Tag Archives: Wine

Allegrini Palazzo della Torre Veronese

Allegrini Palazzo della Torre Veronese

            Allegrini Palazzo della Torre Veronese นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีความน่าสนใจและได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางมากในแถบทวีปอเมริกาใต้ โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยจิตวิญญาณและประสบการณ์จากแบรนด์ไวน์ชั้นเยี่ยมอย่าง Allegrini ที่เป็นแบรนด์ไวน์ที่เกิดจากการผลิตจากตระกูลชาวอิตาเลียนแท้ใบแถบบริเวณ Valpolicella Classico หรือที่ใครหลายคนเรียกกันด้วยอีกชื่อว่า Verona ของเมือง Veneto ในเขตแดนทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอิตาลี

            โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์คุณภาพอีกยี่ห้อหนึ่งเนื่องจากมีการดูแลการผลิตกับ IGT หรือการแบ่งเกรดของไวน์ชนิดต่างๆของไวน์สัญชาติอิตาเลียน โดยไวน์ชนิดนี้จะอยู่ในระดับเดียวกันกับไวน์ชั้นเยี่ยมของประเทศฝรั่งเศสเลยทีเดียว ซึ่งนับว่าอยู่ในระดับเกณฑ์ที่ดีมาก โดยไวน์ชนิดนี้ทางผู้ผลิตจะนำองุ่นมาใช้ในการผลิตเพียงแค่สายพันธุ์เดียวด้วยกัน ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Corvina ซึ่งเป็นสายพันธุ์องุ่นที่มีชื่อเสียงในประเทศอิตาเลียน นับได้ว่าเป็นสายพันธุ์ที่ไม่ค่อยนิยมนำมาใช้ในการผลิตไวน์ที่เห็นกันในระดับโลกเท่าไหร่นัก แต่ว่ากลับเป็นสายพันธุ์องุ่นที่ช่วยเสริมให้สีของเนื้อสัมผัสและรสชาติละมุนและเบาบางมากยิ่งขึ้น โดยทางผู้ผลิตจะทำการนำองุ่นทั้งหมดที่ผ่านการเก็บเกี่ยวอย่างดีแล้วไปหมักลงในถังไม้เป็นระยะเวลามากกว่า 10 ปีเลยทีเดียว

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นไวน์ที่ค่อนข้างมีรสชาติ เนื้อสัมผัส และกลิ่นที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ค่อนข้างน่าสนใจอย่างมาก เริ่มต้นด้วยส่วนของสีของเนื้อสัมผัสของไวน์ชนิดนี้ที่เป็นสีแดงสดราวกับสีของทับทิมสวยงามอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นของไวน์ที่ค่อนข้างเข้มข้นไปด้วยผลไม้สีเข้มตากแห้งหลากหลายชนิด เช่นผลเบอร์รี่สีดำหรือผลเคอร์แรนสีดำที่ผสานตัวกันกับกลิ่นของมะพร้าวได้อย่างลงตัว ซึ่งก็สอดคล้องกับรสสัมผัสที่มีความเบาบางและมีระยะเวลาของสัมผัสที่ติดลิ้นยาวนานอย่างดี

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีความน่าสนใจและความโดดเด่นในด้านของกลิ่นและรสชาติที่มีทั้งความละมุน นุ่มนวลและความหวานอย่างดี มีเอกลักษณ์จากผลไม้สีเข้มหลากหลายชนิด โดยเฉพาะผลเบอร์รี่และเคอร์แรนที่ชวนให้น่าลิ้มลองอย่างยิ่ง ซึ่งนับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีความเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานไวน์ชนิดนี้ควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวางและเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 13.85% ด้วยเช่นกัน

Allegrini Palazzo della Torre Veronese

Allegrini Palazzo della Torre Veronese

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Castello Colle Massari Grattamacco Bolgheri Superiore

Castello Colle Massari Grattamacco Bolgheri Superiore

            Castello Colle Massari Grattamacco Bolgheri Superiore นับได้ว่าเป็นไวน์แดงอีกรุ่นหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากแบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Prodere Grattamacco หรือที่ใครหลายคนจะเรียกสั้นๆว่า Grattamacco ซึ่งแบรนด์ไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นแบรนด์ไวน์แห่งที่สองที่ถูกสร้างและก่อตั้งขึ้นมาในเมือง Bolgheri Superiore ในเมือง Toscana ของประเทศอิตาลี ซึ่งในทุกวันนี้ก็ยังเป็นแบรนด์ไวน์ที่ถูกดูแลโดยครอบครัว Tipa-Bertarelli

            โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้อีกว่าเป็นไวน์ที่มีกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างน่าสนใจและศึกษาอยู่พอสมควร เนื่องด้วยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีขั้นตอนกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างซับซ้อนและประณีตอยู่พอสมควร เริ่มต้นด้วยที่ทางผู้ผลิตได้มีการเลือกสรรวัตถุดิบด้วยการใช้องุ่นถึงสี่สายพันธุ์ด้วยกัน และการใช้องุ่นในการผลิตแต่ละสายพันธุ์ก็มีอัตราส่วนที่แตกต่างกันอีกด้วย โดยองุ่นที่ทางผู้ผลิตได้ตัดสินใจเลือกใช้นั้น ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon 60%, Cabernet Franc 20%, Merlot 20% และองุ่นสายพันธุ์ Sangiovese อีก 10% ด้วยกัน ซึ่งองุ่นทั้งหมดที่ทางผู้ผลิตได้มีการเลือกใช้นั้นทางผู้ผลิตจะนำไปหมักลงในถังไม้บาร์เรลเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 18 เดือนด้วยกัน

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีลักษณะภายนอกที่ชวนให้ลิ้มลองอยู่พอสมควร เนื่องด้วยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตั้งแต่สีของเนื้อสัมผัส กลิ่นและรสชาติที่ล้วนชวนให้น่าสนใจแทบทั้งสิ้น เริ่มต้นด้วยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัสที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสีแดงเข้มราวกับสีของทับทิม บวกกันกับไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นที่ค่อนข้างหอมหวานและบางเบาไปด้วยกลิ่นของดอกไม้นานาพันธุ์ที่ผสานกันกับกลิ่นของผลเชอร์รี่ตากแห้งและกลิ่นของเครื่องหนังชั้นดี ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีรสชาติที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเข้มข้นของน้ำผลไม้และมีความน่ามหัศจรรย์ไปด้วยรสชาติของผลไม้สีแดงมากมายหลากหลายชนิดด้วยกัน ซึ่งนับได้ว่ามีความสมบูรณ์และน่าลงตัวอย่างดี

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างเป็นที่ประทับใจของใครหลายคนที่ชื่นชอบในความหวานและเบาบางที่ลงตัว เป็นไวน์ที่ถ่ายทอดกลิ่นอายและบรรยากาศของผลไม้และดอกไม้หลากหลายชนิดที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานไวน์ชนิดนี้ควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวาง เครื่องในสัตว์และอาหารจานเดียวอย่างพาสต้าอีกด้วยเช่นกัน นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 14.5% ด้วยเช่นกัน

Castello Colle Massari Grattamacco Bolgheri Superiore

Castello Colle Massari Grattamacco Bolgheri Superiore

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Patagón Family Reserve Limited Edition Cabernet Sauvignon

Patagón Family Reserve Limited Edition Cabernet Sauvignon

            Patagón Family Reserve Limited Edition Cabernet Sauvignon นับได้ว่าเป็นไวน์แดงชั้นเยี่ยมที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในระดับแนวหน้าของโลก โดยเฉพาะบริเวณทวีปอเมริกาใต้ โดยแบรนด์ไวน์ที่ผลิตและรังสรรค์ไวน์ชนิดนี้ขึ้นมาด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานก็คือแบรนด์ไวน์ดังอย่างPatagón  ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตอยู่ที่ย่านชุมชนที่มีชื่อในด้านการผลิตไวน์ที่ยอดเยี่ยมมาอย่างมากมายอย่าง Curico Valley ในใจกลางของประเทศชิลี ซึ่งนับได้ว่าเป็นสถานที่ผลิตไวน์ที่มีขนาดใหญ่กว่า 115 ไมล์หรืออยู่ที่ประมาณ 185 กิโลเมตรด้วยกัน

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกระบวนการผลิตที่ไม่ค่อยซับซ้อนมากนัก เนื่องจากไวน์ชนิดนี้จะเป็นไวน์ที่ทางผู้ผลิตจะมีการเลือกสรรองุ่นเพียงแค่สายพันธุ์เดียวเท่านั้นที่นำมาใช้ ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon แท้ 100% ซึ่งนับได้ว่าเป็นไวน์ยอดนิยมใช้ในการผลิตไวน์แดงทั่วโลก โดยองุ่นทั้งหมดที่ทางผู้ผลิตได้เลือกมานั้นจะต้องผ่านการเก็บเกี่ยวในช่วงท้ายเดือนเมษายนด้วยการเก็บเกี่ยวด้วยมือเท่านั้นและผ่านการคัดเลือกถึงสองครั้งด้วยกัน หลังจากนั้นไวน์ชนิดนี้ก็ยังนำองุ่นทั้งหมดไปบ่มเป็นระยะเวลากว่า 25-30 วัน โดยในช่วง 48 ชั่วโมงแรกนั้นจะมีการควบคุมอุณหภูมิที่ค่อนข้างเข้มงวดด้วยอุณหภูมิประมาณ 15 องศาเซลเซียสหรืออยู่ที่ประมาณ 59 องศาฟาเรนไฮต์ด้วยกัน หลังจากนั้นทางผู้ผลิตก็จะนำองุ่นที่ผ่านกระบวนการบ่มแล้วไปหมักต่อลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์ฝรั่งเศสใบใหม่เป็นระยะเวลายาวนานกว่า 18-24 เดือนด้วยกัน

            โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีลักษณะและเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างน่าดึงดูดเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของสีเนื้อสัมผัส กลิ่นและรสชาติที่ดีงามอย่างมาก เริ่มต้นด้วยสีของเนื้อไวน์ที่เป็นสีม่วงแกมแดงเข้มสวยงามอย่างมาก บวกกันกับไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างเข้มข้นและซับซ้อนเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นและรสชาติของลูกพลัม ผลเชอร์รี่ ชะเอมเทศ วานิลลาและโกโก้อย่างดี ซึ่งถือได้ว่าเป็นไวน์ที่มีโครงสร้างของเนื้อสัมผัสไวน์ที่มีความชัดเจนในองค์ประกอบและมีความหวานอมเปรี้ยวจากสารแทนนินอีกด้วย

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์แดงที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างชวนให้ลิ้มลองเป็นอย่างยิ่ง เริ่มต้นด้วยกลิ่นและรสชาติของไวน์ที่ค่อนข้างเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวานอมเปรี้ยวจากองค์ประกอบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นชะเอมเทศ สารแทนนิน เชอร์รี่ ลูกพลัม วานิลลาและโกโก้อย่างดี ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานไวน์ชนิดนี้ควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวางและเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 14% ด้วยกัน

Patagón Family Reserve Limited Edition Cabernet Sauvignon

Patagón Family Reserve Limited Edition Cabernet Sauvignon

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Villa Maria Private Bin Sauvignon Blanc Marlborough

Villa Maria Private Bin Sauvignon Blanc Marlborough

            Villa Maria Private Bin Sauvignon Blanc Marlborough นับได้ว่าเป็นไวน์ขาวชั้นเยี่ยมที่ได้รับความยอดนิยมและเป็นที่ชื่นชอบของนักดื่มในระดับต้นของโลกอย่างยิ่ง โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่ถูกสร้างสรรค์หรือผลิตขึ้นมาภายใต้แบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Villa Maria ที่นับได้ว่าเป็นแบรนด์ไวน์ที่มีอายุของแบรนด์มานานกว่าครึ่งศตวรรษที่มีความสามารถจนสามารถเฉิดฉายในระดับแถวหน้าของโลกได้ โดยแบรนด์ไวน์ชนิดนี้ยังมีการตั้งถิ่นฐานการผลิตอยู่ที่เมือง Marlborough ซึ่งอยู่บริเวณเกาะทางตอนใต้ของประเทศนิวซีแลนด์

            โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ขาวคุณภาพคับขวดที่มีกระบวนการผลิตที่ไม่ได้มีความซับซ้อนแต่กลับสามารถถ่ายทอดกลิ่นอายและรสชาติของไวน์ได้เป็นอย่างดี โดยเริ่มแรกทางผู้ผลิตนั้นได้มีการคัดเลือกสายพันธุ์องุ่นเพียงแค่สายพันธุ์เดียวมาใช้ในการผลิตในครั้งนี้ ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Sauvignon Blanc แท้ 100% มาใช้ โดยองุ่นทั้งหมดที่ทางผู้ผลิตได้เลือกใช้นั้นจะมีการเก็บเกี่ยวขึ้นมาในช่วงฤดูหนาวเท่านั้นเพื่อทำให้กลิ่นของไวน์นี้ชัดเจน หลังจากนั้นทางผู้ผลิตจะมีการใส่กลิ่นของผลเบอร์รี่เล็กน้อย เพื่อให้ไวน์มีกลิ่นที่หลากหลายและมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น โดยจะถูกหมักลงในถังไม้ตลอดช่วงฤดูร้อน จนทำให้ไวน์ชนิดนี้มีความแห้งมากกว่าไวน์ชนิดอื่นๆ

