Dominus Estate Napa Valley

Dominus Estate Napa Valley

            Dominus Estate Napa Valley นับได้ว่าเป็นไวน์แดงที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในแถบทวีปอเมริกาเหนือที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาและผลิตขึ้นด้วยฝีมือคุณภาพจากแบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Dominus Estate ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตอยู่ที่ชุมชนที่มีการกล่าวเลื่องลือในเรื่องความสามารถในการผลิตไวน์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันอย่าง Napa Valley ซึ่งสังกัดในเขตการปกครอง Napa ที่อยู่ทางด้านชายหาดตอนเหนือของมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยสถานที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่เดียวกันกับคฤหาสน์ที่มีนามเดียวกันที่เป็นที่นิยมในการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติของอเมริกาด้วยเช่นเดียวกัน

            โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์แดงที่มีกรรมวิธีการผลิตที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการที่ทางผู้ผลิตได้มีการนำองุ่นที่แตกต่างกันมาใช้ในการผลิตที่เป็นชนิดเดียวกัน แต่จะมีการใช้อัตราส่วนที่แตกต่างกันเล็กน้อยตามแล้วแต่ปีที่ผลิต ซึ่งสายพันธุ์องุ่นที่นำมาใช้ในการผลิตหลักนั้นจะมีการใช้เพียงแค่สามสายพันธุ์เท่านั้น ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, Cabernet Franc และองุ่นสายพันธุ์ Petit Verdot เท่านั้น ซึ่งองุ่นทุกสายพันธุ์จะถูกเก็บเกี่ยวในช่วงต้นเดือนตุลาคมเท่านั้น เพื่อที่จะได้องุ่นที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมที่สุด หลังจากที่ทางผู้ผลิตได้มีการคัดเลือกองุ่นแล้วนำไปบ่มในอุณหภูมิที่เหมาะสมเท่านั้น

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีลักษณะภายนอกที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง อีกทั้งยังเป็นไวน์แดงที่มีความเข้มข้นและมีโครงสร้างที่ยอดเยี่ยมอย่างดียิ่งอีกด้วย ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกลิ่นของไวน์ที่ความเข้มข้นอย่างยิ่ง เป็นไวน์ที่มีกลิ่นที่โดดเด่นของผลเบอร์รี่หลากหลายชนิด รวมทั้งยังมีกลิ่นที่คล้ายคลึงกับขนมทรัฟเฟิลอีกด้วย รวมทั้งยังมีกลิ่นและรสสัมผัสของดอกลาเวนเดอร์ สารแทนนินที่ค่อนข้างเปรี้ยวและดาร์กช็อกโกแลต

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีความเหมาะสมสำหรับทุกเพศทุกวัย อันเนื่องมาจากเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นและรสชาติของผลเบอร์รี่หลากหลายชนิด ขนมทรัฟเฟิล ดาร์กช็อกโกแลต สารแทนนินหรือดอกลาเวนเดอร์อีกด้วย ซึ่งนับได้ว่าเป็นไวน์ที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวาง และเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด นอกเหนือจากนี้ ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ  13-15% อีกด้วย

Dominus Estate Napa Valley

Dominus Estate Napa Valley

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Domaine Leflaive Bienvenues-Batard-Montrachet Grand Cru

Domaine Leflaive Bienvenues-Batard-Montrachet Grand Cru

            Domaine Leflaive Bienvenues-Batard-Montrachet Grand Cru นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีความนิยมเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในแถบดินแดนของทวีปยุโรปอย่าง Domaine Leflaive ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตหลักอยู่ที่เมือง Puligny-Montrachet ของเมือง Cote de Beaune ในภูมิภาค Burgundy ของประเทศฝรั่งเศส

            โดยแบรนด์ไวน์ชนิดนี้มีการใช้พื้นที่ขนาดเล็กอย่าง Bienvenues-Batard-Montrachet มาใช้ในการผลิต โดยพื้นที่นี้จะเป็นพื้นที่ทางด้านปลายเขาฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของเทือกเขา Montrachet ซึ่งสถานที่แห่งนี้นับได้ว่าเป็นแหล่งเพาะปลูกองุ่นที่มีสภาพอากาศสมบูรณ์และเหมาะสมกับการทำไวน์ขาวอย่างยิ่ง โดยทางผู้ผลิตได้มีการคัดสรรองุ่นเพียงแค่สายพันธุ์เดียวเท่านั้นที่เอามาใช้ในการผลิตในครั้งนี้ ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Chardonnay ที่นิยมระดับโลกในการทำไวน์ขาวและนำองุ่นทั้งหมดไปหมักลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์ฝรั่งเศสใบเยี่ยม

