Auchentoshan American Oak
Auchentoshan American Oak
Auchentoshan American Oak เป็นเหล้าวิสกี้ที่เกิดจากการผลิตขึ้นมาโดย Auchentoshan ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเหล้าบริเวณทางตอนเหนือของ Glasgow ใกล้กับลุ่มแม่น้ำ Clyde ในประเทศสกอตแลนด์ เป็นโรงกลั่นเหล้าที่ผลิตขึ้นมาในปี ค.ศ.1817 ภายใต้ชื่อบริษัทอย่างโรงกลั่นเหล้าอย่าง Morrison Bowmore
โดยเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีกลิ่นอายของความคลาสสิก รวมทั้งยังเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีกรรมวิธีการผลิตเช่นเดียวกับเหล้าเบอร์บอน โดยเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีการหมักลงในถังเหล้าเบอร์บอนแรกเริ่ม โดยถังที่ใช้ในการหมักเหล้าเบอร์บอนนั้นจะต้องเป็นถังที่ทำจากไม้โอ๊กพันธุ์เยี่ยมจากอเมริกันเท่านั้น
ในส่วนของรสชาติ เนื้อสัมผัส และกลิ่นของเหล้าชนิดนี้นับได้ว่ายอดเยี่ยมเช่นเดียวกัน โดยเมื่อเริ่มดมกลิ่นของเหล้าวิสกี้ชนิดนี้ก็จะพบว่าเหล้าวิสกี้ชนิดนี้มีกลิ่นที่คล้ายกับกลิ่นลูกกวาดหรือกลิ่นของครีมบางละมุน ที่ผสานกันกับกลิ่นของเลม่อนอย่างเข้ากันอย่างลงตัว รวมทั้งยังมีกลิ่นของสมุนไพรหวาน ในอีกด้านนั้น เหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีรสชาติที่มีกลิ่นของครีมบางโดดออกมาอย่างโดดเด่น แล้วจึงตามมาด้วยรสชาติของผลไม้และพืชพันธุ์หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเปลือกองุ่น วานิลลา ข้าวธัญพืช มะพร้าว อบเชย แอปเปิ้ลเขียว ต้นโอ๊กและเครื่องเทศอีกด้วย
ในภาพรวมแล้วนับได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีรสชาติและกลิ่นที่น่าดึงดูด มีทั้งความยอดเยี่ยมที่น่าลิ้มลองเป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งยังเป็นเหล้าวิสกี้ที่น่าจับตาอีกชนิดหนึ่งเลยทีเดียว นอกเหนือจากนี้เหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 40% ซึ่งนับได้ว่าไม่เยอะมากสำหรับเหล้าวิสกี้ทั่วไป
Auchentoshan American Oak
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
โดย รีวิวเหล้านอก.com
Armand de Brignac Gold
Armand de Brignac Gold
Armand de Brignac Gold เป็นหนึ่งในเหล้าแชมเปญที่มีเอกลักษณ์และความโดดเด่นเฉพาะตัว รวมทั้งยังเป็นเหล้าแชมเปญที่มีการผลิตขึ้นมาโดย Armand de Brignac ซึ่งนับได้ว่าเป็นชื่อเดียวกันกับเหล้าแชมเปญชนิดนี้ ซึ่งผู้ผลิตเหล้าแชมเปญนี้เป็นเหล้าที่มีการผลิตและจำหน่ายอย่างแพร่หลายในเมือง Reims ของประเทศฝรั่งเศส
โดยเหล้าชนิดนี้เป็นเหล้าที่มีการผลิตขึ้นมา โดยใช้องุ่นเป็นวัตถุดิบหลักเช่นเดียวกับไวน์หลากหลายชนิด โดยสายพันธุ์องุ่นที่นำมาใช้ในการผลิตครั้งนี้มีทั้งหมดสามสายพันธุ์ด้วยกัน ได้แก่ องุ่นพันธุ์ Pinot Noir 40%, Chardonnay 40% และองุ่นสายพันธุ์ Pinot Meunier 20% ซึ่งองุ่นที่ถูกคัดเลือกมาทั้งหมดล้วนเป็นองุ่นสายพันธุ์เยี่ยมแทบทั้งสิ้น
