Villa Maria Private Bin Sauvignon Blanc Marlborough

Villa Maria Private Bin Sauvignon Blanc Marlborough

            Villa Maria Private Bin Sauvignon Blanc Marlborough นับได้ว่าเป็นไวน์ขาวชั้นเยี่ยมที่ได้รับความยอดนิยมและเป็นที่ชื่นชอบของนักดื่มในระดับต้นของโลกอย่างยิ่ง โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่ถูกสร้างสรรค์หรือผลิตขึ้นมาภายใต้แบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Villa Maria ที่นับได้ว่าเป็นแบรนด์ไวน์ที่มีอายุของแบรนด์มานานกว่าครึ่งศตวรรษที่มีความสามารถจนสามารถเฉิดฉายในระดับแถวหน้าของโลกได้ โดยแบรนด์ไวน์ชนิดนี้ยังมีการตั้งถิ่นฐานการผลิตอยู่ที่เมือง Marlborough ซึ่งอยู่บริเวณเกาะทางตอนใต้ของประเทศนิวซีแลนด์

            โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ขาวคุณภาพคับขวดที่มีกระบวนการผลิตที่ไม่ได้มีความซับซ้อนแต่กลับสามารถถ่ายทอดกลิ่นอายและรสชาติของไวน์ได้เป็นอย่างดี โดยเริ่มแรกทางผู้ผลิตนั้นได้มีการคัดเลือกสายพันธุ์องุ่นเพียงแค่สายพันธุ์เดียวมาใช้ในการผลิตในครั้งนี้ ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Sauvignon Blanc แท้ 100% มาใช้ โดยองุ่นทั้งหมดที่ทางผู้ผลิตได้เลือกใช้นั้นจะมีการเก็บเกี่ยวขึ้นมาในช่วงฤดูหนาวเท่านั้นเพื่อทำให้กลิ่นของไวน์นี้ชัดเจน หลังจากนั้นทางผู้ผลิตจะมีการใส่กลิ่นของผลเบอร์รี่เล็กน้อย เพื่อให้ไวน์มีกลิ่นที่หลากหลายและมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น โดยจะถูกหมักลงในถังไม้ตลอดช่วงฤดูร้อน จนทำให้ไวน์ชนิดนี้มีความแห้งมากกว่าไวน์ชนิดอื่นๆ

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นไวน์ที่มีลักษณะภายนอกที่น่าสนใจอยู่อย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัมผัส กลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างน่าดึงดูดแก่นักดื่มอยู่พอสมควรด้วยกัน เริ่มต้นด้วยเนื้อสัมผัสภายนอกที่ไวน์ชนิดนี้จะมีสีของเนื้อสัมผัสที่เป็นสีเหลืองใสราวกับสีของฟางข้าวสวยงามที่ผสานกันกับสีเนื้อสัมผัสที่เป็นสีเขียวนวลอย่างดี นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นของไวน์ที่ค่อนข้างชัดเจนไปด้วยกลิ่นของเบอร์รี่หลากหลายชนิดที่ผสานกันกับเสาวรส ผลส้มสด เมล่อนและสมุนไพรนานาชนิดด้วยกัน ซึ่งรสชาติของไวน์นี้ก็แทบจะไม่ค่อยแตกต่างจากกลิ่นของไวน์มากนัก เนื่องด้วยรสชาติของไวน์นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยรสของน้ำผลไม้ที่ค่อนข้างชัดเจนเหนือองค์ประกอบชนิดอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นไวน์ขาวที่มีความชัดเจนในองค์ประกอบและความเปรี้ยวของไวน์ที่แทรกมาอย่างดีอีกด้วย

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างน่าดึงดูดเป็นอย่างดียิ่ง ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นและรสชาติที่ให้กลิ่นอายของความสดใหม่ เบาบาง ชัดเจนและเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวานอมเปรี้ยวได้เป็นอย่างดี นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติของเสาวรส ผลเบอร์รี่หลากหลายชนิดด้วยกัน ที่ผสานกันกับกลิ่นและรสชาติของเมล่อน ผลส้มสดและสมุนไพรอย่างดี อีกทั้งไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับการรับประทานไวน์ชนิดนี้ควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ทะเล อาหารมังสวิรัติและชีสจากนมแพะอีกด้วย ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้อีกว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 12.5% ด้วยกัน

Villa Maria Private Bin Sauvignon Blanc Marlborough

Villa Maria Private Bin Sauvignon Blanc Marlborough

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Toscana Tenuta San Guido Guidalberto

