Chieftain’s Limited Edition Collection Littlemill 28 Years Old Lowland

Chieftain’s Limited Edition Collection Littlemill 28 Years Old Lowland

            Chieftain’s Limited Edition Collection Littlemill 28 Years Old Lowland  นับได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีมนต์เสน่ห์ดึงดูดผู้คนให้มีความสนใจอยู่มาก จนนับได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้ยอดนิยมเป็นอย่างมากในแถบยุโรป โดยแบรนด์เหล้าวิสกี้ที่ได้มีการสร้างสรรค์และผลิตเหล้าวิสกี้ขึ้นมาด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์อย่างดีนั้น ได้แก่ แบรนด์เหล้าวิสกี้ Lan Macleod โดยใช้แบรนด์ย่อยอย่าง Chieftain’s มาใช้ ซึ่งแบรนด์เหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังถือว่าได้ว่าเป็นแบรนด์เหล้าที่มีความเฉพาะตัวและความอิสระในการผลิตอยู่พอสมควร เนื่องด้วยเป็นธุรกิจที่ถูกถ่ายทอดกันผ่านทางครอบครัว จากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูกมาอย่างยาวนาน และยังมีการตั้งถิ่นฐานการผลิตอยู่ที่เมือง Lowlands ที่อยู่ทางด้านตอนใต้ของประเทศสกอตแลนด์ สหราชอาณาจักร

            โดยเหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีกรรมวิธีการผลิตที่ค่อนข้างเก่าแก่และหาได้ยาก เนื่องด้วยสูตรการผลิตเหล้านี้ได้รับการสืบทอดเพียงแค่สมาชิกในครอบครัวเท่านั้น ซึ่งทางผู้ผลิตนั้นได้มีการตัดสินใจเลือกวัตถุดิบและมีการตัดสินใจที่จะใช้วัตถุดิบยอดนิยมอย่าง ข้าวบาร์เลย์แท้ 100% หรือที่ใครหลายตนรู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า “เหล้าซิงเกิลมอลต์ (Single Malt)” ซึ่งเหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังถือได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้ที่ค่อนข้างมีอายุของเหล้าที่ค่อนข้างยาวนานมากถึง 28 ปีด้วยกัน ซึ่งถือว่าค่อนข้างยาวนานมากสำหรับเหล้าวิสกี้

            ซึ่งเหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังถือว่าเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีลักษณะภายนอกและรูปร่างที่ค่อนข้างน่าดึงดูดอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นส่วนของสีเนื้อสัมผัส กลิ่นและรสชาติของเหล้าวิสกี้ โดยเริ่มแรกจากสีของเนื้อสัมผัสของเหล้าวิสกี้ชนิดนี้ที่ค่อนข้างออกเป็นสีเหลืองทองอำพันใสสว่างสวยงามและยังเป็นสีที่ค่อนข้างดูเป็นธรรมชาติอีกด้วย ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังถือได้ว่าเป็นเหล้าที่มีรสชาติที่ค่อนข้างพิเศษพรีเมี่ยมอย่างมาก มีทั้งความเบาบาง เข้มข้นและความเต็มน้ำเต็มเนื้อของเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างชัดเจนอย่างยิ่งอีกด้วย

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีกลิ่นอายและรสชาติที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมน่าค้นหา มีทั้งสีที่สวยงามเป็นธรรมชาติและรสชาติกับกลิ่นของเหล้าที่เต็มน้ำเต็มเนื้อ สมดุล เบาบางและเข้มข้น นอกเหนือจากนี้เหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังมีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 53.8% ซึ่งถือได้ว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงมาก เมื่อเทียบกับระดับของเหล้าวิสกี้ทั่วไป

Chieftain's Limited Edition Collection Littlemill 28 Years Old Lowland

Chieftain’s Limited Edition Collection Littlemill 28 Years Old Lowland

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Oban 21 Years Old

Oban 21 Years Old

            Oban 21 Years Old นับได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในแถบทวีปยุโรปอย่าง Oban ซึ่งแบรนด์เหล้าวิสกี้ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นแบรนด์เหล้าวิสกี้ที่มีโรงกลั่นเหล้าวิสกี้เป็นของตัวเองและมีอายุในการก่อตั้งยาวนานและเก่าแก่มากที่สุดในประเทศสกอตแลนด์ ซึ่งแบรนด์เหล้าชนิดนี้จะมีการตั้งถิ่นฐานการผลิตใหญ่อยู่ที่ใจกลางเมือง Coastal Town ที่มีชื่อเดียวกันกับเขตชุมชน Highlands ตะวันตกของประเทศสกอตแลนด์

            โดยเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีการนำสูตรต้นตำรับเก่าแก่จากย่านชุมชนชื่อดังและมีการันตีในเรื่องคุณภาพการผลิตและส่งออกไวน์ในระดับแนวหน้าของโลกอย่าง Highlands มาใช้ ซึ่งเหล้าวิสกี้ชนิดนี้ทางผู้ผลิตได้มีการเลือกสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพมาใช้ ซึ่งวัตถุดิบที่ทางผู้ผลิตได้คัดเลือกให้มาใช้เป็นวัตถุดิบหลักนั้น ได้แก่ ข้าวบาร์เลย์แท้ 100% หรือที่ในวงการเหล้าวิสกี้นั้นจะรู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่าเป็น “เหล้าซิงเกิลมอลต์” ซึ่งเหล้าชนิดนี้ล้วนได้รับความนิยมด้วยการนำเข้าสู่เทคนิคการผลิตเหล้าด้วยข้าวมอลต์และข้าวธัญพืชจนทำให้เหล้าวิสกี้ชนิดนี้ถ่ายทอดกลิ่นอายและบรรยากาศของความร่วมสมัยได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