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีลักษณะภายนอกที่งดงามน่าสัมผัสเป็นอย่างยิ่ง เนื่องด้วยไวน์ชนิดนี้ที่มีความเข้มข้นและซับซ้อนในเนื้อสัมผัส รวมทั้งมีความมันของเนยเล็กน้อยก็ยิ่งทำให้ไวน์ชนิดนี้มีมนต์เสน่ห์มากยิ่งขึ้นอีกด้วย นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีความทรงพลังในส่วนของกลิ่นและรสชาติเป็นอย่างยิ่ง เป็นกลิ่นของไวน์ที่เต็มไปด้วยผลไม้สุกมากมายหลากหลายชนิดด้วยกัน โดยเฉพาะกลิ่นของต้นโอ๊กที่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ไวน์ชนิดนี้ยังมีกลิ่นและรสสัมผัสของสมุนไพรที่ค่อนข้างเจือจางอีกด้วยเช่นกัน จึงทำให้ไวน์ชนิดนี้มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างเบาบางขึ้น ไม่เข้มข้นมากเหมือนเดิมอีกต่อไป

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีความกลมกล่อมและน่าลิ้มลองอย่างยิ่ง ทั้งส่วนของรสชาติและกลิ่นของไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากผลไม้สุกหลากหลายชนิดที่ผสานตัวกันกับกลิ่นและรสชาติของต้นโอ๊ก สมุนไพร และเครื่องเทศบางชนิดอีกด้วย ซึ่งนับได้ว่าเป็นไวน์ที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับการรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อไก่ โดยเฉพาะกับไก่งวงจะมีรสชาติยอดเยี่ยมเป็นพิเศษ นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 13-14% เพียงเท่านั้น

Domaine Leflaive Bienvenues-Batard-Montrachet Grand Cru

Domaine Leflaive Bienvenues-Batard-Montrachet Grand Cru

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Decoy Cabernet Sauvignon

Decoy Cabernet Sauvignon

            Decoy Cabernet Sauvignon นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการถูกสร้างสรรค์และถูกผลิตขึ้นมาภายใต้แบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Decoy ที่เป็นแบรนด์ชื่อดังและก่อตั้งมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี ค.ศ.1990 เป็นต้นมา โดยแบรนด์ไวน์ชนิดนี้เป็นแบรนด์ไวน์แหล่งที่สอง รวมทั้งยังเป็นแบรนด์ไวน์ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตหลักอยู่ที่มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ของประเทศสหรัฐอเมริกา

            โดยไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างละเอียดและมีความซับซ้อนที่ค่อนข้างสูงมากอย่างยิ่ง ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังเป็นกระบวนการผลิตที่มีการใช้สายพันธุ์องุ่นจำนวนมากถึง 6 สายพันธุ์ด้วยกัน ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon 78% Merlot 13% Zinfandel 4% Petite Syrah 2% Syrah 2% และองุ่นสายพันธุ์ Petit Verdot 1% โดยทางผู้ผลิตได้มีการนำองุ่นทั้งหมดนั้นมาใช้ในการหมักลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์อเมริกันชั้นเยี่ยมอย่างยิ่งอีกด้วย