โดยเหล้าแชมเปญนี้เป็นเหล้าที่มีรสชาติ กลิ่นและเนื้อสัมผัสที่งดงามอย่างยิ่ง เริ่มแรกนั้นเหล้าแชมเปญชนิดนี้เป็นเหล้าที่มีสีของเนื้อสัมผัสเป็นสีทองสว่าง แต่ก็มีความเข้มเล็กน้อยที่เหมือนหยดน้ำรอบๆอีกด้วย นอกเหนือจากนี้เหล้าแชมเปญชนิดนี้ก็ยังมีรสชาติและกลิ่นที่หอมหวาน เต็มเปี่ยมไปด้วยลูกพีช ผลแอพริคอท เบอร์รี่สีแดง โดยจะแสดงออกในรูปแบบของกลิ่นเป็นหลัก ในส่วนของรสชาตินั้นจะมีรสชาติที่โดดเด่นของส้มเป็นหลัก ทั้งผลส้มไซตรัสและดอกส้ม รวมทั้งยังมีรสชาติของผลเชอร์รี่ วานิลลา เลม่อนและน้ำผึ้ง
ในภาพรวมนับได้ว่าเหล้าชนิดนี้เป็นเหล้าที่มีกลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยม รวมทั้งยังมีรสสัมผัสที่ติดลิ้นอย่างยาวนานอีกด้วย ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งกับอาหารจำพวกอาหารย่างรมควันต่างๆ หรืออาหารที่ส่วนผสมของปลาสดทุกชนิด และยังเป็นเหล้าแชมเปญที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 12.5% เพียงเท่านั้น
Armand de Brignac Gold
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
โดย รีวิวเหล้านอก.com
Aperol
Aperol
Aperol นับได้ว่าเป็นเหล้าอีกชนิดหนึ่ง ที่ช่วยเสริมสีสันของความเป็นฤดูร้อนได้เป็นอย่างดี บวกกับความนิยมของเหล้านี้ที่มีมากขึ้นในทุกวัน อันเนื่องมาจากการที่เหล้าชนิดนี้ถูกนำไปรังสรรค์ให้เกิดค็อกเทลสูตรต่างๆมากมายและกระจัดกระจายไปทั่วทุกแห่งของโลก
โดยเหล้าชนิดนี้นับได้ว่าเป็นเหล้าที่ถูกให้กำเนิดขึ้นมาในปี 1919 บริเวณแถบเมืองพาโดว่า ในประเทศอิตาลี ซึ่งเหล้าชนิดนี้ได้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาจากสูตรเคล็ดลับที่แทบไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก รวมถึงเป็นเหล้าที่มีความขมอมหวานอย่างแท้จริง
เหล้าชนิดนี้นับได้ว่าเป็นเหล้าที่มีส่วนผสมที่ลงตัว มีเอกลักษณ์อยู่สองประการ อย่างแรกคือเป็นเหล้าที่มีกลิ่นอายและรสชาติที่ออกขมปนหวานอย่างละมุน และอย่างที่สองคือเป็นเหล้าที่มักจะมีรสชาติและกลิ่นของผลส้ม รากไม้และสมุนไพร โดยเนื้อสัมผัสยังเป็นเหล้าที่มีเนื้อสัมผัสเป็นสีส้มสวยงาม รวมทั้งยังเป็นเหล้าที่มีความสว่างสดใสเป็นสีส้มแดงจางๆด้วยเช่นกัน
ในภาพรวมนับได้ว่าเหล้าชนิดนี้เป็นเหล้าที่มีลักษณะที่สวยงาม มีความเข้มข้นของเนื้อสัมผัสเพียงเล็กน้อย รวมทั้งยังเป็นเหล้าที่มีสมบัติเป็นกรดที่ค่อนข้างสูงด้วย นอกเหนือจากนี้เหล้าชนิดนี้ยังเป็นเหล้าที่มีระดับของแอลกอฮอล์อยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 11% เพียงเท่านั้น
Aperol
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
โดย รีวิวเหล้านอก.com
Pimm’s Number 1 Cup
Pimm’s Number 1 Cup
