Chateau Grand Clapeau Olivier Haut-Medoc นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยแบรนด์ไวน์หรือยี่ห้อของโรงกลั่นไวน์ที่มีชื่อเสียงอย่าง Chateau Grand Clapeau Olivier Haut-Medoc ซึ่งเป็นโรงกลั่นไวน์ที่อยู่ในระดับต้นๆของชุมชน Haut-Medoc ในเมือง Bordeaux ของประเทศฝรั่งเศส
โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีการผสมรวมกันขององุ่นมากกว่าสามสายพันธุ์ด้วยกัน ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon 82%, Merlot 16% และ Cabernet Franc 2% โดยองุ่นทั้งสามสายพันธุ์จะถูกนำมาใช้ในอัตราส่วนที่เหมือนกันในทุกรุ่น รวมทั้งยังมีการเก็บเกี่ยวด้วยมือและคัดเลือกลักษณะอย่างดี เพื่อให้ได้ไวน์ที่ดีที่สุด
ตัวไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีลักษณะของไวน์ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ซึ่งไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีสีที่ค่อนข้างเข้มข้น รวมทั้งยังมีสีออกไปทางแดงทับทิมแกมแดงโกเมน ซึ่งไวน์ยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นของผลไม้สีดำที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผลเบอร์รี่สีดำและเหล้าแคสซิสหรือเหล้าลูกเกดสีดำ นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังมีกลิ่นของวานิลลา ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีรสชาติที่เต็มไปด้วยรสของต้นโอ๊กและเครื่องเทศที่ให้ความหวาน มีความเต็มน้ำเต็มเนื้ออย่างมาก
ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างยิ่งที่มีรสชาติของความเปรี้ยวจากสารแทนนินที่ค่อยๆทยอยเพิ่มขึ้นเมื่อเหล้ามีการเก็บไว้อยู่ที่ประมาณสองถึงสามปี จึงทำให้ไวน์ชนิดนี้เหมาะสมอย่างยิ่งกับการรับประทานควบคู่กันกับอาหารจำพวกเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวางและเนื้อสัตว์ปีกเช่นไก่และเป็ด รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 13% อีกด้วย
Chateau Grand Clapeau Olivier Haut-Medoc
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Château Mouton Rothschild Pauillac นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยแบรนด์ไวน์หรือยี่ห้อของโรงกลั่นไวน์ที่มีชื่อเสียงอย่าง Château Mouton Rothschild ซึ่งเป็นโรงกลั่นไวน์ที่อยู่ในระดับต้นๆของเมือง Bordeaux ของประเทศฝรั่งเศส
โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีการผสมรวมกันขององุ่นมากกว่าสามสายพันธุ์ด้วยกัน ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon 82%, Merlot 16% และ Cabernet Franc 2% โดยองุ่นทั้งสามสายพันธุ์จะถูกนำมาใช้ในอัตราส่วนที่เหมือนกันในทุกรุ่น รวมทั้งยังมีการเก็บเกี่ยวด้วยมือและคัดเลือกลักษณะอย่างดี เพื่อให้ได้ไวน์ที่ดีที่สุด โดยองุ่นทั้งหมดจะถูกนำไปหมักลงในถังไม้โอ๊กใบใหม่เป็นเวลายาวนานกว่า 22 เดือนก่อนที่จะถูกบรรจุลงขวด
ซึ่งไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง เริ่มจากสีของเนื้อสัมผัสของไวน์ที่มีสีแดงเข้มผสานกับสีม่วงสวยงาม นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นที่เต็มไปด้วยผลไม้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นผลเบอร์รี่สีดำและผลบิลเบอร์รี่ป่า ผสมกับกลิ่นของชะเอมเทศและใบยาสูบที่ส่งกลิ่นอายของความหรูหราและซับซ้อนให้แก่ไวน์นี้ ซึ่งรสชาติกับกลิ่นนั้นก็แทบแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยไวน์นี้เป็นไวน์ที่มีรสสัมผัสของความสดใหม่และความเต็มน้ำเต็มเนื้อ มีทั้งความเข้มที่เปิดรสมานช่วงแรก และค่อยๆหายไปเนื่องจากมีความนุ่มนวลของครีมและความเปรี้ยวจากสารแทนนินมาแทนที่
ในภาพรวมนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีมนต์เสน่ห์ในเรื่องความครบของกลิ่นและรสชาติที่มีทั้งความนุ่มนวลและความเข้มข้นในเวลาเดียวกัน บวกกับเป็นไวน์ที่มีสัญลักษณ์ของผลไม้ป่าที่ผสานกับเครื่องเทศมากมาย ช่วงส่งให้ไวน์ชนิดนี้เป็นที่รู้จักกันในวงกว้างทั่วโลก
Château Mouton Rothschild Pauillac
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Amiral de Beychevelle Saint-Julien นับได้ว่าเป็นไวน์ชนิดที่สองของแบรนด์ไวน์หรือยี่ห้อไวน์ชื่อดังอย่าง Amiral de Beychevelle ที่มีการตั้งแหล่งการผลิตและแหล่งเพาะปลูกในเมือง Saint-Julienที่อยู่บริเวณ Medoc ของ Bordeaux ประเทศฝรั่งเศส รวมทั้งยังเป็นสถานที่เดียวกันกับคฤหาสน์ที่กว้างใหญ่ที่มีการสร้างมาตั้งแต่อดีตที่ยาวนานอีกด้วย
โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการนำองุ่นทั้งสามสายพันธุ์มาใช้ในกระบวนการผลิตไวน์ในครั้งนี้ ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, Merlot และองุ่นสายพันธุ์ Cabernet Franc ที่มีการใช้อัตราส่วนที่แตกต่างกันตามปีที่มีการผลิต ซึ่งไวน์ชนิดนี้จะออกรุ่นใหม่มาแทบทุกปี โดยองุ่นทั้งสามสายพันธุ์ จะต้องผ่านการคัดเลือกและเลี้ยงดูให้เติบโตด้วยเทคนิคเฉพาะและการคัดสรรที่ละเอียดถี่ถ้วน โดยองุ่นที่ใช้ทั้งหมดนี้ล้วนมาจากบริเวณเพาะปลูกในคฤหาสน์ Chateau Beychevelle ที่มีพื้นที่มากกว่า 250 เอเคอร์ รวมทั้งยังจะนำไปหมักลงในถังหมักไวน์ดั้งเดิมของประเทศฝรั่งเศส
ซึ่งไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัสเป็นสีแดงเข้มราวกับสีของโกเมนกับสีม่วงเงาวาว รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีรสชาติที่ค่อนข้างเต็มน้ำเต็มเนื้อ รสชาติค่อนข้างเปรี้ยว แต่มีความกลมกล่อม โดยกลิ่นและรสชาติของไวน์นี้เต็มไปด้วยกลิ่นและรสสัมผัสของยลไม้สีดำหลากชนิด โดยเฉพาะผลเบอร์รี่สีดำและลูกพลัม
ในภาพรวมนับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีความกลมกล่อมและยอดเยี่ยมสมกับรางวัลสองปีซ้อนในการแข่งขัน Le Guide Hachette des Vins ในปี ค.ศ. 2001-2002 โดยกลิ่นและรสชาติของไวน์นี้เต็มไปด้วยกลิ่นและรสสัมผัสของยลไม้สีดำหลากชนิด โดยเฉพาะผลเบอร์รี่สีดำและลูกพลัม ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวางและเนื้อสัตว์ปีดอย่างเนื้อไก่และเนื้อเป็ด เพื่อเพิ่มรสชาติของไวน์ควรที่จะใช้อุณหภูมิในการเก็บรักษาที่ 15.5 องศาเซลเซียส หรืออยู่ที่ 60 องศาฟาเรนไฮต์สำหรับช่วยรักษาไวน์นี้ นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ระดับของปริมาณแอลกอฮอล์ของไวน์นี้ที่อยู่ที่ 12-14% ซึ่งนับได้ว่าไม่มากเกินไปสำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วไป
Amiral de Beychevelle Saint-Julien
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Château Haut-Marbuzet Saint estèphe นับได้ว่าเป็นไวน์แดงที่มีกลิ่นอายของความเก่าแก่คลาสสิกที่ถูกส่งตรงมาจากแบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Château Haut-Marbuzet ที่มีการตั้งแหล่งการผลิตและแหล่งเพาะปลูกในเมือง Saint-Estèphe ที่อยู่บริเวณ Medoc ของ Bordeaux ประเทศฝรั่งเศส รวมทั้งยังเป็นสถานที่เดียวกันกับคฤหาสน์ที่กว้างใหญ่ในช่วงสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 18 อีกด้วย
โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาภายใต้บริเวณที่ดินที่กว้างใหญ่กว่า65 เอเคอร์ ที่มีการปลูกองุ่นอยู่หลายชนิดในอัตราส่วนที่แตกต่างกัน ได้แก่ 50% Cabernet Sauvignon, 40% Merlot, 5% Petit Verdot และ 5% Cabernet Franc โดยไวนชนิดนี้จะเน้นความสำคัญในการใช้องุ่นทั้งสี่สายพันธุ์ในอัตราส่วนที่แตกต่างกัน ได้แก่ 50% Merlot, 40% Cabernet Sauvignon, 5% Cabernet Franc และ 5% Petit Verdot ซึ่งเป็นอัตราส่วนเดียวกันกับจำนวนองุ่นที่มีการเพาะปลูก โดยองุ่นทั้งหมดนั้นจะถูกนำไปหมักลงในถังไม้โอ๊กพันธุ์เยี่ยมจากประเทศฝรั่งเศสเป็นเวลายาวนานกว่า 18 เดือนด้วยกัน
ซึ่งไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีความสวยงามจากสีเนื้อสัมผัสที่เป็นสีแดงเข้ม รวมทั้งยังมีกลิ่นของไวน์ที่เต็มไปด้วยใบยาสูบ กาแฟเอสเปรสโซ่ ใบไม้หลากชนิดรมควันและผลเชอร์รี่สีดำ ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ไวน์ชนิดนี้ยังมีรสชาติที่คล้ายคลึงกับกลิ่นที่ได้รับ ใบยาสูบ กาแฟเอสเปรสโซ่ ผลเชอร์รี่สีดำ ผลไม้สีแดงและเบอร์รี่สีดำที่มีช่วยส่งเสริมความกลมกล่อม เบาบาง นุ่มนวลและความเต็มน้ำเต็มเนื้อให้ไวน์แดงนี้ได้อย่างดี
ในภาพรวมนับได้ว่าไวน์ชนิดนี้จุดเด่นและเอกลักษณ์ทั้งสี รสชาติและกลิ่นทั้งใบยาสูบ กาแฟเอสเปรสโซ่ ผลเชอร์รี่สีดำ ผลไม้สีแดงและเบอร์รี่สีดำ ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวางและเนื้อสัตว์ปีดอย่างเนื้อไก่และเนื้อเป็ด โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่จะมีรสชาติดีเมื่อเก็บไว้ที่ประมาณ 2-3 ปี สำหรับแบบทั่วไปและประมาณ 10-20 ปีสำหรับแบบวินเทจ และจำเป็นต้องเปิดค้างไว้ประมาณ 1-2 เพื่อเพิ่มรสชาติของไวน์อีกด้วย รวมทั้งยังสามารถใช้อุณหภูมิในการเก็บรักษาที่ 15.5 องศาเซลเซียส หรืออยู่ที่ 60 องศาฟาเรนไฮต์สำหรับช่วยรักษาไวน์นี้ นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ระดับของปริมาณแอลกอฮอล์ของไวน์นี้ที่อยู่ที่ 13.5-14% ซึ่งนับได้ว่าไม่มากเกินไปสำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วไป
Château Haut-Marbuzet Saint estèphe
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Chateau Beauregard Pomerol นับได้ว่าเป็นไวน์แดงชั้นเยี่ยมอีกยี่ห้อหนึ่งที่มีการถูกสร้างสรรค์และผลิตขึ้นมาภายใต้แบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Chateau Beauregard หรือเป็นชื่อเดียวกันกับสถานที่ที่ตั้งโรงกลั่นไวน์และแหล่งเพาะปลูกองุ่นที่ใช้ทำไวน์ของตัวเอง บริเวณชุมชนย่าน Pomerol ของเมือง Bordeaux ประเทศฝรั่งเศส
โดยสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่เดียวกันกับคฤหาสน์ Chateau Beauregard ที่มีชื่อเสียงและเป็นแรงบันดาลใจในการตั้งชื่อยี่ห้อไวน์ชนิดนี้ ซึ่งสถานที่แห่งนี้มีบริเวณกว้างกว่า 17.5 เอเคอร์ เหมาะสมกับการเพาะปลูกองุ่นทั้งสองสายพันธุ์หลักในการผลิตไวน์ชนิดนี้ ซึ่งได้แก่ Cabernet Franc และ Merlot โดยองุ่นทั้งสองสายพันธุ์นี้จะมีการใช้อัตราส่วนที่แตกต่างกันในแต่ละปีที่มีการผลิตไวน์นี้ขึ้นมา โดยองุ่นทั้งสองนั้นจะถูกนำไปหมักลงในถังไม้โอ๊กพันธุ์เยี่ยมจากฝรั่งเศสเป็นเวลายาวนานระหว่าง 18-24 เดือน