            ซึ่งในส่วนของลักษณะภายนอกและรูปร่างของเหล้าวิสกี้ชนิดนี้ก็มีมนต์เสน่ห์ไม่แพ้กัน เนื่องด้วยเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีสีของเนื้อสัมผัสเป็นสีเหลืองเข้มออกไปทางสีเหลืองทองที่สวยงาม บวกกันกับลักษณะอื่นๆของเหล้าก็อุดมไปด้วยความงดงามไม่แพ้กัน เริ่มต้นจากกลิ่นของเหล้าวิสกี้ชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีกลิ่นที่ค่อนข้างสดชื่นและมีความสดใหม่อยู่พอสมควร เนื่องด้วยกลิ่นของเหล้านี้อุดมไปด้วยกลิ่นของผลมะกอกเขียวที่ผสานตัวกับกลิ่นของผลส้มที่ถ่ายทอดความเปรี้ยวและความหวานได้อย่างสมดุลลงตัว ให้กลิ่นอายของธรรมชาติได้อย่างดี ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังมีรสชาติของเหล้าวิสกี้ที่เต็มไปด้วยความหวานได้อย่างดีเช่นเดียวกัน เป็นเหล้าที่จะเริ่มมีรสสัมผัสของผลส้มกับผลราสเบอร์รี่ในช่วงแรก หลังจากนั้นเหล้านี้จะเริ่มถ่ายทอดรสชาติของอบเชยและพริกไทยที่เป็นเครื่องเทศที่ให้ความฉุนและเผ็ดร้อนในเวลาถัดมา

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบในการดื่มเหล้าวิสกี้ที่มีกลิ่นอายของความสดใหม่และช่วยถ่ายทอดบรรยากาศของความหวาน ความเปรี้ยวและความเผ็ดร้อนได้อย่างลงตัว ทั้งรสชาติและกลิ่นของผลส้ม ผลราสเบอร์รี่ พริกไทยและอบเชยชั้นเยี่ยม นอกเหนือจากนี้เหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 57.9% ซึ่งนับว่าสูงมากในเหล้าวิสกี้ทั่วไป

Oban 21 Years Old

Oban 21 Years Old

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Wolfburn Hand Crafted

Wolfburn Hand Crafted

            Wolfburn Hand Crafted นับได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้มีความโดดเด่นไม่ซ้ำใคร ซึ่งทำให้เป็นที่ชื่นชอบและมีความนิยมเป็นอย่างมากในวงการเหล้าวิสกี้ระดับแถวหน้าของโลก โดยเหล้าวิสกี้ชนิดนี้ได้ถูกสร้างสรรค์หรือถูกผลิตขึ้นมาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตเหล้าอย่าง Wolfburn Hand Crafted ซึ่งนับได้ว่าเป็นแบรนด์เหล้าวิสกี้ที่มีคุณภาพและความโด่งดังมากแห่งหนึ่งในทวีปยุโรป โดยตัวแบรนด์เหล้าวิสกี้แห่งนี้เป็นแบรนด์เหล้าวิสกี้ที่การตั้งถิ่นฐานการผลิตใหญ่อยู่ที่ย่านชุมชน Highlands ที่มีระยะทางที่ค่อนข้างไกลจากตัวเมือง แต่ว่ามีพื้นที่ในการผลิตที่ค่อนข้างกว้างขวางในประเทศสกอตแลนด์ สหราชอาณาจักร

            โดยเหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างที่จะมีเรื่องเล่าและความเป็นมาอย่างดี โดยเริ่มต้นจากเหล้าชนิดนี้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยการใช้ข้าวบาร์เลย์แท้ 100% หรือที่ใครหลายคนมักจะเรียกวัตถุดิบยอดนิยมนี้ว่า “เหล้าซิงเกิลมอลต์ (Single Malt)” ซึ่งผู้ผลิตนั้นไม่ได้มีการใส่เพียงแค่สิ่งนี้เพื่อที่จะชูรสชาติของเหล้าให้น่าสนใจ แต่กลับมีการเจือเหล้าสก็อตเข้าไปเล็กน้อย เพื่อทำให้เหล้าชนิดนี้ยอดเยี่ยมมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งสูตรต้นตำรับในการผลิตครั้งนี้ก็ได้รับการสืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นของชาว Highlands ในพื้นที่ประเทศสกอตแลนด์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการหมักเหล้าวิสกี้มาอย่างยาวนาน

            ซึ่งเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีสีของเนื้อสัมผัส กลิ่นและรสชาติที่น่าดึงดูดเป็นอย่างมาก เริ่มต้นด้วยสีของเหล้าวิสกี้ที่มีลักษณะเด่นที่มาจากสีเหลืองใสราวกับสีเหลืองทองอำพันอย่างดี บวกกันกับรสสัมผัสที่นุ่มลึกอย่างดี มีทั้งความนุ่มนวล บางเบา และมีฟองฟู่ราวกับผิวสัมผัสแบบ Sparkling อีกทั้งยังมีกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์จากผลไม้สดหลากหลายชนิดที่รวมตัวกันกับถั่วชั้นเยี่ยมและข้าวมอลต์ที่ได้ให้ทั้งความหวานและความเข้มข้นกันอย่างลงตัว

