Port Ellen 40 Years Old 9 Rogue Casks นับได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้ชนิดเหล้าซิงเกิลมอลต์สกอตซ์วิสกี้ ขนาด 700 มิลลิลิตรปริมาณแอลกอฮอล์ 50.9% ผลิตปี 1979 บรรจุลงขวดปี 2020 จากโรงกลั่น Port Ellen Distillery ย่านหมู่เกาะ Islay ที่มีชื่อเสียงในด้านการผลิตเหล้าวิสกี้ที่ตั้งอยู่ในประเทศสกอตแลนด์ของสหราชอาณาจักร
โดยเหล้าวิสกี้ชนิดนี้ได้มีการผลิตออกมาเพียง 1380 ขวดทั่วโลกเท่านั้น ดังสโลแกนที่แปะอยู่หน้า กล่องบรรจุขวดว่า “ทุกหยดที่ล้ำค่า ถูกผลิตมาจากถังไม้สีแดงชาด (apple red) ทั้งหมด 9 ใบ” ได้แก่ ถัง American Hogshead 4 ใบ และจบขั้นตอนการหมักเพิ่มด้วยถัง European sherry butt อีก 5 ใบซึ่งกินเวลาถึง 40 ปี จนจบกระบวนการก่อนบรรจุลงขวด จัดเป็นวิสกี้ที่อายุมากที่สุดในบรรดาวิสกี้ที่ Port Ellen เคยได้ผลิตออกมาสู่สาธารณะ
Balvenie 12 Years Old the Sweet Toast of American Oak ถือว่าเป็นเหล้าวิสกี้คุณภาพและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในแถบพื้นที่ยุโรปและเริ่มมีการขยายตลาดมาจนเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกอย่างดี ซึ่งเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่ถูกสร้างสรรค์และผลิตขึ้นมาด้วยฝีมือการผลิตที่เหนือขั้นของแบรนด์เหล้าวิสกี้ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่คุ้นหูอย่าง Balvenie ที่มีโรงกลั่นเหล้าวิสกี้เป็นของตัวเอง ซึ่งแบรนด์เหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นแบรนด์เหล้าที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตใหญ่อยู่ที่ย่านชุมชนที่มีชื่อในด้านการผลิตเหล้ามาอย่างยาวนานอย่าง Speyside ในประเทศสกอตแลนด์ของสหราชอาณาจักร
Joseph Phelps Cabernet Sauvignon นับได้ว่าเป็นไวน์แดงชั้นเยี่ยมที่ถูกส่งตรงมาจากทวีปอเมริกาเหนือที่มีการถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาหรือถูกผลิตขึ้นโดยแบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Joseph Phelps Vineyards ที่เป็นแบรนด์ไวน์ชื่อดังที่เป็นแบรนด์ไวน์ขนาดใหญ่ที่มีความโดดเด่นและความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเองเหนือผู้ผลิตในแถบพื้นที่เดียวกัน โดยแบรนด์ไวน์นี้เป็นแบรนด์ไวน์ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตใหญ่อยู่ที่ย่านชุมชนที่มีการเลื่องลือในด้านการผลิตไวน์แดงต้นตำรับมาเป็นเวลายาวนานอย่าง Napa Valley ที่อยู่ทางด้านชายฝั่งทางตอนเหนือของเมือง San Francisco ของมลรัฐแคลิฟอร์เนียของประเทศสหรัฐอเมริกา
โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกระบวนการผลิตและขั้นตอนในการสร้างไวน์ชนิดนี้ที่ค่อนข้างซับซ้อน เนื่องด้วยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีการใช้สายพันธุ์องุ่นที่หลากหลาย มีอัตราส่วนการผลิตที่ชัดเจนและมีประเภทของถังไม้ที่ใช้ในการหมักที่ค่อนข้างมากกว่าไวน์แดงชนิดอื่นๆ เริ่มต้นจากการคัดเลือกสายพันธุ์องุ่นที่ทางผู้ผลิตได้มีการเลือกสรรมาใช้นั้น ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon 97%, Cabernet Franc 2% และองุ่นสายพันธุ์ Malbec อีก 1% ด้วยกัน โดยองุ่นที่เลือกใช้ในการผลิตไวน์ในครั้งนี้ล้วนเก็บเกี่ยวมาจากไร่องุ่น Napa Valley ที่อยู่ในเมืองที่มีชื่อว่า St. Helena ทางด้านตอนใต้ของเมือง Napa Valley ในเขตการปกครอง Oak Knoll ซึ่งองุ่นทั้งหมดที่ทางผู้ผลิตได้ทำการคัดเลือกผลที่ดีที่สุดมาแล้วนั้นจะนำไปหมักลงในถังไม้โอ๊กใบใหม่แบบผสมผสานสายพันธุ์ ด้วยจำนวน 49% นั้นจะนำไปหมักลงในถังไม้โอ๊กใบใหม่สายพันธุ์ฝรั่งเศสและอัตราส่วนที่เหลืออีก 51% ทางผู้ผลิตจะนำไปหมักลงในถังไม้โอ๊กใบใหม่สายพันธุ์อเมริกันชั้นเยี่ยมอีกด้วย ซึ่งการหมักในถังไม้โอ๊กเหล่านี้จะเป็นเพียงแค่ 40% ของจำนวนองุ่นทั้งหมด ส่วนจำนวนองุ่นอีก 60% จะนำลงไปหมักลงในถังไม้บาร์เรลทั้งแบบสายพันธุ์อเมริกันกับฝรั่งเศสที่มีอายุของไม้อยู่ที่ประมาณ 1-3 ปีด้วยกัน
Chilena Byn 7 Gran Reserva Cabernet Sauvignon นับได้ว่าเป็นไวน์แดงชั้นเยี่ยมที่มีความนิยมและถูกกล่าวถึงอย่างมากในวงกว้าง โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์แดงที่ถูกผลิตขึ้นมาและถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยแบรนด์ไวน์ชื่อดังและมีขนาดใหญ่มากที่สุดอย่าง Maule Velley ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตใหญ่อยู่ที่ย่านชุมชนในการผลิตไวน์ระดับโลกอย่าง Maipo Valley ในบริเวณใจกลางเมือง Central Valley ของประเทศชิลี โดยแบรนด์ไวน์ชนิดนี้ยังถือได้ว่าเป็นแบรนด์ไวน์ที่มีพื้นที่ในการเพาะปลูกองุ่นและโรงกลั่นไวน์เป็นของตัวเองอีกด้วยเช่นเดียวกัน