Pimm’s Number 1 Cup นับได้ว่าเป็นเหล้ายอดนิยมของโลกที่มีการนำมาประกอบเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องดื่มหลากหลายชนิด โดยเฉพาะค็อกเทลชนิดต่างๆที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตัวเหล้าชนิดนี้เป็นเหล้าที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยการใช้เหล้าจินมาเป็นพื้นฐานของการผลิตเหล้าชนิดนี้ โดยเหล้าชนิดนี้ยังไม่ได้มีดีแค่ความยอดนิยม แต่รสชาติ กลิ่นและเนื้อสัมผัสก็มีความน่าพิศวงเช่นเดียวกัน
โดยเหล้าชนิดนี้นับได้ว่ามีเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างน่าประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นสีของเนื้อเหล้าที่เป็นสีเหลืองอำพัน หรือสำหรับบางคนอาจจะมองเห็นเป็นสีเหลืองปนน้ำตาลเข้ม รวมทั้งยังมีกลิ่นที่หอมหวาน แต่ก็มีความซับซ้อนพอสมควร สมกับคำเล่าลือและมีกลิ่นอายหรือสไตล์แบบผู้ดีอังกฤษ รวมทั้งยังเป็นเหล้าที่เคยมีความนิยมสำหรับผู้ดีหรือเหล่าคนในราชวงศ์มาก่อน
นอกเหนือจากนี้ รสชาติของเหล้าชนิดนี้เป็นเหล้าที่มีความซับซ้อนไม่แตกต่างจากกลิ่นเท่าไหร่นัก โดยรสชาติที่ยอดเยี่ยมนั้นมีความโดดเด่นมาจากเหล้าจินเป็นหลัก รวมทั้งยังเป็นเหล้าที่มีรสชาติของคาราเมล ผลส้มและรสชาติของเครื่องเทศเป็นหลัก โดยเหล้าชนิดนี้ยังเป็นเหล้าที่มีรสชาติที่ค่อนข้างเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเหล้าใส่ในน้ำแข็ง รวมทั้งยังเป็นเหล้าที่มีรสชาติของผลสตรอเบอร์รี่และกลิ่นส้มที่โดดเด่นมากขึ้นอีกด้วย
ในภาพรวมแล้วนับได้ว่าเหล้าชนิดนี้เป็นเหล้าที่มีมนต์ขลังและเสน่ห์อย่างล้นเหลือ และนับได้ว่ายังความนิยมในระดับโลกเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักรที่มีความนิยมมากเป็นพิเศษ รวมทั้งยังเป็นเหล้าที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 25%
Pimm’s Number 1 Cup
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
โดย รีวิวเหล้านอก.com
CHATEAU DE BEAUCASTEL HOMMAGE À JACQUES PERRIN MAGNUM
CHATEAU DE BEAUCASTEL HOMMAGE À JACQUES PERRIN MAGNUM
CHATEAU DE BEAUCASTEL HOMMAGE À JACQUES PERRIN MAGNUM นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการสร้างขึ้นมา โดยเจ้าของผืนแผ่นดินบริเวณคฤหาสน์ CHATEAU DE BEAUCASTEL ซึ่งในเวลาต่อมาได้มีการปรับปรุงมาเป็นแห่งเพาะปลูกองุ่นและโรงกลั่นไวน์เช่นเดียวกันกับในปัจจุบัน
โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีการผลิตขึ้นมา โดยการใช้องุ่นทั้งสามสายพันธุ์ด้วยกันมาเป็นวัตถุดิบหลัก ได้แก่องุ่นสายพันธุ์ Grenache, Shiraz และองุ่นพันธุ์ Mourvèdre ซึ่งองุ่นทั้งสามสายพันธุ์นั้นจะมีการใช้ในอัตราส่วนที่แตกต่างกันตามรุ่นและปีที่ผลิต