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่น่าสนใจและเหมาะแก่การแนะนำให้นักดื่มได้ทุกเพศทุกวัย ด้วยลักษณะของเหล้าวิสกี้ที่สามารถตอบโจทย์และมีความโดดเด่นของผลไม้สด ถั่วและข้าวมอลต์ที่ทำให้รสชาติและกลิ่นของเหล้านี้ไม่รุนแรงมากจนเกินไป อีกทั้งยังเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 48% ซึ่งนับได้ว่ายังไม่สูงมากเกินไปสำหรับเหล้าวิสกี้ทั่วไป

Wolfburn Hand Crafted

Wolfburn Hand Crafted

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Revana Napa Valley Cabernet Sauvignon

Revana Napa Valley Cabernet Sauvignon

            Revana Napa Valley Cabernet Sauvignon นับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในกลุ่มที่ชื่นชอบในการดื่มด่ำกับไวน์ชั้นเลิศ โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีการถูกสร้างสรรค์และถูกผลิตขึ้นมาโดยแบรนด์ไวน์ชื่อดังที่ได้รับการขนานนามจากหลากหลายนักดื่มว่าเป็นแบรนด์ไวน์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสุดในพื้นที่การผลิตนั้นอย่าง Revana ซึ่งแบรนด์ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นแบรนด์ไวน์ที่ล้วนแต่ผลิตผลงานไวน์ชั้นเยี่ยมมาเป็นจำนวนมาก โดยใช้ถิ่นฐานการผลิตใหญ่อยู่ที่ย่านชุมชนเมือง Napa Valley อันโด่งดังด้านการผลิตไวน์แนวหน้าของโลก ที่อยู่ในเขตการปกครอง Napa ที่อยู่บริเวณทางด้านชายหาดตอนเหนือของมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

            โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกระบวนการผลิตที่ยอดเยี่ยมและมีเอกลักษณ์อย่างยิ่ง เนื่องด้วยทางผู้ผลิตได้มีการคัดเลือกวัตถุดิบที่ใช้ โดยการนำองุ่นที่มีการเพาะปลูกในไร่องุ่นที่อยู่ในคฤหาสน์เท่านั้น โดยพื้นที่ในการปลูกองุ่นของสถานที่แห่งนี้ก็นับได้ว่าใหญ่โตกว้างขวางกว่า 8.2 เอเคอร์ด้วยกัน และทางผู้ผลิตนั้นมีการตัดสินใจเลือกใช้องุ่นชั้นเยี่ยมที่พวกเขามีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษอย่างCabernet Sauvignon. แท้ 100% ที่ความนิยมเป็นระดับโลกมาใช้ในการผลิตในครั้งนี้

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีลักษณะรูปร่างภายนอกและสัมผัสที่น่าลิ้มลองเป็นอย่างมาก ไม่ว่ากลิ่น สีของเนื้อสัมผัส และรสชาติของไวน์ล้วนมีเสน่ห์ดึงดูดไม่แพ้กัน โดยเริ่มแรกจากสีของเนื้อสัมผัสของไวน์ที่มีสีแดงเข้มราวกันกับสีแดงโกเมนหรือสีทับทิม อีกทั้งไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างเข้มข้นและมีความเปรี้ยวเล็กน้อยจากสารแทนนินอีกด้วย ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีความแห้งของเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างชัดเจนและมีความเบาบางและนุ่มนวลอย่างดี นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นอายและรสสัมผัสของวานิลลา ต้นโอ๊ก ลูกสน และผลไม้สีดำหลากหลายชนิด ทั้งผลเคอร์แรนสีดำและผลเบอร์รี่สีดำ โดยรสชาติและกลิ่นอายเหล่านี้จะถ่ายทอดความหวานหอมเข้ามาที่จะมีเหล่าเครื่องเทศมาผสานกันเผื่อตัดความหวานเลี่ยนที่อาจจะเกิดขึ้นและทำให้ไวน์ชนิดนี้มีความสมดุลมากยิ่งขึ้น โดยเครื่องเทศที่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ คือ ชะเอมเทศ พริกไทยและอบเชย

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นอายและที่ให้บรรยากาศความหวานหอมและความเผ็ดร้อนจางๆได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นและรสชาติของผลไม้สีดำหลากหลายชนิดด้วยกัน ที่ผสานกันกับเครื่องเทศ เช่น ชะเอมเทศ พริกไทยและอบเชยอย่างดี ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะนำไวน์ชนิดนี้ไปรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวาง เนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่กับเนื้อเป็ดและชีสทั้งแบบชีสผสมและแบบเข้มข้น นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 14.7% เพียงเท่านั้น

Revana Napa Valley Cabernet Sauvignon

Revana Napa Valley Cabernet Sauvignon

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Taittinger Comtes de Champagne