ซึ่งไวน์ชนิดนี้ไม่ได้มีความน่าสนใจเพียงแค่การคัดสรรวัตถุดิบและกรรมวิธีที่ผลิต แต่ว่าไวน์ชนิดนี้ยังมีสีของเนื้อสัมผัสเป็นสีแดงเข้ม รวมทั้งยังมีกลิ่นและรสชาติของไวน์ที่เหมือนกัน ซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นและรสชาติของผลไม้สีดำหลากชนิด ผสานกันกับชะเอมเทศ เมล็ดกาแฟและลูกพลัมที่ช่วยให้เหล้าชนิดนี้มีรสชาติที่กลมกล่อมมากยิ่งขึ้น
ด้วยรสชาติและกลิ่นของไวน์ที่เต็มไปด้วยผลไม้ ไม่ว่าจะทั้งกลิ่นและรสชาติ บวกกับระดับของปริมาณแอลกอฮอล์ของไวน์นี้ที่อยู่ที่ 13-14% ซึ่งนับได้ว่าไม่มากเกินไปสำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วไป เหมาะกับดื่มสำหรับนักดื่มมือใหม่ได้อย่างดี นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเหมาะสมอย่างยิ่งกับการรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวางและเนื้อสัตว์ปีดอย่างเนื้อไก่และเนื้อเป็ด โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่จะมีรสชาติดีเมื่อเก็บไว้ที่ประมาณ 4-6 ปี สำหรับแบบทั่วไปและประมาณ 5-12 ปีสำหรับแบบวินเทจ รวมทั้งยังสามารถใช้อุณหภูมิในการเก็บรักษาที่ 15.5 องศาเซลเซียส หรืออยู่ที่ 60 องศาฟาเรนไฮต์สำหรับช่วยรักษาไวน์นี้
Chateau Beauregard Pomerol
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Macallan Double Cask 18 Years Old เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีการผลิตขึ้นมาโดยแบรนด์เหล้าวิสกี้ชื่อดังอย่าง MACALLAN ซึ่งเป็นโรงงานกลั่นเหล้าวิสกี้ที่มีชื่อเสียงอยู่ในประเทศสกอตแลนด์ สหราชอาณาจักร ซึ่งโรงงานกลั่นเหล้าแห่งนี้เป็นโรงงานกลั่นเหล้าที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1824
โดยเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่ได้รับวัฒนธรรมของกระบวนการผลิตอยู่ที่เมือง Highland ซึ่งอยู่ในสหราชอาณาจักรด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งเหล้าชนิดนี้เป็นเหล้าที่มีการใช้ถังโอ๊กชั้นเยี่ยมถึงสองชนิดมาเป็นกรรมวิธีการหลัก ได้แก่ ถังไม้โอ๊กพันธุ์ดีจากอเมริกาและอีกถังเป็นถังไม้โอ๊กพันธุ์เยี่ยมจากยุโรป ซึ่งทั้งสองถังนั้นจะมีการหมักผลเชอร์รี่ Oloroso หรือเชอร์รี่ตามฤดูกาลลงในถังทั้งสองใบในปริมาณและอัตราส่วนที่เท่ากันทุกครั้งอีกด้วย
ซึ่งเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีสีของเนื้อสัมผัสเป็นสีเหลืองสวยงามราวกับสีเหลืองทองอำพันผสมกับสีน้ำผึ้ง และยังเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีกลิ่นของผลไม้แห้ง ขิงและลูกกวาดที่โดดเด่นมาอีกด้วยเช่นกัน ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังมีกลิ่นขององค์ประกอบอื่นด้วย ได้แก่ ส้ม กานพลูและลูกจันทน์เทศ ไม่ใช่เพียงแค่นั้นเหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังมีรสชาติของคาราเมล วานิลลาและขิง ซึ่งผสานรสชาติกันอย่างดีกับเครื่องเทศและส้มเปรี้ยว
ในภาพรวมนับได้ว่าเหล้าชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีกลิ่นและรสชาติที่โดดเด่น ไปด้วยความเป็นผลไม้ ขิงและเครื่องเทศผสมรวมกัน โดยเฉพาะส้มที่ให้ทั้งความหวานและความเปรี้ยวที่ผสานกันได้อย่างลงตัวและเหมาะสม นอกจากนี้เหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังมีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 43% ซึ่งนับได้ว่าไม่สูงมากสำหรับเหล้าวิสกี้ทั่วไป