ไวน์ชนิดนี้นอกเหนือจะมีวิธีกรรมการผลิตที่น่าสนใจแล้ว รสชาติและกลิ่นที่ยอดเยี่ยมก็นับได้ว่าเป็นความประทับใจด้วยเช่นเดียวกัน โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีสีที่ค่อนข้างเป็นสีแดงเข้ม ซึ่งมีความเข้มมาจากเนื้อผลไม้ที่ใช้นั่นเอง บวกกับรสชาติที่ค่อนข้างดีและไม่มีความเข้มข้นที่ทรงพลังอย่างที่คาดคิดไว้ จึงทำให้ไวน์ชนิดนี้มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างร่วมสมัย หอมหวานแลนและเอร็ดอร่อย โดยกลิ่นและรสชาติที่โดดเด่นนั่น ได้แก่ ผลไม้สีแดง ผลมะกอก เครื่องเทศและกลิ่นข้าวจางๆ
โดยรวมแล้วนับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีสัมผัสที่ติดลิ้นที่ค่อนข้างยาวนาน โดยเฉพาะยาวนานกว่าไวน์หลากหลายชนิด รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่จะมีรสชาติที่เหมาะสมเมื่อมีอายุยาวนานประมาณ 15 ปีและควรคู่กับการรับประทาน กับอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ โดยเฉพาะเนื้อแกะ ซึ่งไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีปริมาณของแอลกอฮอล์อยู่ที่ 14-15%
CHATEAU DE BEAUCASTEL HOMMAGE À JACQUES PERRIN MAGNUM
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
โดย รีวิวเหล้านอก.com
Chateau La Dominique
Chateau La Dominique
Chateau La Dominique เป็นไวน์ที่มีแหล่งการผลิตอยู่บริเวณ Chateau La Dominique ใน Saint-Emilion Grand Cru ของ Saint-Emilion เมือง Bordeaux ของประเทศฝรั่งเศส โดยชื่อไวน์ที่ใช้ในการผลิตนั้นก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชื่อโรงกลั่นไวน์ที่ใช้ในการผลิตไวน์นี้และยังเป็นแหล่งเดียวกันกับสวนที่ใช้ในการเพาะปลูกองุ่นที่ใช้ในการผลิตอีกด้วย
โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการใช้ส่วนผสมขององุ่นทั้งสามสายพันธุ์เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตไวน์ชนิดนี้ ได้แก่องุ่นพันธุ์ Merlot 85%, Cabernet Franc 13% และองุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon อีก 2% (โดยอัตราส่วนนี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามการปรับปรุงไวน์ในแต่ละรุ่น) โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่การหมักเป็นจำนวนสองครั้งด้วยกัน โดยการหมักครั้งแรกจะเกิดขึ้นในถังหมักสแตนเลสเป็นเวลาประมาณ 25-37 วัน หลังจากนั้นจะนำไปหมักในถังโอ๊กใบใหม่ต่ออีกเป็นเวลายาวนานกว่า 16 เดือน
ซึ่งไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่นิยมใช้ในการเฉลิมฉลองงานสำคัญหรือเทศกาลต่างๆ โดยเฉพาะในงานวันเกิดต่างๆ โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัสเป็นสีแดงเข้ม รวมทั้งยังมีส่วนของกลิ่นและรสชาติที่โดดเด่นที่แสดงออกมานั้น จะมีความคล้ายคลึงกันกับดอกกุหลาบ ดาร์กช็อกโกแลต กาแฟเอสเปรสโซ่ สมุนไพร ลูกพลัมและลูกเชอร์รี่สีดำ ซึ่งกลิ่นและรสชาติที่แสดงออกมานั้นแสดงได้ถึงความเข้มข้นและความเปรี้ยวจี๊ดที่แสดงออกมา โดยค่า Ph ของไวน์ชนิดนี้มีค่าที่ค่อนข้างต่ำอยู่ที่ประมาณ 3.7 เลยทีเดียว