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นไวน์ที่มีลักษณะภายนอกที่น่าสนใจอยู่อย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัมผัส กลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างน่าดึงดูดแก่นักดื่มอยู่พอสมควรด้วยกัน เริ่มต้นด้วยเนื้อสัมผัสภายนอกที่ไวน์ชนิดนี้จะมีสีของเนื้อสัมผัสที่เป็นสีเหลืองใสราวกับสีของฟางข้าวสวยงามที่ผสานกันกับสีเนื้อสัมผัสที่เป็นสีเขียวนวลอย่างดี นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นของไวน์ที่ค่อนข้างชัดเจนไปด้วยกลิ่นของเบอร์รี่หลากหลายชนิดที่ผสานกันกับเสาวรส ผลส้มสด เมล่อนและสมุนไพรนานาชนิดด้วยกัน ซึ่งรสชาติของไวน์นี้ก็แทบจะไม่ค่อยแตกต่างจากกลิ่นของไวน์มากนัก เนื่องด้วยรสชาติของไวน์นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยรสของน้ำผลไม้ที่ค่อนข้างชัดเจนเหนือองค์ประกอบชนิดอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นไวน์ขาวที่มีความชัดเจนในองค์ประกอบและความเปรี้ยวของไวน์ที่แทรกมาอย่างดีอีกด้วย

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างน่าดึงดูดเป็นอย่างดียิ่ง ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นและรสชาติที่ให้กลิ่นอายของความสดใหม่ เบาบาง ชัดเจนและเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวานอมเปรี้ยวได้เป็นอย่างดี นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติของเสาวรส ผลเบอร์รี่หลากหลายชนิดด้วยกัน ที่ผสานกันกับกลิ่นและรสชาติของเมล่อน ผลส้มสดและสมุนไพรอย่างดี อีกทั้งไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับการรับประทานไวน์ชนิดนี้ควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ทะเล อาหารมังสวิรัติและชีสจากนมแพะอีกด้วย ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้อีกว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 12.5% ด้วยกัน

Villa Maria Private Bin Sauvignon Blanc Marlborough

Villa Maria Private Bin Sauvignon Blanc Marlborough

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Toscana Tenuta San Guido Guidalberto

Toscana Tenuta San Guido Guidalberto

            Toscana Tenuta San Guido Guidalberto นับได้ว่าเป็นไวน์ชื่อดังยอดนิยมและเป็นที่ชื่นชอบของนักดื่มไวน์ทั่วโลก โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการถูกสร้างสรรค์และผลิตขึ้นมาภายใต้แบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Tenuta San Guido ซึ่งเป็นแบรนด์ไวน์ที่มีชื่อเสียงและมีโรงกลั่นไวน์เป็นของตัวเอง โดยแบรนด์ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นแบรนด์ไวน์ที่ถูกส่งตรงมาจากแถบการผลิตไวน์คุณภาพอย่าง Toscana ของประเทศอิตาลี

            โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว เริ่มต้นด้วยการคัดเลือกสายพันธุ์องุ่นที่ทางผู้ผลิตได้มีการนำองุ่นสองสายพันธุ์ที่สำคัญมาใช้ในการผลิตในครั้งนี้ โดยองุ่นที่ทางผู้ผลิตได้เลือกใช้นั้น ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon และองุ่นสายพันธุ์ Merlot โดยอัตราส่วนที่ใช้ในแต่ละสายพันธุ์ก็ย่อมมีความแตกต่างกัน เริ่มด้วยองุ่นสายพันธุ์ cabernet Sauvignon ที่ใช้เป็นหลักที่ 60% ส่วนที่เหลืออีก 40% นั้นจะเป็นส่วนที่ทางผู้ผลิตเลือกใช้องุ่นสายพันธุ์ Merlot เพื่อเพิ่มความหลากหลายของไวน์ให้มากยิ่งขึ้น โดยองุ่นทั้งหมดนั้นทางผู้ผลิตจะเลือกใช้นั้นจะผ่านการเก็บเกี่ยวในช่วงต้นเดือนกันยายนของทุกปี อีกทั้งยังนำองุ่นเหล่านี้มาหมักลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์ฝรั่งเศสเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 15 ปีด้วยกัน แต่ว่าการหมักจะไม่ใส่องุ่นทั้งหมดลงไปในถังนี้ทีเดียว แต่จะมีการแบ่งองุ่นในปริมาณที่น้อยเพื่อเอาไปหมักลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์อเมริกันชั้นเยี่ยมอีกด้วย หลังจากที่องุ่นทั้งหมดผ่านการบ่มอย่างดีแล้ว

