ได้ผลิตไวน์ชนิดนี้ขึ้นมา คือ Baron de Rothschild หรือ Laffite ซึ่งได้มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตอยู่ที่บริเวณเมือง Medoc ใน Bordeaux
ไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีการหมักโดยการนำองุ่นทั้งสามชนิดมาใช้ในกระบวนการผลิตในอัตราส่วนที่แตกต่างกันไปตามปีที่มีการผลิตขึ้นมา โดยองุ่นที่เลือกใช้ประกอบไปด้วยองุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, Cabernet Franc และองุ่นสายพันธุ์ Merlot ซึ่งองุ่นที่นำมาใช้นั้นจะต้องผ่านการคัดเลือกและเก็บเกี่ยวด้วยมือแทบทั้งสิ้น
โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์อย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นสีของเนื้อสัมผัสที่เป็นสีแดงสวยงาม รวมทั้งกลิ่นและรสชาติที่เต็มไปด้วยองค์ประกอบมากมาย ไม่ว่าจะเป็นต้นโอ๊ก วานิลลา ใบยาสูบ เบอร์รี่ดำและเคอร์แรนสีดำ ไม่เพียงแค่นั้น ไวน์ชนิดนี้ยังมีกลิ่นของการรมควันอย่างเจือจางและมีกลิ่นดินเล็กน้อยอีกด้วย
ในภาพรวมนับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างแน่น เข้มข้น แต่ก็ยังมีความแห้งและมีความเป็นกรดค่อนข้างสูง เป็นไวน์ที่เปรี้ยว ไม่หวานมาก เหมาะอย่างยิ่งกับการรับประทานควบคู่กับอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ได้แก่ เนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวางและเนื้อสัตว์ปีกชนิดต่างๆ
Réserve Spéciale Médoc
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
โดย รีวิวเหล้านอก.com
CHATEAU DE BEAUCASTEL HOMMAGE À JACQUES PERRIN MAGNUM
CHATEAU DE BEAUCASTEL HOMMAGE À JACQUES PERRIN MAGNUM
CHATEAU DE BEAUCASTEL HOMMAGE À JACQUES PERRIN MAGNUM นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการสร้างขึ้นมา โดยเจ้าของผืนแผ่นดินบริเวณคฤหาสน์ CHATEAU DE BEAUCASTEL ซึ่งในเวลาต่อมาได้มีการปรับปรุงมาเป็นแห่งเพาะปลูกองุ่นและโรงกลั่นไวน์เช่นเดียวกันกับในปัจจุบัน
โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีการผลิตขึ้นมา โดยการใช้องุ่นทั้งสามสายพันธุ์ด้วยกันมาเป็นวัตถุดิบหลัก ได้แก่องุ่นสายพันธุ์ Grenache, Shiraz และองุ่นพันธุ์ Mourvèdre ซึ่งองุ่นทั้งสามสายพันธุ์นั้นจะมีการใช้ในอัตราส่วนที่แตกต่างกันตามรุ่นและปีที่ผลิต
ไวน์ชนิดนี้นอกเหนือจะมีวิธีกรรมการผลิตที่น่าสนใจแล้ว รสชาติและกลิ่นที่ยอดเยี่ยมก็นับได้ว่าเป็นความประทับใจด้วยเช่นเดียวกัน โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีสีที่ค่อนข้างเป็นสีแดงเข้ม ซึ่งมีความเข้มมาจากเนื้อผลไม้ที่ใช้นั่นเอง บวกกับรสชาติที่ค่อนข้างดีและไม่มีความเข้มข้นที่ทรงพลังอย่างที่คาดคิดไว้ จึงทำให้ไวน์ชนิดนี้มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างร่วมสมัย หอมหวานแลนและเอร็ดอร่อย โดยกลิ่นและรสชาติที่โดดเด่นนั่น ได้แก่ ผลไม้สีแดง ผลมะกอก เครื่องเทศและกลิ่นข้าวจางๆ
โดยรวมแล้วนับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีสัมผัสที่ติดลิ้นที่ค่อนข้างยาวนาน โดยเฉพาะยาวนานกว่าไวน์หลากหลายชนิด รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่จะมีรสชาติที่เหมาะสมเมื่อมีอายุยาวนานประมาณ 15 ปีและควรคู่กับการรับประทาน กับอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ โดยเฉพาะเนื้อแกะ ซึ่งไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีปริมาณของแอลกอฮอล์อยู่ที่ 14-15%