สำหรับข้อแนะนำในการรับประทานไวน์ชนิดนี้ ไวน์ชนิดนี้จะมีรสชาติที่อร่อยมากยิ่งขึ้นเมื่อมีอายุไวน์ที่ประมาณ 9-12 ปี รวมทั้งยังควรที่จะวางทิ้งไวน์ก่อนประมาณ 1-2 ชั่วโมงก็ช่วยส่งเสริมให้กลิ่นและรสชาติของไวน์ดียิ่งขึ้นอีกด้วย โดยไวน์ชนิดนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ควรเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิประมาณ 15.5 องศาเซลเซียส หรืออยู่ที่ประมาณ 60 องศาฟาเรนไฮต์ รวมทั้งยังเหมาะสมกับการรับประทานควบคู่กับอาหารจำพวกเนื้อวัว เนื้อกวาง เนื้อแกะ เนื้อไก่ โดยเฉพาะไก่ย่างรมควัน หรืออาหารที่ย่างหรือรมควันก็เหมาะสมอยู่เช่นเดียวกัน นอกเหนือจากนี้อาหารที่เต็มไปด้วยเนื้อปลาเช่นปลาทูน่า ปลาแซลม่อน เห็ด หรืออาหารเอเชียและพาสต้าก็สามารถกินควบคู่กับไวน์เพื่อเสริมรสชาติได้เช่นเดียวกัน โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 15%
Chateau La Dominique
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
โดย รีวิวเหล้านอก.com
Château Haut-Brion Premier Grand Cru Classé
Château Haut-Brion Premier Grand Cru Classé
Château Haut-Brion Premier Grand Cru Classé เป็นไวน์ที่มีแหล่งกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศส โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีแหล่งการผลิตใหญ่อยู่ที่เมือง Pessac-Leognan ในเมือง Bordeaux ของแดนน้ำหอมนั่นเอง
ไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีการถูกสร้างสรรค์ขึ้นโดยแบรนด์ไวน์ในประเทศฝรั่งเศสอย่าง Haut-Brion ที่ก่อตั้งขึ้นโดย Jean de Pontec ในปี ค.ศ. 1553 หรือราวปี พ.ศ. 2096 โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ชนิดแรกในประวัติศาสตร์ไวน์ที่มีการผลิตขึ้นมาในดินแดนแห่งไวน์อย่าง Bordeaux รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่เคยถูกนำเสนอให้แก่พระเจ้าชาร์ลที่สองแห่งฝรั่งเศสในปี ค.ศ.1660 หรือช่วงประมาณปีพ.ศ. 2203 อีกด้วย โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีส่วนผสมที่น่าสนใจ โดยการนำองุ่นทั้งสามสายพันธุ์มาใช้ในกรรมวิธีการผลิตนี้ ได้แก่ 45% Merlot, 44% Cabernet Sauvignon และ 9% Cabernet Franc ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่นั้น ถึงว่าไวน์นี้จะไม่มีองุ่นพันธุ์ Petit Verdot แต่กลับกลายว่ามีกลิ่นและรสชาติขององุ่นสายพันธุ์นี้อยู่จางๆ
เนื่องด้วยเป็นไวน์ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ จึงทำให้ไวน์ชนิดนี้มีกรรมวิธีการผลิตที่ค่อนข้างนานและซับซ้อนกว่าไวน์ทั่วไป โดยไวน์ชนิดนี้จะต้องคัดสรรและเก็บเกี่ยวองุ่นที่ใช้ด้วยมือเท่านั้น และจะต้องผ่านการเลือกสรรหลายขั้นตอนเพื่อหาองุ่นที่ดีที่สุด โดยองุ่นที่ใช้นั้นต้องใช้ในสวนของตนเองเท่านั้น และมีระยะเวลาในการหมักยาวนานมากถึง 22 เดือนด้วยกัน