Taittinger Comtes de Champagne

            Taittinger Comtes de Champagne นับได้ว่าเป็นเหล้าแชมเปญที่มีชื่อเสียงโด่งดังและมีความนิยมเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเหล้าแชมเปญนี้ได้รับการสร้างสรรค์และผลิตขึ้นมาโดยนักฝีมือมากมายผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตเหล้าของแบรนด์เหล้าชื่อดังอย่าง Champagne Taittinger ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตหลักอยู่ที่เมือง Champagne Blanc de Blancs ของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งแบรนด์เหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นแหล่งเหล้าแชมเปญที่มีชื่อเสียงมากที่สุด รวมทั้งยังมีชื่อเสียงในด้านการผลิตไวน์ขาวที่เป็นที่เลื่องชื่อของแถบดินแดนนั้นด้วยเช่นเดียวกัน

            โดยเหล้าแชมเปญชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นเหล้าแชมเปญที่มีมนต์เสน่ห์ในกรรมวิธีการผลิต เนื่องด้วยเจ้าของแบรนด์เหล้าแชมเปญนั้นมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญอย่างยิ่งในการผลิตเหล้าแชมเปญที่มีลักษณะเหมือนไวน์ขาว โดยส่วนใหญ่ทางผู้ผลิตนั้นจะมีการนำองุ่นหลากหลายสายพันธุ์มาใช้ในการผลิตเหล้าแชมเปญชนิดนี้ โดยสายพันธุ์องุ่นและอัตราส่วนที่นำมาใช้ในการผลิตนั้น ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Chardonnay 40%, Pinot Noir 35% และองุ่นสายพันธุ์ Pinot Meunier 25% ด้วยกัน โดยองุ่นทั้งสามสายพันธุ์ที่ทางผู้ผลิตด้วยกันนั้นจะนำไปหมักลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์ฝรั่งเศสใบใหม่แท้100% แต่ว่าระยะเวลาในการหมักนั้นจะมีความแตกต่างกันตามปีที่ผลิต ซึ่งนับได้ว่าเป็นหนึ่งในความพิเศษที่หาได้ยากของเหล้าชนิดนี้ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งจะทำให้เหล้าแชมเปญชนิดนี้เป็นเหล้าแชมเปญที่มีอายุของเหล้ามากถึง 10 ปีด้วยกัน

            ซึ่งเหล้าแชมเปญชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นเหล้าแชมเปญที่มีมนต์เสน่ห์และความน่าสนใจอย่างยิ่ง ด้วยสีของเนื้อสัมผัสของเหล้าแชมเปญชนิดนี้จะมีสีขาวนวลปนเหลืองใสเล็กน้อย อีกทั้งยังเป็นเหล้าที่มีผิวสัมผัสแบบ Sparkling หรือแบบมีฟองฟู่สวยงามทำให้เหล้าแชมเปญนี้มีความน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้นไปอีก นอกจากนี้เหล้าแชมเปญชนิดนี้ยังนับได้ว่ามีองค์ประกอบที่ค่อนข้างซับซ้อนแต่ทรงพลังจนน่าขนลุก เป็นเหล้าแชมเปญที่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นจากกลิ่นและรสชาติที่มาจากผลส้มและผลไม้สุกหลากหลายชนิดที่ผสานตัวกันกับถั่วและสมุนไพรด้วย จึงทำให้เหล้าชนิดนี้เป็นเหล้าที่มีเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างเต็มน้ำเต็มเนื้ออย่างดีและมีรสชาติที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างดีอีกด้วย

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าเหล้าแชมเปญชนิดนี้เป็นเหล้าแชมเปญที่มีความน่าดึงดูดใจแก่นักดื่มได้ทุกเพศทุกวัย ด้วยเนื้อสัมผัสที่ยอดเยี่ยม กลมกล่อม มีทั้งผลไม้ที่หลากหลายรวมตัวกันได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานเหล้าแชมเปญชนิดนี้ควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อหมู เนื้อปลาที่มีราคา อย่างเช่น เนื้อปลาทูน่าและปลาแซลมอน สัตว์ทะเลที่มีเปลือก เช่น เนื้อปูและเนื้อกุ้ง และชีสแบบผสมและแบบเบา นอกเหนือจากนี้เหล้าแชมเปญชนิดนี้ยังเป็นเหล้าแชมเปญที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 12% ซึ่งนับได้ว่าไม่สูงมาก เมื่อเทียบกันกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่นๆ

Taittinger Comtes de Champagne

Taittinger Comtes de Champagne

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Mollydooker Carnival of Love Shiraz McLaren Vale

Mollydooker Carnival of Love Shiraz McLaren Vale

            Mollydooker Carnival of Love Shiraz McLaren Vale นับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีการถูกสร้างสรรค์และถูกผลิตขึ้นมาภายใต้แบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Mollydooker ที่นับได้ว่าเป็นอาคารและคฤหาสน์เก่าแก่ของครอบครัวพื้นเมืองในย่านชุมชนการผลิตไวน์ชื่อดังอย่าง McLaren Vale ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตอยู่ในสถานที่เดียวกันกับคฤหาสน์ที่มีไร่องุ่นเป็นของตัวเอง ซึ่งย่านชุมชน McLaren Vale นั้นจะอยู่ทางด้านเขตการปกครองของออสเตรเลียใต้ในประเทศออสเตรเลีย