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้เมื่อผ่านกระบวนการผลิตและนำมาบรรจุลงในภาชนะแล้ว ก็ทำให้ไวน์ชนิดนี้มีลักษณะภายนอกของไวน์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของกลิ่น เนื้อสัมผัสและรสชาติของไวน์ เริ่มต้นด้วยสีของเนื้อไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติของไวน์ที่มีความหลากหลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นและรสชาติของลูกสนที่ผสานกันกับสารแทนนินและผลไม้สีแดงนานาชนิดด้วยกัน นับได้ว่าเป็นไวน์ที่ให้กลิ่นอายของความวินเทจ ความคลาสสิกเก่าแก่และความอบอุ่นที่ผสมลงตัวกันได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกลิ่นอายและให้บรรยากาศของความอบอุ่นและความมีชีวิตชีวาของเนื้อสัมผัสได้เป็นอย่างดี ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานไวน์ชนิดนี้ควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อวัว เนื้อกวาง เนื้อสัตว์ปีก เช่นเนื้อไก่และเนื้อเป็ด เครื่องในสัตว์และเนื้อหมักอย่างดี อีกทั้งไวน์ชนิดนี้จะยิ่งมีรสชาติที่ยอดเยี่ยมมากยิ่งขึ้นเมื่อมีการเสิร์ฟที่อุณหภูมิประมาณ 12-14 องศาเซลเซียสด้วยกัน นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังมีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 14.5% ด้วยกัน

Toscana Tenuta San Guido Guidalberto

Toscana Tenuta San Guido Guidalberto

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Vega Sicilia Pintia Toro

Vega Sicilia Pintia Toro

Vega Sicilia Pintia Toro จัดเป็นไวน์แดง ทำได้โดยการปรับวันที่เก็บเกี่ยวอย่างละเอียดเพื่อรักษาความสดของกลิ่นและความเป็นกรดของไวน์ องุ่นที่ใช้เป็นองุ่นพันธุ์ Tempranillo ที่ถูกเก็บระหว่างวันที่ 26 กันยายนถึง 10 ตุลาคม และหมักหลังจากแช่เย็น Malolactic ถูกบ่มในถังฝรั่งเศส 70% ไม้โอ๊กสายพันธุ์อเมริกัน 25% และถังไม้ฮังการี 5% เป็นปีที่สง่างามมากสำหรับ Pintia นอกจากนี้ยังเป็นปีที่เบากว่าด้วยความสดชื่นที่ดี และสิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความสง่างามภายในความเรียบง่ายของโซนนี้

ไร่ Vega Sicilia ตั้งอยู่ในเขต (Ribera del Duero ของแคว้น Castilla y Leon ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศสเปน ซึ่งเป็นเขตผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงของสเปน ไวน์ Vega Sicilia  เริ่มเป็นที่รู้จักเมื่อปี 1929 เป็นต้นมา หลังจากวินเทจ 1917 และ 1918 ได้รับรางวัลจากงาน  World Fair 1929 ที่เมืองบาร์เซโลนา (Barcelona) ขณะที่ Domingo ก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จนเสียชีวิตในปี 1933 และปี 1982 ตระกูล  Alvarez เจ้าของธุรกิจหลายอย่าง เข้ามาซื้อ Vega Sicilia  พร้อมกับปรับปรุงครั้งใหญ่ ทำให้รสชาติของ Vega Sicilia ดีขึ้นเป็นลำดับ Vega Sicilia จะใช้องุ่น Tempranillo ซึ่งใน Ribera del Duero เรียกว่า Tinto Fino or Tinto Pais ซึ่งเป็นองุ่นแดงประจำชาติของสเปนเป็นหลักประมาณ 80 % นอกนั้นเป็นองุ่นฝรั่งเศส เช่น Cabernet Sauvignon ประมาณ 15 % นอกนั้นเป็น Merlot และ Malbec ส่วน Carmenere และ Pinot Noir ที่ปลูกในยุคแรก ๆ ไม่มีการปลูกแล้ว ไวน์ Vega Sicilia จะถูกบ่มไว้ในถังโอ๊กนานนับ 10 ปี ทำให้รสชาติมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเมื่ออยู่ถังไม้โอ๊กขนาดใหญ่ครบ 1 ปีแล้ว จะถ่ายไปบ่มต่อในถังโอ๊กขนาดเล็กซึ่งเป็นโอ๊กใหม่อีก 2 ปี ขั้นตอนนี้ในปีแรกไวน์จะถูก Racking 4 ครั้ง ซึ่งการถ่ายไวน์จากถังหนึ่งไปยังอีกถังหนึ่ง โดยทิ้งตะกอนไว้ที่ถังเดิม เป็นการทำให้ไวน์ใสโดยธรรมชาติ และจะทำในขั้นตอนการบ่มไวน์  ปีที่ 2 จะทำ Racking อีก 2 ครั้ง  จากนั้นถ่ายไปบ่มต่อในถังอีกเก่าอีก  4 ปี จึงบรรจุขวด แล้วบ่มในขวด อีก 2-3 ปี จึงวางตลาด