ในส่วนของรสชาติและกลิ่นนั้นนับได้ว่ามีรสชาติที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่งทั้งความเข้มข้นของเนื้อสัมผัส ความแห้งของเนื้อไวน์และความเปรี้ยวของรสชาติและกลิ่นที่มีความคล้ายคลึงกับในยาสูบ ต้นสนและต้นโอ๊กผสมรวมกัน นอกเหนือจากนี้ยังมีส่วนผสมของกลิ่นและรสชาติที่คล้ายคลึงกับผลไม้สีดำที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบล็กเคอร์แรนหรือผลเชอร์รี่สีดำก็ตาม นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังมีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์ที่ค่อนข้างเหมาะสม อยู่ในระดับประมาณ 13% และเหมาะสมกับการรับประทานควบคู่กับอาหารจำพวกเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวางและเนื้อสัตว์ปีกอย่างไก่และเป็ด
Château Haut-Brion Premier Grand Cru Classé
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
โดย รีวิวเหล้านอก.com
Chateau Marquis de Terme Margaux
Chateau Marquis de Terme Margaux
Chateau Marquis de Terme Margaux นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีชื่อเสียงของประเทศฝรั่งเศส โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีการผลิตขึ้นมาภายใต้ชื่อแบรนด์ไวน์ดังอย่าง Chateau Marquis de Terme ซึ่งเป็นโรงผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงอยู่บริเวณ Margaux ใน Medoc, Bordeaux ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส โดยบริเวณแห่งนี้นอกจากจะมีแหล่งผลิตไวน์หรือโรงกลั่นไวน์เป็นของตัวเองแล้ว สถานที่แห่งนี้ยังมีบริเวณเพาะปลูกองุ่นที่ใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตไวน์เป็นของตัวเองอีกด้วย
โดยองุ่นที่มีชื่อเสียงที่ถูกผลิตขึ้นมาจากบริเวณนี้ ได้แก่ องุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon ที่มีความนิยมในการผลิตไวน์อย่างสูง โดยไวน์ชนิดนี้ก็นับได้ว่าเป็นหนึ่งในไวน์ที่มีการนำองุ่นพันธุ์นี้มาใช้มากถึง 60% ของสัดส่วนวัตถุดิบทั้งหมด นอกเหนือจากองุ่นพันธุ์นี้แล้ว ทางผู้ผลิตก็มีการใช้องุ่นพันธุ์ Merlot และ Petit Verdot มาใช้ด้วยในอัตราส่วน 33% และ 7% ตามลำดับ โดยไวน์นี้จะต้องผ่านการผลิตโดบการหมักลงในถังไม้โอ๊กใบใหม่เป็นเวลายาวนานถึง 18 เดือน ถึงได้รสชาติที่ลงตัว
โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีเนื้อสัมผัสที่สวยงาม มีสีของเนื้อไวน์เป็นสีแดงเข้มแกมม่วงที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีความสมดุลทั้งในเรื่องของกลิ่นและรสชาติของไวน์อย่างดี ด้วยความนุ่มนวลของความสดใหม่ของผลไม้นานาชนิดที่ผสานกันกับความเข้มข้นของรสชาติและกลิ่นราวกับกาแฟเอสเปรสโซ่ชั้นดี ที่ผสานกับช็อกโกแลตขม ทำให้ไวน์นี้มีเสน่ห์อย่างหาตัวจับได้ยากยิ่ง
โดยรวมแล้วนับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างโดดเด่น ทั้งกลิ่น เนื้อสีและรสชาติก็ผสานความแตกต่างเข้ากันได้อย่างละมุนและลงตัว ตัวเนื้อสัมผัสก็มีความพอดี เป็นเนื้อเดียวกันอย่างยอดเยี่ยม โดยไวน์นี้มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 12.5-14% และเหมาะกับการรับประทานควบคู่กับอาหารจำพวกเนื้อวัวและเนื้อกวาง