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีลักษณะภายนอกและรูปร่างที่ค่อนข้างน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นส่วนของสีเนื้อสัมผัสที่เป็นสีค่อนข้างเข้ม เป็นสีของไวน์แดงที่สวยราวกับสีของโกเมนอย่างยิ่ง และความพิเศษของไวน์ชนิดนี้คือเป็นไวน์ที่มีประกายความสว่างสดใสบนพื้นผิวสัมผัสอยู่เล็กน้อยอีกด้วย นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นที่ค่อนข้างเข้มข้นและมีมนต์เสน่ห์ในกลิ่นของผลไม้สีแดงหลากหลายชนิด โดยเฉพาะผลเคอร์แรนสีแดงที่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ นอกเหนือจากนี้ ในส่วนของรสชาติของไวน์นั้นนับได้ว่าเป็นไวน์ที่รสสัมผัสที่ผสมผสานกันอย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นสัมผัสที่ร้อนแรงที่มาจากสารแทนนินที่ให้ความเปรี้ยวเป็นกรดแก่ไวน์อย่างชัดเจน รวมไปถึงรสสัมผัสที่เต็มไปด้วยช็อกโกแลตและเครื่องเทศที่ถูกบ่มในถังไม้โอ๊กอีกด้วย

            ในภพารวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง นับได้ว่าเป็นไวน์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยผลไม้มากมาย โดยเฉพาะผลไม้ที่เป็นสีแดง เช่น ผลเคอร์แรนสีแดงที่ผสานกันกับกลิ่นและรสชาติของช็อกโกแลต ซึ่งนับได้ว่าเป็นไวน์ที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับการรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวางและเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 14.5% เพียงเท่านั้น

Decoy Cabernet Sauvignon

Decoy Cabernet Sauvignon

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

The Famous Grouse Toasted Cask

The Famous Grouse Toasted Cask

            The Famous Grouse Toasted Cask โดยเหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีการถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาและถูกผลิตขึ้นมาภายใต้แบรนด์เหล้าวิสกี้ที่มีชื่อเสียงเป็นระดับแถวหน้าของทวีปยุโรปอย่าง The Famous Grouse ซึ่งมีถิ่นฐานการผลิตหลักอยู่ที่ประเทศสกอตแลนด์ของสหราชอาณาจักร

            ซึ่งเหล้าวิสกี้ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้สัญชาติสกอตซ์ที่ถูกผลิตและสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยเจ้าของแบรนด์เหล้าวิสกี้ที่มีชื่อเสียงจากประเทศเดียวกันอย่าง Matthew Gloag & Sons มาช่วยในการออกแบบและผลิตเหล้าวิสกี้ชุดนี้ภายใต้แบรนด์นี้ พร้อมกันกับลูกสาวของเขา Phillippa ก็ได้มาช่วยร่วมกันออกแบบและสร้างสรรค์เหล้าวิสกี้นี้ด้วยเช่นเดียวกัน โดยเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้แบบผสมกับวัตถุดิบหลากหลายอย่างด้วยกัน

            โดยเหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีลักษณะภายนอกที่ปรากฏออกมาค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นสีของเนื้อสัมผัสที่ค่อยข้างเป็นสีเหลืองทองอำพันสวยงาม บวกกันกับกลิ่นของเหล้าวิสกี้ที่มีจะมีลักษณะที่โดดเด่นจากกลิ่นของลูกกวาดและกลิ่นของต้นโอ๊กที่จะเหนือกว่าองค์ประกอบอื่นๆ รวมทั้งกลิ่นยังมีความน่าประทับใจอย่างดีอีกด้วย ไม่ใช่เพียงแค่นั้นเหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังเป็นเหล้าวิสกี้ที่เมื่อได้ลิ้มลองรสชาติและเหล้าชนิดนี้จะยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อสัมผัสในรสชาติของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ลูกกวาดและต้นโอ๊กที่ค่อนข้างโดดเด่นอย่างเข้มข้นมาก

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่รับประทานได้ง่าย เหมาะแก่นักดื่มทุกเพศทุกวัย  รวมทั้งยังเป็นเหล้าวิสกี้ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาจากต้นตำรับของประเทศสกอตแลนด์โดยเฉพาะ นอกจากนี้เหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีความโดดเด่นในด้านกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมและเต็มเปี่ยมไปด้วยลูกกวาดและต้นโอ๊กอีกด้วย อีกทั้งเหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 40% เพียงเท่านั้น

The Famous Grouse Toasted Cask

The Famous Grouse Toasted Cask

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Macallan 15 Years Old Double Cask