ทำได้โดยการปรับวันที่เก็บเกี่ยวอย่างละเอียดเพื่อรักษาความสดของกลิ่นหอมและความเป็นกรดของไวน์ องุ่นถูกเก็บระหว่างวันที่ 26 กันยายนถึง 10 ตุลาคม และหมักหลังจากแช่เย็น Malolactic เกิดขึ้นในถังฝรั่งเศส 70% ไม้โอ๊กอเมริกัน 25% และถังไม้ฮังการี 5% เป็นปีที่สง่างามยิ่งขึ้นสำหรับ Pintia เนื่องจากวินเทจที่เท่กว่ามักจะช่วยปรับสมดุลพลังธรรมชาติของ Toro นอกจากนี้ยังเป็นปีที่เบากว่าด้วยความสดชื่นที่ดี และสิ่งนี้แสดงให้เห็นเส้นด้ายบางๆ บนเพดานปากและมีพื้นผิวที่สวยงาม สง่างามภายในความเรียบง่ายของโซน

Vega Sicilia Pintia Toro

Vega Sicilia Pintia Toro

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Croix de Beaucaillou

Croix de Beaucaillou

            Croix de Beaucaillou Saint-Julien นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยแบรนด์ผลิตไวน์ชื่อดังอย่าง Château Ducru-Beaucaillou ซึ่งตั้งอยู่ทางเมือง Saint Julien ใน Medoc, Bordeaux บริเวณทางดานตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส โดยเมืองนี้เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านการผลิตไวน์ประเภท Pauillac และ. Margaux อย่างยิ่ง โดยไวน์ชนิดนี้เป็นการผสมรวมกันระหว่างองุ่นมีชื่อทั้งสองชนิด ได้แก่ องุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon 90% และองุ่นพันธุ์ Merlot 10% ด้วยกัน รวมทั้งองุ่นที่เลือกใช้นั้นจะต้องเป็นองุ่นที่มีการเก็บเกี่ยวในช่วงปลายเดือนกันยายนจนถึงกลางเดือนตุลาคมโดยองุ่นทั้งหมดจะถูกนำไปหมักลงในถังโอ๊กใบใหม่เท่านั้นเป็นเวลายาวนานกว่า 18-20 เดือนด้วยกัน หลังจากที่ผ่านการอบในถังสแตนเลสแล้ว 7 วัน

            สำหรับ Croix de Beaucaillou 2011 ไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีลักษณะของเนื้อสัมผัส กลิ่นและรสที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นสีของเนื้อสัมผัสที่เป็นสีค่อนไปทางดำแดง รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติของดอกไม้มาเป็นส่วนใหญ่ หลังจากนั้นก็จะมีกลิ่นและรสชาติของผลไม้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ทั้งที่มีสีแดงและมีสีดำ รวมทั้งยังมีรสชาติที่นุ่มนวลติดตราตรึงใจใครต่อหลายคนอีกด้วย โดยรวมแล้วนับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีคุณสมบัติพร้อมในการรับประทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการรับประทานกับอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัวและเนื้อกวาง รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ  12-15ปีและมีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 15% อีกด้วย

Croix de Beaucaillou

Croix de Beaucaillou

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Vega Sicilia Unico

Vega Sicilia Unico

            Vega Sicilia Unico นับได้ว่าเป็นไวน์ในโลกของไวน์ยุคปัจจุบัน ไวน์สเปนคุณภาพระดับหลุดโลก และ Vega Sicilia โดยเฉพาะรุ่น Unico ได้ชื่อว่าเป็นไวน์ที่ดีที่สุด  แพงที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดของสเปน ซึ่ง Vega Sicilia Unico 2006 เป็นไวน์ที่โดดเด่นด้วยกลิ่นอายของไม้โอ๊กอเมริกันและรสสัมผัสที่นุ่มละมุนในปาก เนื่องจากไวน์ Vega Sicilia จะถูกบ่มไว้ในถังโอคนานับ 10 ปี ทำให้รสชาติมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเมื่ออยู่ถังไม้โอ๊กขนาดใหญ่ครบ 1 ปีแล้ว จะถ่ายไปบ่มต่อในถังโอ๊กขนาดเล็กซึ่งเป็นถังโอ๊กใบใหม่อีก 2 ปี ขั้นตอนนี้ในปีแรกไวน์จะถูก Racking หรือเรียกว่าเป็นการถ่ายไวน์จากถังหนึ่งไปยังอีกถังหนึ่ง โดยทิ้งตะกอนไว้ที่ถังเดิม เป็นการทำให้ไวน์ใสโดยธรรมชาติ และจะทำในขั้นตอนการบ่มไวน์ จะทำ 4 ครั้งในปีแรก ปีที่ 2 จะทำ Racking อีก 2 ครั้ง  จากนั้นถ่ายไปบ่มต่อในถังโอ๊กเก่าอีก  4 ปี จึงบรรจุขวด แล้วบ่มในขวด อีก 2-3 ปี จึงวางตลาด Vega Sicilia Unico เป็นรุ่นที่มีวินเทจ และผลิตเฉพาะปีที่ดี ๆ ดังนั้นบางปีจึงไม่มีการผลิต วางตลาดอย่างน้อย 10  หลังการบ่ม และสามารถเก็บได้อีก 15 – 20 ปีหรือมากกว่านั้น  เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสผลไม้หนักแน่นเข้มข้น เครื่องเทศ ใบยาสูบ ผลเบอร์รีสีดำ และโอ๊กหอมกรุ่น แม้จะเก่าแก่ขนาดไหนก็ยังมีความเป็นกรดก็ยังดีอีกด้วย