Macallan Double Cask 18 Years Old
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
The Glenlivet Triple Cask Matured Distillers Reserve เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งที่มีการผลิตขึ้นมาโดย. แบรนด์เหล้าวิสกี้และโรงกลั่นเหล้าวิสกี้ชื่อดังอย่าง Glenlivet ซึ่งมีการตั้งฐานการผลิตที่บริเวณผลิตเหล้าวิสกี้ในประเทศสกอตแลนด์ของสหราชอาณาจักร โดยบริษัทผลิตเหล้านี้ได้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาตั้งแต่ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ตราบจนถึงปัจจุบัน
โดยเหล้าวิสกี้ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีการนำข้าวบาร์เลย์แท้ 100% หรือที่ใครหลายคนในวงการนี้ต่างเรียกกันว่า “Single Malt” มาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต รวมทั้งยังเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีเอกลักษณ์จนถึงขั้นนำไปใช้ในการประกอบการชื่อเหล้านี้ คือ การนำวัตถุดิบหลักได้แก่ข้าวบาร์เลย์ไปหมักลงในถังไม้ทั้งหมดสามถังด้วยกัน ได้แก่ ถังไม้หมักเหล้าวิสกี้แบบดั้งเดิม ถังไม้โอ๊กพันธุ์อเมริกันที่มีการเน้นใช้ไม้จากต้นโอ๊กเนื้อขาวเท่านั้น และถังไม้เชอร์รี่เก่า ซึ่งทำให้เหล้าชนิดนี้ชื่อเสียงและความน่าสนใจ รวมทั้งเหล้าวิสกี้ยังได้รับแรงบันดาลใจมาจากการเดินทางไปตลาดนักท่องเที่ยวทุกพื้นที่ทั่วโลกของผู้ผลิตอีกด้วยเช่นกัน
ซึ่งเหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีสีของเนื้อสัมผัสเป็นสีทองสว่าง นอกจากนี้เหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังมีกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์อย่างยิ่ง โดยเริ่มแรกนั้น กลิ่นของเหล้าวิสกี้ชนิดนี้จะมีความชัดเจนของกลิ่นที่ข้าวมอลต์ น้ำผึ้ง กลิ่นหอมที่คล้ายกับกลิ่นน้ำหอม กลิ่นต้นโอ๊กและกลิ่นวานิลลามาในอัตราส่วนที่เท่ากัน แต่ว่ากลิ่นที่มาพร้อมกันกับกลิ่นเหล่านี้แต่กลับมีความโดดเด่นมากกว่าคือกลิ่นของผลไม้แห้ง หลังจากนั้นเหล้าวิสกี้ชนิดนี้ก็ยังมีรสชาติที่ยอดเยี่ยมและสมดุลกัน รสสัมผัสแสดงออกมาในอัตราส่วนที่เท่ากัน ซึ่งรสสัมผัสที่มีนั้นประกอบไปด้วย รสชาติของพริกไทย วานิลลา น้ำผึ้ง เหล้าองุ่นและผลไม้แห้ง
ในภาพรวมนับได้ว่าเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีกลิ่นและรสชาติที่โดดเด่นจากเครื่องเทศ วานิลลา และที่สำคัญคือผลไม้แห้ง และในลำดับต่อมาเหล้าชนิดนี้ยังมีกลิ่นและรสชาติในตอนท้ายจากมะนาว ขิงและน้ำมัน ซึ่งนับได้ว่าค่อนข้างแปลกจากเหล้าชนิดอื่นๆที่มีความหวานนำและความฉุนตามมา โดยเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 40% ซึ่งนับได้ว่าเป็นระดับแอลกอฮอล์ที่ปกติสำหรับเหล้าวิสกี้ทั่วไป
The Glenlivet Triple Cask Matured Distillers Reserve
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Lagavulin 12 Years Old Special Release 2019 นับได้ว่าเป้นเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีการผลิตและสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยแบรนด์เหล้าวิสกี้และโรงกลั่นเหล้าชื่อดังอย่าง Lagavulin ซึ่งเป็นโรงกลั่นเหล้าวิสกี้เพียงแห่งเดียวที่ตั้งอยู่ ในบริเวณชายฝั่งทางตอนใต้ของหมู่เกาะ Hebrides บริเวณทางตะวันตกของประเทศสกอตแลนด์ สหราชอาณาจักร