            โดยไวน์ชนิดนี้จะเป็นการนำวัฒนธรรมการผลิตของแบรนด์ไวน์มาใช้ ซึ่งแบรนด์ไวน์ชนิดนี้จะมีชื่อเสียงในการผลิตไวน์ด้วยองุ่นเพียงแค่สองสายพันธุ์ด้วยกัน ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Merlot และองุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon แต่ว่าทางผู้ผลิตนั้นได้มีการคัดเลือกและตัดสินใจที่จะใช้องุ่นสายพันธุ์Syrah หรือที่ใครหลายคนเรียกหรือรู้จักกันในชื่อว่า Shiraz แท้ 100% ซึ่งสาเหตุสำคัญที่ทางผู้ผลิตได้มีการเลือกสรรที่ใช้สายพันธุ์นี้เพราะว่าองุ่นสายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์องุ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีสไตล์มากกว่าสายพันธุ์ขององุ่นอื่นๆ ซึ่งองุ่นทั้งหมดที่ผ่านการคัดเลือกและเก็บเกี่ยวนั้นจะถูกนำไปหมักลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์อเมริกัน 100% โดยจะต้องมีการระบุเงื่อนไขว่าถังหมักนั้นจะต้องเป็นถังไม้บาร์เรลใบใหม่แท้ 100%

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ค่อนข้างเข้มข้นอย่างยิ่ง โดยเริ่มแรกจากสีของเนื้อไวน์ที่ค่อนข้างมีความเข้มในสีแดงของเนื้อสัมผัสอย่างดียิ่ง อีกทั้งยังเป็นไวน์ที่มีเอกลักษณ์ขององุ่นที่นำมาใช้ได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยความที่ไวน์นี้มีเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างมีชีวิตชีวา อีกทั้งยังเป็นไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและความโดดเด่นจากผลราสเบอร์รี่ที่ผสานกันกับผลส้มเขียวหวานอย่างดี โดยเฉพาะกลิ่นที่มีความโดดเด่นเหนือรสชาติของเนื้อสัมผัสอีกด้วย ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีความเต็มเปี่ยมไปด้วยรสชาติของผลไม้สีแดงและลูกกวาดที่ผสานตัวอย่างดี มีความชัดเจนในโครงสร้างขององค์ประกอบไวน์อย่างดี นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังมีรสชาติของมะพร้าว ลูกพลัม การแฟมอคคาและเครื่องเทศหลากหลายชนิดที่ทำให้ไวน์นี้มีความเป็นมิติที่หลากหลายมากขึ้น

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์และมีความโดดเด่นอย่างดีเยี่ยม เป็นองค์ประกอบของไวน์ที่ชัดเจนทั้งจากผลไม้สีแดง ผลส้มเขียวหวาน ลูกพลัม มะพร้าว มอคคาและเครื่องเทศ ซึ่งนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีความมีชีวิตชีวาและเข้มข้นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นไวน์ที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวาง และเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อเป็ดและเนื้อไก่อีกด้วย นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 15.5-16.5% ซึ่งนับว่าเป็นระดับที่ค่อนข้างสูงมาก เมื่อเทียบกับไวน์ทั่วไป

Mollydooker Carnival of Love Shiraz McLaren Vale

Mollydooker Carnival of Love Shiraz McLaren Vale

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Castello di Bolgheri Varvara Bolgheri

Castello di Bolgheri Varvara Bolgheri

            Castello di Bolgheri Varvara Bolgheri นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่งและมีมนต์เสน่ห์อย่างเหลือล้นในระดับโลก โดยเฉพาะในแถบทวีปยุโรป ซึ่งไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่ถูกสร้างสรรค์และผลิตขึ้นมาภายใต้แบรนด์ไวน์ที่มีชื่อเสียงอย่าง Castello di Bolgheri ซึ่งนับได้ว่าเป็นไวน์แดงที่มีการก่อตั้งที่ใช้เวลาไม่นานมากแต่กลับรวบรวมคุณภาพไว้อย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งแบรนด์ไวน์ชนิดนี้จะมีฐานการผลิตอยู่ที่เมือง Tuscany ที่อยู่ทางด้านตอนใต้ของเขตการปกครองใหญ่ Livorno ของประเทศอิตาลี

            โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์แดงที่มีกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างเต็มเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมการผลิตไวน์ที่มีการสืบทอดกันมาภายในชุมชนของประเทศอิตาลี อีกทั้งยังเป็นไวน์ที่มีการนำสายพันธุ์องุ่นมากกว่าห้าสายพันธุ์มาใช้ในการผลิตไวน์ชนิดนี้จนได้ชื่อว่าเป็นสูตรการผลิตไวน์ที่มีความนิยมอย่าง Bordeaux Blend ซึ่งเป็นสูตรการผลิตไวน์แดงที่ได้รับการสืบทอดมาจากทางประเทศฝรั่งเศส อีกทั้งนำมาผสานกันกับวัฒนธรรมการผลิตของอิตาลีที่เน้นในการเพิ่มสีของไวน์ให้มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น โดยชาว Tuscan นั้นจะมีการคัดเลือกสายพันธุ์องุ่น ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, Cabernet Franc, Merlot, Petit Verdot และองุ่นสายพันธุ์ Malbec โดยองุ่นทั้งหมดนั้นจะถูกนำไปหมักไม้โอ๊กสายพันธุ์ฝรั่งเศสอย่างดี