            Vega Sicilia ผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงที่สุดของสเปนมีรากฐานมาจากปีพ. ศ. 2407 โรงกลั่นไวน์ Vega Sicilia น่าจะเป็นพื้นที่ปลูกไวน์ของสเปนที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในระดับนานาชาติ ก่อตั้งโดย Eloy Lecanda ในปี 1864 ตลอดระยะเวลาเกือบ 150 ปีของประวัติศาสตร์ แม้ว่าเจ้าของโรงกลั่นไวน์จะเปลี่ยนไป แต่ไวน์ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของตนไว้ได้อย่างดีไม่ว่าจะเป็นเข้มข้น ประเภท และความสง่างามมาก ในปัจจุบัน Vega Sicilia เป็นของ Alvarez Mezquíriz ซึ่งซื้อมาในปี 1982 โดยเป็นที่จับตามองว่าอยู่ในระดับแนวหน้าเกี่ยวกับนวัตกรรมล่าสุดในกระบวนการปลูก การผลิตไวน์ และรวมไปถึงการขยายพื้นที่ไร่องุ่นอีกด้วย องุ่นที่ปลูกนั้น ได้แก่ Tempranillo, Cabernet Sauvignon, Merlot และ Malbec ส่วนผสมของ Vega Siclia โดยทั่วไปมีประมาณ 70% Tempranillo, 20% Cabernet Sauvignon และส่วนที่เหลือประกอบด้วยองุ่นสายพันธุ์ Merlot และองุ่นสายพันธุ์ Malbec Vega ในส่วนของไวน์ Sicilia Unico Reserva และไวน์ Vega Sicilia Unico Reserva Especial ซึ่งเป็นไวน์ที่สามผสมผสานทั้งสามวินเทจร่วมกัน

Vega Sicilia Unico

Vega Sicilia Unico

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Chateau Fourcas-Hosten

Chateau Fourcas-Hosten

            Château Fourcas Hosten ผลิต Château Fourcas Hosten ปี 2014 ซึ่งเป็นไวน์แดงจากภูมิภาค Listrac ที่มีองุ่น Merlot และ Cabernet Sauvignon ที่ดีที่สุดจากไวน์ปี 2014 และมีปริมาณแอลกอฮอล์ 13% โดยวัตถุดิบที่นำมาใช้นั้นคือองุ่นสองสายพันธุ์ ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon และองุ่นสายพันธุ์ Merlot ซึ่งหลังจากกระบวนการการเก็บเกี่ยวองุ่นแล้ว ไวน์จะถูกผสมและบ่มอย่างน้อย 12 เดือนในถัง วินเทจปี 2014 นี้มีสีทับทิมที่สวยงามพร้อมแสงสะท้อนสีม่วง อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมที่ชวนให้นึกถึงผลเบอร์รี่สีแดงและสีดำขนาดเล็ก รวมทั้งกลิ่นขนมปังปิ้งอันละเอียดอ่อน รสสัมผัสในปากที่เต็มอิ่มและนุ่มนวล ถูกกระจายออกมาด้วยความสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างกลิ่นของCabernets และความกลมกล่อมของ Merlot ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อผสมกับแทนนินยิ่งเข้ากันได้ดีเป็นพิเศษด้วยการสกัดที่พิถีพิถัน