CHATEAU DE BEAUCASTEL HOMMAGE À JACQUES PERRIN MAGNUM
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
โดย รีวิวเหล้านอก.com
Chateau La Dominique
Chateau La Dominique
Chateau La Dominique เป็นไวน์ที่มีแหล่งการผลิตอยู่บริเวณ Chateau La Dominique ใน Saint-Emilion Grand Cru ของ Saint-Emilion เมือง Bordeaux ของประเทศฝรั่งเศส โดยชื่อไวน์ที่ใช้ในการผลิตนั้นก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชื่อโรงกลั่นไวน์ที่ใช้ในการผลิตไวน์นี้และยังเป็นแหล่งเดียวกันกับสวนที่ใช้ในการเพาะปลูกองุ่นที่ใช้ในการผลิตอีกด้วย
โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการใช้ส่วนผสมขององุ่นทั้งสามสายพันธุ์เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตไวน์ชนิดนี้ ได้แก่องุ่นพันธุ์ Merlot 85%, Cabernet Franc 13% และองุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon อีก 2% (โดยอัตราส่วนนี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามการปรับปรุงไวน์ในแต่ละรุ่น) โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่การหมักเป็นจำนวนสองครั้งด้วยกัน โดยการหมักครั้งแรกจะเกิดขึ้นในถังหมักสแตนเลสเป็นเวลาประมาณ 25-37 วัน หลังจากนั้นจะนำไปหมักในถังโอ๊กใบใหม่ต่ออีกเป็นเวลายาวนานกว่า 16 เดือน
ซึ่งไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่นิยมใช้ในการเฉลิมฉลองงานสำคัญหรือเทศกาลต่างๆ โดยเฉพาะในงานวันเกิดต่างๆ โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัสเป็นสีแดงเข้ม รวมทั้งยังมีส่วนของกลิ่นและรสชาติที่โดดเด่นที่แสดงออกมานั้น จะมีความคล้ายคลึงกันกับดอกกุหลาบ ดาร์กช็อกโกแลต กาแฟเอสเปรสโซ่ สมุนไพร ลูกพลัมและลูกเชอร์รี่สีดำ ซึ่งกลิ่นและรสชาติที่แสดงออกมานั้นแสดงได้ถึงความเข้มข้นและความเปรี้ยวจี๊ดที่แสดงออกมา โดยค่า Ph ของไวน์ชนิดนี้มีค่าที่ค่อนข้างต่ำอยู่ที่ประมาณ 3.7 เลยทีเดียว
สำหรับข้อแนะนำในการรับประทานไวน์ชนิดนี้ ไวน์ชนิดนี้จะมีรสชาติที่อร่อยมากยิ่งขึ้นเมื่อมีอายุไวน์ที่ประมาณ 9-12 ปี รวมทั้งยังควรที่จะวางทิ้งไวน์ก่อนประมาณ 1-2 ชั่วโมงก็ช่วยส่งเสริมให้กลิ่นและรสชาติของไวน์ดียิ่งขึ้นอีกด้วย โดยไวน์ชนิดนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ควรเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิประมาณ 15.5 องศาเซลเซียส หรืออยู่ที่ประมาณ 60 องศาฟาเรนไฮต์ รวมทั้งยังเหมาะสมกับการรับประทานควบคู่กับอาหารจำพวกเนื้อวัว เนื้อกวาง เนื้อแกะ เนื้อไก่ โดยเฉพาะไก่ย่างรมควัน หรืออาหารที่ย่างหรือรมควันก็เหมาะสมอยู่เช่นเดียวกัน นอกเหนือจากนี้อาหารที่เต็มไปด้วยเนื้อปลาเช่นปลาทูน่า ปลาแซลม่อน เห็ด หรืออาหารเอเชียและพาสต้าก็สามารถกินควบคู่กับไวน์เพื่อเสริมรสชาติได้เช่นเดียวกัน โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 15%
Chateau La Dominique
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
โดย รีวิวเหล้านอก.com
Château Haut-Brion Premier Grand Cru Classé
Château Haut-Brion Premier Grand Cru Classé