ด้วยเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีมนต์เสน่ห์ด้วยกรรมวิธีที่งดงามอย่างยิ่ง ซึ่งเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีการนำข้าวบาร์เลย์แท้ 100% หรือที่ใครหลายคนในวงการเหล้าวิสกี้ให้หารขนานนามส่วนผสมนี้ว่า “Single Malt” มาเป็นส่วนผสมหลักในการผลิต โดยเหล้าชนิดนี้จะนำวัตถุดิบทั้งหมดที่ใช้ไปหมักลงในถังไม้โอ๊กอเมริกันชั้นดี เพื่อทำให้เหล้าวิสกี้ชนิดนี้มีรสชาติที่ดีและยอดเยี่ยม
ซึ่งเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีสีเหลืองทองแบบค่อนข้างอ่อนและนวล รวมทั้งยังเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีกลิ่นที่มีความหอมหวานและอมเปรี้ยว ให้กลิ่นอายของผลไม้ในเขตร้อนอย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นของเลม่อน ลูกพีชและแอปเปิลที่ผสมผสานกลิ่นกับน้ำผึ้งชั้นดี ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีรสชาติของความหวานอย่างลงตัวและมาเป็นรสชาติแรก เป็นไวน์ที่มีรสชาติหวานทันทีที่ได้สัมผัสและลิ้มลองรสชาติ และมีรสสัมผัสของผลไม้แทบไม่ต่างจากกลิ่นที่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเลม่อน คาราเมลผสมเกลือ ผลแอพริคอต กล้วย ลูกแพรและน้ำมะนาวที่ผสานกันอย่างลงตัวและแบ่งแยกรสชาติเป็นชั้นกันอย่างชัดเจน
โดยเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป้นเหล้าวิสกี้ที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่เป็นเหล้าที่ผลิตจากโรงกลั่นเหล้าวิสกี้ที่มีความเชี่ยวชาญอย่างมากในชุมชน Islay และเป็นเหล้าที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาเนื่องจากการปรับปรุงให้เหล้ามีความพิเศษและความหวานมากกว่ารุ่นก่อนหน้า และเหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 54.4-57.9% ซึ่งนับว่าสูงมากในกลุ่มเหล้าวิสกี้ทั่วไป
Lagavulin 12 Years Old Special Release 2019
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Hardy’s Stamp Moscato นับได้ว่าเป็นไวน์ขาวชั้นเยี่ยมที่ถูกสร้างสรรค์และส่งตรงมาจากแบรนด์ไวน์และโรงกลั่นไวน์ชื่อดังอย่าง Hardy’s ซึ่งเป็นโรงกลั่นไวน์ที่มีชื่อเสียงและมีการส่งออกอย่างกว้างขวางจากบริเวณทางตอนใต้ของประเทศออสเตรเลีย โดยสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในการกลั่นไวน์และเพาะปลูกองุ่นหลากหลายชนิด
โดยองุ่นที่มีการผลิตในบริเวณทางตอนใต้ของประเทศออสเตรเลียนั้นมีมากมายหลายชนิดและสายพันธุ์ด้วยกัน เนื่องจากสภาพอากาศหรือสิ่งแวดล้อมที่อบอุ่นและเหมาะสมกับการเติบโตของพันธุ์องุ่น ไม่ว่าจะเป็นองุ่นสายพันธุ์ Shiraz, Cabernet Sauvignon, Merlot, Sauvignon Blanc และองุ่นสายพันธุ์ Chardonnay ที่มีชื่อเสียงและนิยมนการผลิตไวน์ แต่ว่าองุ่นที่ทางผู้ผลิตมุ่งเน้นและให้ความสำคัญคือองุ่นสายพันธุ์ Muscat หรือ Moscato Blanco มาใช้เป็นอัตราส่วนเกือบทั้งหมดในการผลิต เนื่องจากเป็นองุ่นที่หาง่าย แต่ไม่ค่อยนิยมนำมาใช้ไวน์ โดยอัตราส่วนจริงที่ใช้ในการผลิตนั้นได้แก่ Muscat 98% และองุ่นสายพันธุ์ Chardonnay อยู่ที่ 2%