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในไวน์แดงอย่างสมบูรณ์ โดยสีของเนื้อสัมผัสของไวน์นั้นจะมีความเข้มข้นและมีสีแดงเข้มอย่างดี อีกทั้งยังเป็นไวน์ที่มีลักษณะภายนอกและรูปร่างที่เข้มข้นและเป็นองค์ประกอบที่ชัดเจน และสามารถแยกออกได้อย่างดี โดยความโดดเด่นของไวน์นี้จะมีองค์ประกอบที่โดดเด่นของต้นโอ๊ก ช็อกโกแลต ผลไม้สีดำหลากหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลเคอร์แรนและผลเบอร์รี่สีดำ

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างเข้มข้นและมีสารแทนนินที่ให้ความเปรี้ยวได้อย่างดี อีกทั้งยังเป็นไวน์ที่มีความแห้งในเนื้อสัมผัสได้เป็นอย่างดี และยังเป็นไวน์ที่มีความโดดเด่นมาจากช็อกโกแลต ต้นโอ๊ก ใบยาสูบและความหวานจากผลไม้สีดำหลากหลายชนิดด้วยกัน ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่ไวน์ชนิดนี้จะนำไปรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อวัว  เนื้อแกะ เนื้อกวาง เครื่องในสัตว์และอาหารจานเดียวอย่างพาสต้า นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 13.5-14.5% เพียงเท่านั้น

Castello di Bolgheri Varvara Bolgheri

Castello di Bolgheri Varvara Bolgheri

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Château Malartic Lagravière Grand Cru Classé

Château Malartic Lagravière Grand Cru Classé

            Château Malartic Lagravière Grand Cru Classé ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาและถูกผลิตขึ้นมาถายใต้แบรนด์ไวน์ที่มีความนิยมเป็นอย่างยิ่งในแถบทวีปยุโรปอย่าง Château Malartic Lagravière ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตใหญ่อยู่ที่เมือง Pessac-Leognan ที่เป็นแหล่งใหญ่มากในการส่งออกและการผลิตไวน์แดงที่อยู่ในเมือง Bordeaux ซึ่งเป้นเมืองที่อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส

ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการนำเทคนิคที่เก่าแก่อย่างเทคนิคการผลิตไวน์แดงอย่างGrand Cru Classé หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Cru Classe de Graves ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้ในการผลิตไวน์ขาวเป็นสำคัญ แต่ว่าทางผู้ผลิตได้มีการนำมาปรับเปลี่ยนและประยุกต์ใช้จากเทคนิคที่มีมาอย่างยาวนานตั้งแต่ช่วงปี 1959 จนถึงเวลาปัจจุบัน โดยทางผู้ผลิตได้มีการนำองุ่นมาใช้ในการผลิตไวน์ชนิดนี้มาถึงสี่สายพันธุ์ด้วยกัน โดยอัตราส่วนในการผลิตไวน์ในครั้งนี้จะมีความแตกต่างกันตามช่วงปีที่มีการผลิตที่ค่อนข้างจะแตกต่างกันไป ซึ่งสายพันธุ์องุ่นที่ทางผู้ผลิตนั้นได้เลือกสรรมานั้น ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Merlot, Cabernet Sauvignon, Cabernet Franc และองุ่นสายพันธุ์ Petit Verdot ซึ่งองุ่นทั้งหมดนั้นจะถูกเก็บเกี่ยวในเวลาที่ค่อนข้างห่างกัน โดยเริ่มต้นจากองุ่นสายพันธุ์ Merlot จะถูกเก็บเกี่ยวในช่วงกลางเดือนจนถึงปลายเดือนกันยายน และองุ่นที่เหลือนั้นจะถูกเก็บเกี่ยวในช่วงตลอดทั้งเดือนตุลาคมเท่านั้น เพื่อให้ได้องุ่นสายพันธุ์ที่มีคุณภาพมากที่สุด และองุ่นทั้งหมดที่ผ่านการเลือกสรรอย่างดีแล้ว จะถูกนำไปบ่มลงในถังไม้สแตนเลสเป็นระยะเวลา 21-23 วัน หลังจากนั้นก็จะนำไปหมักลงในถังไม้โอ๊กเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 18 เดือนด้วยกัน

โดยไวน์ชนิดนี้ไม่ได้มีดีแค่กระบวนการผลิตที่มีตำนานและการสืบทอดมาอย่างยาวนาน แต่ว่าลักษณะภายนอกและรูปร่างของผิวสัมผัสของไวน์ก็น่าดึงดูดใจด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์แดงที่มีสีสวยงามราวกับสีของโกเมนผสานกันกับสีของทับทิม บวกกันกับไวน์ที่มีลักษณะที่มีกลิ่นอายของความคลาสสิกและมีรสชาติที่ยอดเยี่ยมอย่างดี รวมไปถึงมีลักษณะภายนอกที่มีเอกลักษณ์ที่ความเข้มข้นและองค์ประกอบที่โดดเด่นของผลเคอร์แรนและช็อกโกแลตที่ผสานตัวจนทำให้ไวน์นี้มีเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างเต็มน้ำเต็มเนื้ออย่างดีเยี่ยมอีกด้วย

ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมจากผลเคอร์แรนที่ผสานตัวกันกับช็อกโกแลตอย่างดี ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานไวน์ชนิดนี้ควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวางและเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 12.5-14.5% เพียงเท่านั้น

Château Malartic Lagravière Grand Cru Classé

Château Malartic Lagravière Grand Cru Classé

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Henri Jayer Vosne-Romanée 1er Cru Cros Parantoux

Henri Jayer Vosne-Romanée 1er Cru Cros Parantoux

Henri Jayer Vosne-Romanée 1er Cru Cros Parantoux คือไวน์ที่แพงที่สุดเป็นอันดับสามของไวน์ Vosne-Romanee ภายใต้เงื่อนไขการผลิตที่เข้มงวดโดยใช้ผลองุ่นจากหนึ่งในไร่ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นไร่ Premier Cru

โดยไร่ Cros Parantoux นั้นมีขนาดพื้นที่ที่ไม่ใหญ่นักโดยมีพื้นที่ประมาณ 1 เฮกตาร์หรือประมาณ 6.25 ไร่ ตั้งอยู่ในบริเวณเนินเขาสูงทางทิศตะวันตกของ Richebourg Grand Cru ด้วยลมที่พัดมาจากหุบเขาทางทิศตะวันออกจึงทำให้ภูมิอากาศที่ Cros Parantoux นั้นจะเย็นกว่าละแวกอื่นๆ ทำให้ผลองุ่นจะสุกช้าขึ้นซึ่งเป็นการทำให้แน่ใจว่าผลองุ่นที่ได้จะมีค่าความเป็นกรดที่เพียงพอในการทำให้ไวน์มีความสมดุลและดึงศักยภาพในการบ่มออกมาได้อย่างดี ดินภายในไร่ประกอบไปด้วยชั้นดินเหนียวที่ปกคลุมด้วยหินปูนแข็ง ภายในดินมีความอุดมสมบูรณ์ที่ต่ำและมีภาวะขาดน้ำทำให้ต้นองุ่นต้องหยั่งรากลึกลงไปในรอยแยกของหินมากขึ้น ส่งผลให้ผลองุ่นได้รับพลังงานจากลำต้นโดยตรงทำให้ได้คุณภาพที่ดี และเหมาะแก่การนำไปผลิตไวน์ โดยหลังจากช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง Henri Jayer ได้เข้ามาดูแลภายในไร่ และก่อนที่จะทำการเพาะปลูกต้นองุ่น Henri ก็ได้ใช้ระเบิดเพื่อทำให้ดินที่มีความแข็งนั้นนุ่มขึ้น

Henri Jayer ถือได้ว่าเป็นผู้ผลิตไวน์แดงเบอร์กันดีที่มีชื่อเสียงอย่างมาก ด้วยการผลิตไวน์จากองุ่นสายพันธุ์ Pinot Noir ที่มีราคาแพงที่สุดในโลก โดย Henri Jayer ได้เริ่มบรรจุไวน์ลงขวดภายใต้ชื่อของเขาเองตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1950 จนถึงปีค.ศ. 2001 ที่เขาได้เกษียรตัวออกจากการผลิตไวน์ และเสียชีวิตลงในปีค.ศ. 2006 โดยเขาได้ให้หลานของเขาอย่าง Emmanuel Rouget มารับช่วงต่อในการผลิตไวน์ต่อไป และไวน์ Vosne-Romanee ที่ออกวางจำหน่ายหลังปีค.ศ. 2001 ก็จะอยู่ภายใต้ชื่อของ Emmanuel Rouget แทน ด้วยจำนวนที่มีจำกัดทำให้ไวน์ของ Henri Jayer เป็นไวน์ที่น่าสะสมที่สุดและมีค่าที่สุดในโลก

Vosne-Romanée Cros Parantoux เป็นไวน์แดงที่ผลิตจากองุ่นสายพันธุ์ Pinot Noir 100% และได้รับการพิจารณาจากผู้คนมากมายถึงความสมดุลของน้ำหนักและโครงสร้างของไวน์ที่สวยงาม อีกทั้งยังมีส่วนผสมของรสชาติผลไม้เปรี้ยวสีแดงอย่างเชอรร์รี่และราสเบอร์รี่ และกลิ่นของชะเอมเทศ โดยปริมาณของแอลกอฮอลของไวน์ Vosne-Romanée Cros Parantoux จะอยู่ที่ 13.50% ซึ่งถือได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ ปริมาณแอลกอฮอลในไวน์ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป โดยอาหารที่เหมาะจะรับประทานคู่กับไวน์แดงชนิดนี้คืออาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์ประเภทต่างๆ เช่น เนื้อวัว เนื้อลูกวัว เนื้อกวาง และเนื้อสัตว์ปีกอย่างเช่น เนื้อเป็ด หรือ เนื้อห่าน เป็นต้น

Henri Jayer Vosne-Romanée 1er Cru Cros Parantoux

Henri Jayer Vosne-Romanée 1er Cru Cros Parantoux

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Virginie de Valandraud Saint-Emilion Grand Cru