Château Haut-Brion Premier Grand Cru Classé เป็นไวน์ที่มีแหล่งกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศส โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีแหล่งการผลิตใหญ่อยู่ที่เมือง Pessac-Leognan ในเมือง Bordeaux ของแดนน้ำหอมนั่นเอง
ไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีการถูกสร้างสรรค์ขึ้นโดยแบรนด์ไวน์ในประเทศฝรั่งเศสอย่าง Haut-Brion ที่ก่อตั้งขึ้นโดย Jean de Pontec ในปี ค.ศ. 1553 หรือราวปี พ.ศ. 2096 โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ชนิดแรกในประวัติศาสตร์ไวน์ที่มีการผลิตขึ้นมาในดินแดนแห่งไวน์อย่าง Bordeaux รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่เคยถูกนำเสนอให้แก่พระเจ้าชาร์ลที่สองแห่งฝรั่งเศสในปี ค.ศ.1660 หรือช่วงประมาณปีพ.ศ. 2203 อีกด้วย โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีส่วนผสมที่น่าสนใจ โดยการนำองุ่นทั้งสามสายพันธุ์มาใช้ในกรรมวิธีการผลิตนี้ ได้แก่ 45% Merlot, 44% Cabernet Sauvignon และ 9% Cabernet Franc ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่นั้น ถึงว่าไวน์นี้จะไม่มีองุ่นพันธุ์ Petit Verdot แต่กลับกลายว่ามีกลิ่นและรสชาติขององุ่นสายพันธุ์นี้อยู่จางๆ
เนื่องด้วยเป็นไวน์ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ จึงทำให้ไวน์ชนิดนี้มีกรรมวิธีการผลิตที่ค่อนข้างนานและซับซ้อนกว่าไวน์ทั่วไป โดยไวน์ชนิดนี้จะต้องคัดสรรและเก็บเกี่ยวองุ่นที่ใช้ด้วยมือเท่านั้น และจะต้องผ่านการเลือกสรรหลายขั้นตอนเพื่อหาองุ่นที่ดีที่สุด โดยองุ่นที่ใช้นั้นต้องใช้ในสวนของตนเองเท่านั้น และมีระยะเวลาในการหมักยาวนานมากถึง 22 เดือนด้วยกัน
ในส่วนของรสชาติและกลิ่นนั้นนับได้ว่ามีรสชาติที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่งทั้งความเข้มข้นของเนื้อสัมผัส ความแห้งของเนื้อไวน์และความเปรี้ยวของรสชาติและกลิ่นที่มีความคล้ายคลึงกับในยาสูบ ต้นสนและต้นโอ๊กผสมรวมกัน นอกเหนือจากนี้ยังมีส่วนผสมของกลิ่นและรสชาติที่คล้ายคลึงกับผลไม้สีดำที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบล็กเคอร์แรนหรือผลเชอร์รี่สีดำก็ตาม นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังมีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์ที่ค่อนข้างเหมาะสม อยู่ในระดับประมาณ 13% และเหมาะสมกับการรับประทานควบคู่กับอาหารจำพวกเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวางและเนื้อสัตว์ปีกอย่างไก่และเป็ด
Château Haut-Brion Premier Grand Cru Classé
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
โดย รีวิวเหล้านอก.com
Chateau Marquis de Terme Margaux
Chateau Marquis de Terme Margaux
Chateau Marquis de Terme Margaux นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีชื่อเสียงของประเทศฝรั่งเศส โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีการผลิตขึ้นมาภายใต้ชื่อแบรนด์ไวน์ดังอย่าง Chateau Marquis de Terme ซึ่งเป็นโรงผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงอยู่บริเวณ Margaux ใน Medoc, Bordeaux ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส โดยบริเวณแห่งนี้นอกจากจะมีแหล่งผลิตไวน์หรือโรงกลั่นไวน์เป็นของตัวเองแล้ว สถานที่แห่งนี้ยังมีบริเวณเพาะปลูกองุ่นที่ใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตไวน์เป็นของตัวเองอีกด้วย