Macallan 15 Years Old Double Cask

            Macallan 15 Years Old Double Cask นับได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในแถบทวีปยุโรปอย่างยิ่ง ซึ่งเหล้าวิสกี้ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้ที่ถูกผลิตและสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยแบรนด์เหล้าวิสกี้ชื่อดังอย่าง Macallan ที่มีอายุของเหล้าวิสกี้มานานมากกว่า 15 ปี รวมทั้งยังเป็นเหล้าวิสกี้ที่ถูกสร้างสรรค์จากดินแดนย่านชุมชน Speyside ของประเทศสกอตแลนด์ในสหราชอาณาจักร

            โดยเหล้าวิสกี้ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีการนำวัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่นและมีชื่อเสียงอย่างยิ่งในย่าน Speyside มาใช้เป็นวัตถุดิบหลัก ได้แก่ ข้าวบาร์เลย์แท้ 100% หรือที่ใครหลายคนล้วนรู้จักในชื่อว่า “เหล้าซิงเกิลมอลต์” โดยทางผู้ผลิตนั้นจะนำวัตถุดิบเหล่านั้นมาใช้ในการหมัก โดยทางผู้ผลิตนั้นจะนำไปหมักลงในถังไม้ทั้งสองประเภทที่ทางผู้ผลิตสร้างขึ้นมาด้วยมืออย่างดีเท่านั้น โดยพันธุ์ไม้โอ๊กที่ทางผู้ผลิตคัดเลือกมาใช้นั้นจะเป็นสายพันธุ์เชอร์รี่ Oloroso พันธุ์ไม้โอ๊กอเมริกันและสายพันธุ์ยุโรปชั้นดีอีกด้วย

            ซึ่งเหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีกลิ่น รสชาติและกลิ่นที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง สมกันกับเป็นเหล้าวิสกี้คุณภาพเยี่ยมจากแบรนด์เหล้าวิสกี้ โดยเริ่มแรกจากสีของเนื้อสัมผัสที่จะเป็นสีเหลืองทองราวกับสีเหลืองอำพัน บวกกันกับกลิ่นของกลิ่นของเหล้าวิสกี้จะมีกลิ่นที่โดดเด่นของข้าวมอลต์เผาเล็กน้อยที่ผสมผสานกันกับกลิ่นของผลไม้แห้ง อย่างเช่นกลิ่นของลูกเกดแห้งและกลิ่นของเปลือกส้มตากแห้งที่เข้ากันได้อย่างดีด้วยเช่นกัน นอกเหนือจากนี้เหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีรสชาติของดาร์กช็อกโกแลตที่ผสานกันกับรสสัมผัสของคาราเมล ลูกกวาด ลูกเกดหวาน เปลือกเลม่อนและผลส้มด้วยเช่นกัน

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างยอดเยี่ยม แต่ว่าไปในทิศทางที่ชัดเจนและไปในเส้นทางเดียวกันทั้งกลิ่นและรสชาติ เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีกลิ่นและรสชาติของข้าวมอลต์ ลูกกวาด ลูกเกดหวาน เปลือกเลม่อน ผลส้ม ดาร์กช็อกโกแลตและผลไม้แห้งทั้งลูกเกดแห้งกับเปลือกส้มแห้งด้วยเช่นกัน นอกจากนี้เหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 43% เพียงเท่านั้น

Macallan 15 Years Old Double Cask

Macallan 15 Years Old Double Cask

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Bottega Soave Classico

Bottega Soave Classico

            Bottega Soave Classico นับได้ว่าเป็นไวน์หนึ่งในประเภทไวน์ขาวยอดนิยมที่ถูกส่งตรงมาจากแบรนด์ไวน์ชั้นเยี่ยมอย่าง Bottega ที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในการผลิตไวน์ชั้นเยี่ยมของยุโรปที่มีถิ่นฐานการผลิตหลักอยู่ที่เมือง Soave ที่ตั้งอยู่ในเมือง Veneto ของประเทศอิตาลี