Virginie de Valandraud Saint-Emilion Grand Cru

Virginie de Valandraud Saint-Emilion Grand Cru ถูกผลิตขึ้นในปีค.ศ. 1992 ในฐานะไวน์ลำดับที่สองของ Château de Valandraud โดยชื่อ Virginie de Valandraud นี้นั้นได้ถูกตั้งขึ้นตามชื่อลูกสาวของ Jean–Luc ThunevIn และ Murielle Andraud โดยใช้องุ่นที่ปลูกในไร่เดียวกันและวิธีการผลิตไวน์แบบเดียวกันกับ Château de Valandraud

เดิมทีในปีค.ศ. 1987 Jean–Luc และ Murielle ได้ซื้อที่ดินของไร่องุ่นจำนวน 0.6 เฮกตาร์ หรือประมาณ 3.75 ไร่ที่อยู่ไม่ไกลกับไร่ของ Chateau Pavie Macquin และ Chateau La Clotte ในเมือง St. Emilion ประเทศฝรั่งเศส จากนั้นเพียงเวลาไม่นานพวกเขาก็ได้ซื้อไร่องุ่นทางทิศตะวันออกของเมือง St. Sulpice รวมเพิ่มอีก 1.2 เฮกตาร์ หรือประมาณ 7.5 ไร่ ในทุกๆกระบวนการผลิตไวน์ ครอบครัว Thunevin จะคอยดูแลและกำกับตลอดเพื่อให้ทุกอย่างมีความสมบูรณ์ที่สุด โดยเริ่มต้นตั้งแต่การปลูกต้นองุ่น Murielle จะคอยดูแลต้นองุ่นในทุกๆวัน จนเมื่อปีค.ศ. 2001 ทางไร่ได้เริ่มนำกระบวนการปลูกแบบออแกนิคเข้ามาใช้ภายในไร่มากขึ้น แทนที่การใช้ยาฆ่าแมลงกับต้นองุ่น ในตอนแรกที่ Valandraud เริ่มต้นด้วยการทำธุรกิจโรงบ่มไวน์ขนาดเล็ก ด้วยเงินที่หมดไปกับการซื้อไร่องุ่นทำให้พวกเขาไม่มีห้องเก็บไวน์ใต้ดินเหมือนแบรนด์อื่นๆ ไวน์ของพวกเค้าจึงถูกผลิตขึ้นในโรงรถที่ยืมมา ตอนเปิดตัวไวน์องุ่นครั้งแรก พวกเขามีจำนวนของไวน์องุ่นน้อยกว่า 100 กล่อง ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ Garage Wine ขึ้น หลังจากนั้นพวกเค้าก็ได้ซื้อที่ดินรอบๆ St.Emilion เพิ่มอีกมากกว่า 10 เฮกตาร์ หรือประมาณ 62.5 ไร่

พื้นที่ไร่องุ่นของ Valandraud จำนวนกว่า 9 เฮกตาร์ หรือประมาณ 56.25 ไร่ ได้แบ่งพื้นที่เพาะปลูกองุ่นสำหรับทำไวน์แดงไว้ดังนี้ คือ องุ่นสายพันธุ์ Merlot 65% สายพันธุ์ Cabernet Franc 25% สายพันธุ์ Cabernet Sauvignon 5% สายพันธุ์ Malbec 4% และสายพันธุ์ Carmenere อีก 1% นอกจากนี้พวกเขายังได้แบ่งพื้นที่อีก 2 เฮกตาร์ หรือประมาณ 12.5 ไร่ไว้สำหรับปลูกองุ่นไว้ทำไวน์ขาว โดยแบ่งพื้นที่การปลูกเป็น องุ่นสายพันธุ์ Sauvignon Blanc 50% สายพันธุ์ Semillon  35% และองุ่นสายพันธุ์ Sauvignon Gris อีก 15% โดยต้นองุ่นภายในไร่จะถูกปลูกในดินเหนียวและดินที่มีส่วนผสมของหินปูน และมีการใช้เทคนิคการดูแลทั้งแบบดั้งเดิมและแบบสมัยใหม่และผ่านการตัดแต่งกิ่งถึง 2 ครั้ง จนเมื่อสามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว ผลองุ่นจะถูกคัดเลือกตั้งแต่อยู่ในไร่ก่อนหนึ่งรอบ จากนั้นเมื่อนำผลองุ่นไปไว้ที่ห้องเก็บไวน์ใต้ดิน ผลองุ่นก็จะถูกคัดเลือกด้วยมืออีกหนึ่งรอบก่อนจะถูกดึงก้านที่เหลืออยู่ออก

            ในการผลิตไวน์ของ Valandraud ได้มีการควบคุมอุณหภูมิของทั้งถังไม้ ถังสแตนเลส และถังคอนกรีต โดยขั้นตอนการหมักจะแตกต่างกันไปตามชนิดของไวน์ และการหมักครั้งที่สองจะถูกหมักในถังไม้ฝรั่งเศสใหม่ 100% เป็นระยะเวลา 18-30 เดือน ตามคุณภาพและลักษณะของไวน์ จนได้ไวน์ที่มีรูปแบบที่นุ่มนวล อุดมสมบูรณ์ และมีค่าความเป็นกรดต่ำ พร้อมด้วยรสชาติของแทนนินที่นุ่มลิ้น รสชาติของเบอร์รี่สีเข้ม เชอร์รี่ ชะเอมเทศ และช็อคโกแลต

Virginie de Valandraud Saint-Emilion Grand Cru

Virginie de Valandraud Saint-Emilion Grand Cru

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

error: Content is protected !!