โดยองุ่นที่มีชื่อเสียงที่ถูกผลิตขึ้นมาจากบริเวณนี้ ได้แก่ องุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon ที่มีความนิยมในการผลิตไวน์อย่างสูง โดยไวน์ชนิดนี้ก็นับได้ว่าเป็นหนึ่งในไวน์ที่มีการนำองุ่นพันธุ์นี้มาใช้มากถึง 60% ของสัดส่วนวัตถุดิบทั้งหมด นอกเหนือจากองุ่นพันธุ์นี้แล้ว ทางผู้ผลิตก็มีการใช้องุ่นพันธุ์ Merlot และ Petit Verdot มาใช้ด้วยในอัตราส่วน 33% และ 7% ตามลำดับ โดยไวน์นี้จะต้องผ่านการผลิตโดบการหมักลงในถังไม้โอ๊กใบใหม่เป็นเวลายาวนานถึง 18 เดือน ถึงได้รสชาติที่ลงตัว
โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีเนื้อสัมผัสที่สวยงาม มีสีของเนื้อไวน์เป็นสีแดงเข้มแกมม่วงที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีความสมดุลทั้งในเรื่องของกลิ่นและรสชาติของไวน์อย่างดี ด้วยความนุ่มนวลของความสดใหม่ของผลไม้นานาชนิดที่ผสานกันกับความเข้มข้นของรสชาติและกลิ่นราวกับกาแฟเอสเปรสโซ่ชั้นดี ที่ผสานกับช็อกโกแลตขม ทำให้ไวน์นี้มีเสน่ห์อย่างหาตัวจับได้ยากยิ่ง
โดยรวมแล้วนับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างโดดเด่น ทั้งกลิ่น เนื้อสีและรสชาติก็ผสานความแตกต่างเข้ากันได้อย่างละมุนและลงตัว ตัวเนื้อสัมผัสก็มีความพอดี เป็นเนื้อเดียวกันอย่างยอดเยี่ยม โดยไวน์นี้มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 12.5-14% และเหมาะกับการรับประทานควบคู่กับอาหารจำพวกเนื้อวัวและเนื้อกวาง
Chateau Marquis de Terme Margaux
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
โดย รีวิวเหล้านอก.com
Almaviva
Almaviva
Almaviva นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการผลิตขึ้นมาโดยเจ้าของแบรนด์ไวน์เดียวกันกับไวน์ที่มีชื่อเสียงอย่าง Château Mouton-Rothschild และ Chile’s Concha y Toro โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในความงดงามที่ทันสมัยของไวน์แดงชนิดนี้ รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีแหล่งการผลิตมาจาก Puente Alto ใน Maipo Valley ของประเทศชิลี
โดยไวน์ชนิดนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีการนำองุ่นทั้งสี่สายพันธุ์มาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต โดยอัตราส่วนที่ใช้ในการผลิตนั้น จะมีความแตกต่างกันตามรุ่นไวน์ที่มีการผลิตขึ้นมาในแต่ละปี โดยองุ่นที่ใช้นั้นจะมี Cabernet sauvignon, Carmenere, Cabernet Franc และ Petit Verdot ซึ่งไวน์ชนิดนี้ ไม่ได้มีดีเพียงแค่องุ่นชั้นเลิศเท่านั้น แต่กรรมวิธีการเก็บและผลิตนั้นก็นับได้ว่ามีมนต์เสน่ห์ไม่แพ้กัน โดยไวน์ชนิดนี้จะมีการเก็บเกี่ยวองุ่นที่มีอุณหภูมิที่ค่อนข้างสูง ในช่วงกลางเดือนธันวาคมจนถึงสัปดาห์ที่สามของเดือนมีนาคมเท่านั้น นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้จะมีการองุ่นที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดีแล้ว ไปหมักลงในถังไม้โอ๊กพันธุ์ฝรั่งเศสอย่างดีเป็นเวลายาวนานถึง 18 สัปดาห์