ซึ่งไวน์ขาวชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัส กลิ่นและรสชาติที่น่าดึงดูดอย่างยิ่ง ทั้งสีของไวน์ขาวเป็นสีขาวฟางข้าวสวยงาม ค่อนข้างมีความใสอยู่สมควรอย่างที่ไวน์ขาวควรจะเป็น นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นที่เต็มไปด้วยผลเชอร์รี่และผลเคอร์แรนสีดำซึ่งนำมาในตอนแรก และตามมาด้วยกลิ่นของเครื่องเทศ จำพวกอบเชย พริกไทยขาว และ ใบโหระพา แต่ว่ารสชาติกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีความสมดุลอย่างยอดเยี่ยม รวมทั้งยังมีความหวานจากวานิลลาและขนมปังปิ้งก็ว่าได้
ในภาพรวมนับได้ว่าไวน์ขาวชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยม ถึงแม้ว่าไวน์ชนิดนี้จะมีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ทั้งกลิ่นที่หอมหวานและฉุนเครื่องเทศ แต่ว่ารสชาติกลับมีความหวานอย่างสมดุล ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่เหมาะสมกับการรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่เผ็ดร้อน และมีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 6% ด้วยเช่นเดียวกัน
Hardy’s Stamp Moscato
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Talisker 15 Years Old นับได้ว่าเป้นเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีการผลิตและสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยแบรนด์เหล้าวิสกี้และโรงกลั่นเหล้าชื่อดังอย่าง Talisker ซึ่งเป็นโรงกลั่นเหล้าวิสกี้เพียงแห่งเดียวที่ตั้งอยู่ในชุมชน Isle of Skye ในบริเวณหมู่เกาะ Hebrides บริเวณทางตะวันตกของประเทศสกอตแลนด์ สหราชอาณาจักร
ด้วยเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีมนต์เสน่ห์ด้วยกรรมวิธีที่งดงามอย่างยิ่ง ซึ่งเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีการนำข้าวบาร์เลย์แท้ 100% หรือที่ใครหลายคนในวงการเหล้าวิสกี้ให้หารขนานนามส่วนผสมนี้ว่า “Single Malt” มาเป็นส่วนผสมหลักในการผลิต โดยเหล้าชนิดนี้จะนำวัตถุดิบทั้งหมดที่ใช้ไปหมักลงในถังเหล้าเชอร์รี่และถังไม้โอ๊กอเมริกันชั้นดี เพื่อทำให้เหล้าวิสกี้ชนิดนี้มีรสชาติที่ดีและยอดเยี่ยม
ซึ่งเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีกลิ่นและรสชาติที่เต็มไปด้วยความเก่าแก่และความคลาสสิกอย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป้นสีของเนื้อสัมผัสที่เป็นสีเหลืองทองอำพัน บวกกับกกลิ่นที่หอมหวาน ซับซ้อนและลงตัวกันระหว่างกลิ่นของข้าวบาร์เลย์ น้ำตาล และเครื่องเทศ ก็ยิ่งทำให้เหล้ามีความน่าดึงดูดมากขึ้น รวมทั้งเหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังเป็นเหล้าที่มีรสชาติที่ยอดเยี่ยม มีการแบ่งรสสัมผัสกันอย่างชัดเจน โดยรสชาติแรกคือรสของสมุนไพรที่นำมา หลังจากนั้นรสชาติของเครื่องเทศจะตามมาทีหลัง
ในภาพรวมนับได้ว่าเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมและเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก โดยเฉพาะกลิ่นและรสชาติของสมุนไพรที่มีออกมามากเป็นพิเศษ ช่วยส่งเสริมกลิ่นอายของความคลาสสิกและวัฒนธรรมของชาว Hebridean ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้เหล้าชนิดนี้ยังมีอายุของเหล้าอยู่ที่ประมาณ 15 ปีและมีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 57.3% ซึ่งนับว่าเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์สูงมากเป็นระดับต้นๆของเหล้าวิสกี้เลยก็ว่าได้
Talisker 15 Years Old
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Posts navigation
แนะนำเหล้านอก
error: Content is protected !!