            ไวน์ Soave ได้รับการตั้งชื่อตามเมืองที่คล้ายคลึงกันซึ่งก่อตั้งโดย Lombards หรือที่เรียกว่า Suaves เป็นไวน์อิตาลีชนิดแรกที่พื้นที่การผลิตถูก จำกัด โดยพระราชกฤษฎีกาในปี 1931 และยังเป็น DOC แห่งแรกที่ได้รับการยอมรับใน Veneto เมื่อ DOC“ Soave Superiore” ได้รับการยอมรับ การบ่งชี้ “Classico” เป็นสิทธิพิเศษของ Soave ที่ผลิตในพื้นที่ “คลาสสิก” ดั้งเดิมและเก่าแก่ที่สุดเช่นเนินเขา Soave และ Monteforte รวมทั้งไวน์ชนิดนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นไวน์ที่มีราคาที่แพงที่สุดในกลุ่มไวน์ Soave Classico อีกด้วย

            โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีลักษณะทั้งภายในและภายนอกที่โดดเด่นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นสีของเนื้อสัมผัสที่เป็นสีเหลืองขาวที่ให้ความรู้สึกราวกับสีของฟางข้าวสวยงาม บวกกันกับกลิ่นของไวน์ที่มีความเป็นผลไม้อย่างชัดเจนและมีความละเอียดอ่อนในตัวเนื้อกลิ่นด้วยเช่นกัน โดยผลไม้ที่มีความโดดเด่นออกมา ได้แก่ ผลแอปเปิลและผลส้มเขียวหวานที่ผสานกันกับกลิ่นของดอกไม้และเหล้าสาเกชั้นดี นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีรสสัมผัสที่ให้บรรยากาศความร่วมสมัยในเนื้อสัมผัสได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในส่วนขององค์ประกอบไวน์ที่ค่อนข้างมีความโดดเด่นทั้งจากความเปรี้ยวและเนื้อของถั่วอัลมอนด์อีกด้วย

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นความเป็นกรดที่ให้กลิ่นและรสชาติที่เปรี้ยวแก่ไวน์ชนิดนี้ที่ผสานกันกับกลิ่นและรสชาติความหวานจากผลแอปเปิล ผลส้มเขียวหวาน ดอกไม้สีขาวและเหล้าสาเกที่ผสานกันกับถั่วอัลมอนด์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ทะเลที่มีเปลือกแข็ง อาหารมังสวิรัติ อาหารเรียกน้ำย่อยและอาหารว่างและเนื้อปลาไขมันต่ำ นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 12.5% และควรที่จะรับประทานไวน์นี้เมื่อไวน์มีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 10-12 องศาเซลเซียส เพื่อรสชาติไวน์ที่ดีเยี่ยมเท่านั้น

Bottega Soave Classico

Bottega Soave Classico

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Bottega Pinot Grigio delle Venezie

Bottega Pinot Grigio delle Venezie

            Bottega Pinot Grigio delle Venezie นับได้ว่าเป็นไวน์หนึ่งในประเภทไวน์ขาวยอดนิยมที่ถูกส่งตรงมาจากแบรนด์ไวน์ชั้นเยี่ยมอย่าง Bottega ที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในการผลิตไวน์ชั้นเยี่ยมของยุโรปที่มีถิ่นฐานการผลิตหลักอยู่ที่เมือง delle Venezie ที่ตั้งอยู่ในเมือง Veneto ของประเทศอิตาลี

            DOC Venezia เป็นนิกายล่าสุดที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2554 เพื่อส่งเสริมไวน์ในดินแดนที่มีประเพณีการผลิตไวน์นับพันปี ตั้งอยู่ในที่ราบ Padan ตะวันออกและรวมถึงจังหวัด Treviso และ Venice ที่นี่สภาพอากาศและสภาพแวดล้อมเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการปลูกเถาวัลย์ต่าง ๆ รวมทั้ง Pinot Grigioเถาวัลย์นี้เป็นผลมาจากการกลายพันธุ์ของ Pinot Nero ซึ่งทำให้ได้รับความสง่างามและความประณีต

            โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีลักษณะของเนื้อสัมผัสรวมทั้งสีของเนื้อไวน์ที่โดดเด่นตามสภาพไวน์ขาวชั้นเยี่ยม โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีสีของไวน์เป็นสีเหลืองขาวราวกับสีขาวฟางข้าวที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีทองแดงเล็กน้อย บวกกันกับไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นของไวน์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความร่วมสมัยที่ชัดเจนอย่างยิ่ง รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนด้วยกลิ่นของดอกเอลเดอร์และดอกอคาเซีย อีกทั้งยังมีกลิ่นของผลไม้ โดยเฮพาะลูกแพรและลูกพีชกับกลิ่นของถั่วอัลมอนด์อีกด้วยเช่นกัน นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีเนื้อสัมผัสที่มีความแห้งอย่างชัดเจน แต่ไวน์นี้ไม่ได้แห้งจนจืดชืด แต่กลับเป็นความแห้งที่มีความสดชื่นและความเปรี้ยวที่เข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบและลงตัวอย่างดี

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีความโดดเด่นและลักษณะเฉพาะที่เนื้อสัมผัสที่มีความแหง้ในเนื้อสัมผัสที่ดีแต่ก็มีความสดชื่นของเนื้อไวน์ด้วยเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นที่ค่อนข้างหวานและเปรี้ยวผสานกัน โดยความหวานที่โดดเด่นอย่างยิ่งจากดอกเอลเดอร์และดอกอคาเซียที่ผสานกันกับลูกพีชและลูกแพรกับถั่วอัลมอนด์ได้ยอ่างพอดิบพอดี ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งกับการรับประทานควบคูกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์ทะเลเปลือกแข็ง อาหารมังสวิรัติ เห็ดและเหมาะกับการเป็นไวน์ที่รับประทานก่อนการรับประทาน เพื่อทำให้มีความอยากอาหารหรือเจริญอาหารมากยิ่งขึ้นอีกด้วย นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 12.5% และควรที่จะรับประทานไวน์นี้เมื่อไวน์มีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 10-12 องศาเซลเซียส เพื่อรสชาติไวน์ที่ดีเยี่ยมเท่านั้น

Bottega Pinot Grigio delle Venezie

Bottega Pinot Grigio delle Venezie

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Bottega Amarone della Valpolicella

Bottega Amarone della Valpolicella

            Bottega Amarone della Valpolicella นับได้ว่าเป็นไวน์หนึ่งในประเภทไวน์แดงยอดนิยมที่ถูกส่งตรงมาจากแบรนด์ไวน์ชั้นเยี่ยมอย่าง Bottega ที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในการผลิตไวน์ชั้นเยี่ยมของยุโรปที่มีถิ่นฐานการผลิตหลักอยู่ที่เมือง Amarone della Valpolicella ที่ตั้งอยู่ในเมือง Valpollcella ซึ่งอยู่ใน Veneto ของประเทศอิตาลี

            Valpolicella เป็นดินแดนที่อุทิศให้กับการปลูกเถาวัลย์มาตั้งแต่สมัยโบราณชื่อ “vallis polis cellae” หมายถึง “หุบเขาแห่งห้องใต้ดินจำนวนมาก” ที่นี่ปลูกองุ่นพื้นเมืองเช่น Corvina Veronese, Corvinone, Rondinella และ Molinara ซึ่งใช้ในการผลิตไวน์แดงที่สำคัญและไม่เหมือนใคร Amarone DOCG ไวน์แดงชั้นเลิศของ Valpolicella และไวน์อิตาลีที่สำคัญที่สุดชนิดหนึ่งได้ดึงดูดรสชาติที่ดีที่สุดทั่วโลกด้วยบุคลิกที่เลียนแบบไม่ได้เสน่ห์และลักษณะของไวน์แบบดั้งเดิม แต่ทันสมัยเป็นอย่างยิ่ง

            โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีสีและลักษณะที่ปรากฏค่อนข้างจะโดดเด่นเหนือไวน์ชนิดอื่นๆ ซึ่งไวน์ชนิดนี้จะเป้นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัสเป็นสีทับทิมสีแดงเข้มข้นแต่งแต้มด้วยสีโกเมน รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นที่โดดเด่นด้วยช่อผลไม้สีแดงเข้มข้น เช่น ผลเชอร์รี่สายพันธุ์มาราสค่า ลูกพลัมและผลเคอร์แรนสีดำ แยมเชอร์รี่สีดำ และราสเบอร์รี่ที่ผสานกันกับลูกจันทน์เทศและช็อคโกแลต ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ในส่วนของเนื้อสัมผัสและโครงสร้างของไวน์ชนิดนี้ก็ล้วนเต็มไปด้วยความสมบูรณ์ กลมกล่อม ยอดเยี่ยมอย่างสม่ำเสมอและเข้มข้นอย่างยิ่งต่อเพดานปากเมื่อได้ลิ้มลองและสัมผัสเนื้อไวน์เข้าไปแล้ว โดยไวน์ชนิดนี้จะยังมีสารแทนนินและความเป็นกรดที่ให้ความเปรี้ยวกันอย่างลงตัวและมีความสมดุลอย่างสมบูรณ์แบบกับไวน์ ซึ่งส่งผลต่อความกลมกลืนและความรื่นรมย์ของไวน์นี้เป้นที่ประทับใจไม่รู้ลืมอีกด้วย

ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป้นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติของเนื้อสัมผัสไวน์ที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่งอย่างหาตัวจับได้ยากในไวน์ทั่วไป นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีความกลมกล่อม ลงตัวและสมดุลทั้งเนื้อสัมผัสที่ให้ความหวานจากผลไม้สีแดงหลากหลายชนิด รวมทั้งยังมีความเปรี้ยวจากสารแทนนินที่ให้ความเป็นกรดในปริมาณที่พอเหมาะพอดีอีกด้วย ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานไวน์ชนิดนี้ควบคู่กับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อวัว เนื้อกวาง เนื้อแกะ และชีสสีน้ำเงินอีกด้วย นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 16.5% และควรที่จะรับประทานไวน์นี้เมื่อไวน์มีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 18-20 องศาเซลเซียส เพื่อรสชาติไวน์ที่ดีเยี่ยมเท่านั้น

Bottega Amarone della Valpolicella

Bottega Amarone della Valpolicella

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Bottega Brunello di Montalcino

Bottega Brunello di Montalcino

            Bottega Brunello di Montalcino นับได้ว่าเป็นไวน์หนึ่งในประเภทไวน์แดงยอดนิยมที่ถูกส่งตรงมาจากแบรนด์ไวน์ชั้นเยี่ยมอย่าง Bottega ที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในการผลิตไวน์ชั้นเยี่ยมของยุโรปที่มีถิ่นฐานการผลิตหลักอยู่ที่เมือง Brunello di Montalcino ที่ตั้งอยู่ในเมือง Toscana ของประเทศอิตาลี

Brunello di Montalcino เป็นหนึ่งในไวน์อิตาลีที่มีชื่อเสียงที่สุดซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในไวน์แดงที่รับประกันอายุยืนยาวได้ดีที่สุด Montalcino ตั้งอยู่ห่างจากเมือง Siena ไปทางทิศใต้ประมาณ 40 กม. ในพื้นที่ที่เป็นเนินเขาที่สวยงาม ภูมิทัศน์ทางการเกษตรที่ปราศจากการปนเปื้อนของประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่และความงดงามซึ่งตั้งแต่ปี 2004 ได้รับการขึ้นทะเบียนในรายชื่อมรดกโลกขององค์การยูเนสโก

โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีลักษณะทั้งภายในและภายนอกที่ค่อนข้างโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป้นส่วนของสีของเนื้อสัมผัสที่มีสีที่ค่อนข้างเข้มราวกับสีแดงเข้มของทับทิมและโกเมนผสมผสานกันได้อย่างดีและลงตัว บวกกันกับกลิ่นของไวน์ที่ค่อนข้างเต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นที่ค่อนข้างชัดเจนอย่างยิ่งในองค์ประกอบ ไม่มีความซับซ้อนมากจนเกินไป อีกทั้งยังเป็นกลิ่นไวน์ที่มีความโดดเด่นจากกลิ่นของผลเบอร์รี่และดอกไวโอเลตที่รวมตัวกันกับกลิ่นของเครื่องเทศ น้ำส้มสายชู และแก่นไม้ที่เข้ากันได้อย่างเหมาะเจาะ นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างแห้ง มีความอบอุ่น ความซับซ้อนและกลิ่นอายกับบรรยากาศของของความร่วมสมัยได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังมีเนื้อสัมผัสที่ลงตัวและสมดุลอย่างดีมากอีกด้วย

ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีความหลากหลายเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านกลิ่นของไวน์ที่มีความชัดเจนในเอกลักษณ์ขององค์ประกอบต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เครื่องเทศ วานิลลา แก่นไม้และน้ำส้มสายชู รวมทั้งไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างสมดุล ลงตัว กลมกล่อมและสมบูรณ์แบบได้อย่างดีอย่างยิ่งอีกด้วย ซึ่งไวน์ชนิดนี้ก็เหมาะสมอย่างยิ่งในการรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อกวาง สัตว์เนื้อแดงที่มีความดิบเล็กน้อย เห็ด ทรัฟเฟิลหรือลีสผสมอีกด้วย นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังมีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 14.5% และควรที่จะรับประทานไวน์นี้เมื่อไวน์มีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 16-18 องศาเซลเซียส เพื่อรสชาติไวน์ที่ดีเยี่ยมเท่านั้น

Bottega Brunello di Montalcino

Bottega Brunello di Montalcino

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Bottega Chianti Classico Acino D’Oro

Bottega Chianti Classico Acino D’Oro

            Bottega Chianti Classico Acino D’Oro นับได้ว่าเป็นไวน์หนึ่งในประเภทไวน์แดงยอดนิยมที่ถูกส่งตรงมาจากแบรนด์ไวน์ชั้นเยี่ยมอย่าง Bottega ที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในการผลิตไวน์ชั้นเยี่ยมของยุโรปที่มีถิ่นฐานการผลิตหลักอยู่ที่เมือง Oltrepo Pavese ที่ตั้งอยู่ในเมือง Lombardia ของประเทศอิตาลี

            โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีความพิเศษและความน่าสนใจหลากหลายประการด้วยกัน ตั้งแต่ไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีความนิยมมากที่สุดในกลุ่มสินค้าไวน์ของภูมิภาค Chianti Classico รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีรายได้ที่ค่อนข้างต่ำมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีส่วนผสมที่มีเพียงแค่องุ่นเพียงแค่สองชนิดด้วยกัน ได้แก่  องุ่นสายพันธุ์ Sangiovese กับองุ่นสายพันธุ์ Canaiolo Nero แต่กลับทำให้ไวน์มีลักษณะความเฉพาะตัวที่ค่อนข้างแตกต่างและหลากหลายกันอย่างสิ้นเชิง

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นไวน์แดงชั้นเยี่ยมที่มีลักษณะต่างๆมากมายที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเริ่มตั้งแต่ส่วนของเนื้อสัมผัสที่เป็นลักษณะภายนอกของไวน์ที่น่าดึงดูดใจหลายคนด้วยสีแดงเข้มราวกับสีแดงทับทิมกับโกเมนที่สุกสกาวสวยงามอย่างยิ่ง บวกกันกับกลิ่นของไวน์ที่ค่อนข้างดีเยี่ยมและเต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นที่ซับซ้อนและเข้มข้นของดอกไม้นานาพันธุ์ ที่ผสานตัวกันกับกลิ่นของผลไม้สุกหลากหลายชนิดและวานิลาที่หอมหวานอ่อนๆอีกด้วย นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังมีรสชาติของเนื้อไวน์ที่มีค่อนข้างบางเยาแต่มีกลิ่นอายและบรรยากาศของความเข้มข้นและความนุ่มนวลที่ผสานกันได้อย่างลงตัวพอดิบพอดี

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นความนุ่มนวลและความเข้มข้นที่สามารถผสานเนื้อสัมผัสกันได้อย่างลงตัว รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีความเข้มข้น ความซับซ้อนและความโดดเด่นที่เกิดมาจากดอกไม้และผลไม้แห้งที่ผสมผสานกันกับกลิ่นของวานิลลาและชะเอมเทศได้อย่างดี ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานไวน์ชนิดนี้ควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อกวาง เนื้อดิบทุกชนิดและชีส นอกเหนือจากนี้ไวน์ยังมีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 13.5% และควรที่จะรับประทานไวน์นี้เมื่อไวน์มีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 16-18 องศาเซลเซียส เพื่อรสชาติไวน์ที่ดีเยี่ยมเท่านั้น

Bottega Chianti Classico Acino D'Oro

Bottega Chianti Classico Acino D’Oro

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

error: Content is protected !!