ในส่วนของรสชาติ กลิ่น และรูปลักษณ์ของเนื้อไวน์นั้นก็นับได้ว่ายอดเยี่ยมไม่แพ้กัน โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์แดงที่มีรสชาติที่ยอดเยี่ยมและมีความทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งกลิ่นที่มีความซับซ้อนและสีของเนื้อสัมผัสที่แดงสด รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นที่มีลักษณะเด่นจากดอกไม้นานาพันธุ์ที่ผสานตัวกันขึ้นมาอย่างงดงาม หลังจากกลิ่นของดอกไม้สดได้ผ่านพ้นไป กลิ่นของคาราเมลจางๆก็ผสานตัวขึ้นมาต่อเนื่องกัน รวมทั้งยังมีกลิ่นของชะเอมเทศและกลิ่นองุ่นอีกด้วย ไม่ใช่เพียงแค่นั้น รสชาติของไวน์นั้นก็เอร็ดอร่อยไปด้วยรสชาติของน้ำผลไม้จางๆ ผสานกับรสของผลราสเบอร์รี่ แบล็กเคอร์แรน และผลเชอร์รี่ดำ
โดยรวมแล้วนับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีความงดงามอย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นทั้งกรรมวิธีการผลิต สี กลิ่นและเนื้อสัมผัสของไวน์ก็ชวนน่าหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 14.5% และเหมาะกับการรับประทานควบคู่กับอาหารจำพวก เนื้อวัวและเนื้อกวาง
Almaviva
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
โดย รีวิวเหล้านอก.com
Robert Mondavi Private Selection Red Blend Aged in Rye Barrels
Robert Mondavi Private Selection Red Blend Aged in Rye Barrels
Robert Mondavi Private Selection Red Blend Aged in Rye Barrels เป็นไวน์ที่มีแหล่งการผลิตมาจากยี่ห้อไวน์ชื่อดังอย่าง Robert Mondavi ซึ่งมีฐานการผลิตอยู่ที่มลรัฐแคลิฟอร์เนียของประเทศสหรัฐอเมริกา บริเวณ Monterey County ซึ่งอยู่ใน Central Cost
ไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการนำองุ่นเพียงแค่สายพันธุ์เดียว ได้แก่ องุ่นพันธุ์ Merlot มาใช้ในการผลิต โดยไวน์ชนิดนี้จะมีต้องมีการหมักลงในถังเหล้าที่ใช้หมักเหล้าที่มีการผลิตมาจากข้าวไรย์เพียงเท่านั้น รวมทั้งยังใช้กรรมวิธีการหมักเหล้าที่มีการผลิตมาจากข้างไรย์จากท้องถิ่นแคลิฟอร์เนียมาใช้ในการผลิต โดยจะต้องใช้เวลาในหมักเป็นเวลายาวนานกว่าสามเดือน เพื่อรสชาติที่ยอดเยี่ยมและลงตัว
โดยไวน์ยังมีสีของเนื้อสัมผัสเป็นสีแดงเข้มราวกับสีของทับทิมอย่างดี รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสสัมผัสที่ค่อนข้างซับซ้อน นอกเหนือจากนี้ไวน์ยังมีส่วนผสมของลูกพลัม ผลไม้สีดำนานาชนิด และต้นข้าวไรย์ ไม่ได้มีแค่นี้ ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติของต้นโอ๊ก วานิลลา ใบยาสูบ ผลแบล็กเบอร์รี่และกลิ่นดินจางๆ
ในภาพรวมนั้น สามารถสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีความแห้งและความเข้มข้นที่ค่อนข้างสูง ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งกับการรับประทานจำพวกเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวาง เนื้อสัตว์ปีก และชีส นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 14.5%
Robert Mondavi Private Selection Red Blend Aged in Rye Barrels
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
โดย รีวิวเหล้านอก.com
Robert Mondavi Private Selection Merlot Aged in Rum Barrels
Robert Mondavi Private Selection Merlot Aged in Rum Barrels
Robert Mondavi Private Selection Merlot Aged in Rum Barrels นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีแหล่งการผลิตมาจากยี่ห้อไวน์ชื่อดังอย่าง Robert Mondavi ซึ่งมีฐานการผลิตอยู่ที่มลรัฐแคลิฟอร์เนียของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยไวน์ชนิดนี้นับว่าเป็นไวน์ที่มีชื่อเสียงและยอดนิยมพอสมควร
ไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการนำองุ่นเพียงแค่สายพันธุ์เดียว ได้แก่ องุ่นพันธุ์ Merlot มาใช้ในการผลิต โดยไวน์ชนิดนี้จะมีต้องมีการหมักลงในถังเหล้าที่ใช้หมักเหล้ารัมเพียงเท่านั้น รวมทั้งยังใช้กรรมวิธีการหมักเหล้ารัมจากท้องถิ่นแคลิฟอร์เนียมาใช้ในการผลิต เพื่อรสชาติที่ยอดเยี่ยมและลงตัว
ในส่วนของรสชาติ เนื้อสัมผัสและกลิ่นนั้น นับได้ว่ามีเอกลักษณ์พอสมควร รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัสเป็นสีของทับทิมแดงสด แล้วไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่สมดุลลงตัว ไม่ว่าจะเป็นผลแบล็กเบอร์รี่สีดำ มะพร้าวเผาและเครื่องเทศอบรวมกัน รวมทั้งยังมีความเต็มเปี่ยมไปด้วยวานิลลาอย่างดี
โดยรวมแล้วนับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีสัมผัสที่ติดลิ้นค่อนข้างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นรสชาติที่สมดุลลงตัว ความหวานจากผลไม้และความเผ็ดร้อนจากเครื่องเทศ ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งกับการรับประทานควบคู่กันกับอาหารจากเนื้อวัว เนื้อแกะและเนื้อลูกวัว โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 14.5%
Robert Mondavi Private Selection Merlot Aged in Rum Barrels
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
โดย รีวิวเหล้านอก.com
Grant Burge 5th Generation Shiraz
Grant Burge 5th Generation Shiraz
Grant Burge 5th Generation Shiraz เป็นไวน์ที่มีการผลิตมาจากแบรนด์ไวน์ชั้นนำของประเทศออสเตรเลีย โดยมีแหล่งการผลิตไวน์ที่สำคัญอยู่บริเวณทางตอนใต้ของประเทศ บริเวณเขตเมือง Barossa Valley โดยมีชื่อว่า Grant Burge รวมทั้งยังเป็นแหล่งไวน์ที่มีการชื่อเสียงมาในวงการการผลิตไวน์มายาวนานกว่า 30 ปี
โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการนำองุ่นเพียงแค่ชนิดเดียว ได้แก่ องุ่นพันธุ์ Shirazหรือสามารถเรียกได้อีกอย่างว่า Syrah ซึ่งเป็นไวน์ที่มีการเพาะปลูกในไร่ของตัวเองโดยเฉพาะ รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่จะต้องมีการคัดเลือกสายพันธุ์อย่างดี และให้องุ่นมีลักษณะสายพันธุ์ตามที่ต้องการ เพื่อให้ได้กรรมวิธีการผลิตที่ดีที่สุด ให้สมกับไวน์ที่ใช้ในการเฉลิมฉลองการครบรอบ 5 รุ่นของการผลิตไวน์ภายใต้แบรนด์ Grant Burge
เนื่องด้วยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อไวน์เป็นสีแดงเข้มราวกับสีของทับทิม รวมทั้งยังมีกลิ่นและรสชาติของไวน์ที่ยอดเยี่ยม ทั้งมีกลิ่นของลูกพลัม เบอร์รี่ดำและ ดาร์ก ช็อกโกแลต รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีรสชาติของเบอร์รี่สีดำ ผลไม้สีดำ และพริกไทย
โดยรวมแล้วนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีความเข้มข้นที่ค่อนข้างมาก มีความเบาบางของเนื้อสัมผัสในระดับปานกลาง ความแห้งที่ค่อนข้างมาก และความนุ่มนวลของไวน์ที่มีไม่มากนัก ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งกับการรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่ประกอบมาจากเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อสัตว์ปีก และเนื้อกวาง รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 14-14.5%
Grant Burge 5th Generation Shiraz