Chateau Marquis de Terme Margaux
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
โดย รีวิวเหล้านอก.com
Almaviva
Almaviva
Almaviva นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการผลิตขึ้นมาโดยเจ้าของแบรนด์ไวน์เดียวกันกับไวน์ที่มีชื่อเสียงอย่าง Château Mouton-Rothschild และ Chile’s Concha y Toro โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในความงดงามที่ทันสมัยของไวน์แดงชนิดนี้ รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีแหล่งการผลิตมาจาก Puente Alto ใน Maipo Valley ของประเทศชิลี
โดยไวน์ชนิดนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีการนำองุ่นทั้งสี่สายพันธุ์มาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต โดยอัตราส่วนที่ใช้ในการผลิตนั้น จะมีความแตกต่างกันตามรุ่นไวน์ที่มีการผลิตขึ้นมาในแต่ละปี โดยองุ่นที่ใช้นั้นจะมี Cabernet sauvignon, Carmenere, Cabernet Franc และ Petit Verdot ซึ่งไวน์ชนิดนี้ ไม่ได้มีดีเพียงแค่องุ่นชั้นเลิศเท่านั้น แต่กรรมวิธีการเก็บและผลิตนั้นก็นับได้ว่ามีมนต์เสน่ห์ไม่แพ้กัน โดยไวน์ชนิดนี้จะมีการเก็บเกี่ยวองุ่นที่มีอุณหภูมิที่ค่อนข้างสูง ในช่วงกลางเดือนธันวาคมจนถึงสัปดาห์ที่สามของเดือนมีนาคมเท่านั้น นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้จะมีการองุ่นที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดีแล้ว ไปหมักลงในถังไม้โอ๊กพันธุ์ฝรั่งเศสอย่างดีเป็นเวลายาวนานถึง 18 สัปดาห์
ในส่วนของรสชาติ กลิ่น และรูปลักษณ์ของเนื้อไวน์นั้นก็นับได้ว่ายอดเยี่ยมไม่แพ้กัน โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์แดงที่มีรสชาติที่ยอดเยี่ยมและมีความทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งกลิ่นที่มีความซับซ้อนและสีของเนื้อสัมผัสที่แดงสด รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นที่มีลักษณะเด่นจากดอกไม้นานาพันธุ์ที่ผสานตัวกันขึ้นมาอย่างงดงาม หลังจากกลิ่นของดอกไม้สดได้ผ่านพ้นไป กลิ่นของคาราเมลจางๆก็ผสานตัวขึ้นมาต่อเนื่องกัน รวมทั้งยังมีกลิ่นของชะเอมเทศและกลิ่นองุ่นอีกด้วย ไม่ใช่เพียงแค่นั้น รสชาติของไวน์นั้นก็เอร็ดอร่อยไปด้วยรสชาติของน้ำผลไม้จางๆ ผสานกับรสของผลราสเบอร์รี่ แบล็กเคอร์แรน และผลเชอร์รี่ดำ
โดยรวมแล้วนับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีความงดงามอย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นทั้งกรรมวิธีการผลิต สี กลิ่นและเนื้อสัมผัสของไวน์ก็ชวนน่าหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 14.5% และเหมาะกับการรับประทานควบคู่กับอาหารจำพวก เนื้อวัวและเนื้อกวาง
Almaviva