            ไวน์นี้ได้ถูกผลิตจาก Château Fourcas Hosten ที่เป็นไร่ไวน์ฝรั่งเศสที่ตั้งอยู่ในย่าน Haut-Médoc ของบอร์โดซ์ ซึ่งเน้นการผลิตไวน์บอร์โดซ์ที่โดดเด่นของ Merlot จากไร่องุ่นขนาด 47 เฮกตาร์ (116 เอเคอร์) ในใจกลาง Listrac-Médoc ไร่องุ่นบางส่วนครอบครองพื้นที่ Le Fourcas ที่เป็นดินกรวด ซึ่งให้สภาพการปลูกที่ดีเลิศสำหรับการปลูกองุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon นอกเหนือจากบริเวณนี้ไร่องุ่นที่เหลือได้ตั้งอยู่บนดินที่อุดมด้วยดินเหนียวและเป็นดินเหนียวซึ่งเหมาะสำหรับการเพาะปลูกองุ่นMerlot ของนิคมอุตสาหกรรม หลังขากนั้นที่แห่งนี้ได้เปิดตัวเหล้าองุ่น Château Fourcas Hosten Blanc ครั้งแรกในปี 2014 ซึ่งไวน์ขาวนี้ส่วนใหญ่เป็นไวน์ Sauvignon Blanc โดยมี Sauvignon Gris เล็กน้อย องุ่นเหล่านี้มีอายุเฉลี่ยสามปีและปลูกบนดินเหนียวและดินหินปูน 2 เฮกตาร์ (5 เอเคอร์) ที่ถูกเก็บเกี่ยวกับมือและไวน์มีอายุในการบ่มประมาณห้าเดือนในถังไม้โอ๊กฝรั่งเศส

Chateau Fourcas-Hosten

Chateau Fourcas-Hosten

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Chateau Ygay Gran Reserva Marqués de Murrieta

Chateau Ygay Gran Reserva Marqués de Murrieta

            Castillo Ygay Gran Reserva 1952 เป็นไวน์แดง Rioja Tempranillo ของสเปนที่จัดได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอกจาก Rioja เลยที่เดียว ซึ่งวางตลาดในชื่อ Château Ygay ถูกบรรจุขวดเมื่อมกราคม 1986 และใช้เวลาบ่ม 34 ปีในถัง ถูกผลิตออกมาเพียง 8.356 ขวด ซื้อโดยตรงในโรงกลั่นไวน์ Marqués de Murrieta มีการใช้ฉลากพิเศษเพื่อฉลองครบรอบ 100 ปี มันแสดงให้เห็นลักษณะที่เก่าแก่ โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการนำคุณลักษณะเด่นของไวน์ชั้นเลิศออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างออกสีแดงเข้มราวกับสีของโกเมน รวมทั้งยังมีกลิ่นที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิด ผสานกันกับกลิ่นของผลไม้สีแดงที่หลากหลายผสมกันกับกลิ่นจองเครื่องเทศอย่างดี นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีความเต็มน้ำเต็มเนื้อ มีสัมผัสและรสชาติที่มีความซับซ้อนกว่าไวน์ทั่วไปอย่างมาก

            Castillo Ygay Gran Reserva 1952 เป็นไวน์ที่มีการก่อตั้งและถูกสร้างขึ้นมา โดยการนำองุ่นทั้งสองสายพันธุ์สำคัญมาใช้ในกระบวนการผลิต โดยวัตถุดิบที่นำมาใช้นั้นคือ องุ่นสองสายพันธุ์ในอัตราส่วนที่แตกต่างกัน ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Tempranillo 89% และองุ่นสายพันธุ์ Mazuelo 11% ด้วยกัน ซึ่งองุ่นทั้งสองสายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์องุ่นยอดนิยมที่นำมาใช้ในการผลิตไวน์แดงในสเปน ในการเก็บเกี่ยวจะเก็บเกี่ยว Tempranillo ในช่วงเดือนกันยายนและเก็บเกี่ยว Mazuelo ในช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งขั้นแรกของกระบวนการผลิต องุ่นจะถูกตัดก้านออกอย่างระมัดระวัง คั้น และหมักในถังสแตนเลสที่ควบคุมอุณหภูมิเป็นเวลา 11 วัน ด้วยกระบวนการ “การตัดต่อ” และ “การหมัก” ทุกวัน ซึ่งช่วยให้ไวน์สามารถพัฒนาบุคลิกภาพของตัวเองได้ กระบวนการทั้งสองนี้ช่วยให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพสูงสุด สีและกลิ่นโดยไม่ผลิตแทนนินมากเกินไป นอกจากนี้ในส่วนของกระบวนการบ่มไวน์จะใช้เวลา 30 เดือนในการบ่มในถังไม้โอ๊ก 225 ครอก โดยอย่างน้อย 10 เดือนในถังไม้โอ๊กใหม่ และ 36 เดือนในขวดก่อนปล่อย ในขณะที่ Tempranillo หมักในถังไม้โอ๊กอเมริกัน Mazuelo จะหมักในถังไม้โอ๊กฝรั่งเศสใหม่

Chateau Ygay Gran Reserva Marqués de Murrieta

Chateau Ygay Gran Reserva Marqués de Murrieta

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com