Toscana Tenuta San Guido Guidalberto

            Toscana Tenuta San Guido Guidalberto นับได้ว่าเป็นไวน์ชื่อดังยอดนิยมและเป็นที่ชื่นชอบของนักดื่มไวน์ทั่วโลก โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการถูกสร้างสรรค์และผลิตขึ้นมาภายใต้แบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Tenuta San Guido ซึ่งเป็นแบรนด์ไวน์ที่มีชื่อเสียงและมีโรงกลั่นไวน์เป็นของตัวเอง โดยแบรนด์ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นแบรนด์ไวน์ที่ถูกส่งตรงมาจากแถบการผลิตไวน์คุณภาพอย่าง Toscana ของประเทศอิตาลี

            โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว เริ่มต้นด้วยการคัดเลือกสายพันธุ์องุ่นที่ทางผู้ผลิตได้มีการนำองุ่นสองสายพันธุ์ที่สำคัญมาใช้ในการผลิตในครั้งนี้ โดยองุ่นที่ทางผู้ผลิตได้เลือกใช้นั้น ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon และองุ่นสายพันธุ์ Merlot โดยอัตราส่วนที่ใช้ในแต่ละสายพันธุ์ก็ย่อมมีความแตกต่างกัน เริ่มด้วยองุ่นสายพันธุ์ cabernet Sauvignon ที่ใช้เป็นหลักที่ 60% ส่วนที่เหลืออีก 40% นั้นจะเป็นส่วนที่ทางผู้ผลิตเลือกใช้องุ่นสายพันธุ์ Merlot เพื่อเพิ่มความหลากหลายของไวน์ให้มากยิ่งขึ้น โดยองุ่นทั้งหมดนั้นทางผู้ผลิตจะเลือกใช้นั้นจะผ่านการเก็บเกี่ยวในช่วงต้นเดือนกันยายนของทุกปี อีกทั้งยังนำองุ่นเหล่านี้มาหมักลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์ฝรั่งเศสเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 15 ปีด้วยกัน แต่ว่าการหมักจะไม่ใส่องุ่นทั้งหมดลงไปในถังนี้ทีเดียว แต่จะมีการแบ่งองุ่นในปริมาณที่น้อยเพื่อเอาไปหมักลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์อเมริกันชั้นเยี่ยมอีกด้วย หลังจากที่องุ่นทั้งหมดผ่านการบ่มอย่างดีแล้ว

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้เมื่อผ่านกระบวนการผลิตและนำมาบรรจุลงในภาชนะแล้ว ก็ทำให้ไวน์ชนิดนี้มีลักษณะภายนอกของไวน์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของกลิ่น เนื้อสัมผัสและรสชาติของไวน์ เริ่มต้นด้วยสีของเนื้อไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติของไวน์ที่มีความหลากหลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นและรสชาติของลูกสนที่ผสานกันกับสารแทนนินและผลไม้สีแดงนานาชนิดด้วยกัน นับได้ว่าเป็นไวน์ที่ให้กลิ่นอายของความวินเทจ ความคลาสสิกเก่าแก่และความอบอุ่นที่ผสมลงตัวกันได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกลิ่นอายและให้บรรยากาศของความอบอุ่นและความมีชีวิตชีวาของเนื้อสัมผัสได้เป็นอย่างดี ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานไวน์ชนิดนี้ควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อวัว เนื้อกวาง เนื้อสัตว์ปีก เช่นเนื้อไก่และเนื้อเป็ด เครื่องในสัตว์และเนื้อหมักอย่างดี อีกทั้งไวน์ชนิดนี้จะยิ่งมีรสชาติที่ยอดเยี่ยมมากยิ่งขึ้นเมื่อมีการเสิร์ฟที่อุณหภูมิประมาณ 12-14 องศาเซลเซียสด้วยกัน นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังมีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 14.5% ด้วยกัน

Toscana Tenuta San Guido Guidalberto

Toscana Tenuta San Guido Guidalberto

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Glen Grant 50 Years Old

Glen Grant 50 Years Old

            Glen Grant 50 Years Old เหล้าวิสกี้ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีความนิยมและเป็นเหล้าที่มีความโดดเด่นในลักษณะทั้งส่วนของบรรจุภัณฑ์และลักษณะผิวสัมผัสของเนื้อเหล้าวิสกี้อย่างดี โดยเหล้าวิสกี้ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีการถูกสร้างสรรค์และส่งออกมาจากแบรนด์เหล้าวิสกี้ชื่อดังระดับโลกอย่าง Glen Grant ซึ่งเป็นแบรนด์เหล้าวิสกี้ที่ตั้งอยู่ในย่านการผลิตเหล้าชื่อดังอย่าง Speyside ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศสกอตแลนด์ในสหราชอาณาจักร ซึ่งแบรนด์เหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังนับได้ว่ามีชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่งในระดับแถวหน้าของชุมชนนั้นๆที่มีการผลิตเหล้าหลากหลายชนิดด้วยกัน

            โดยเหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีมนต์เสน่ห์ในกระบวนการผลิตอย่างดี เริ่มต้นด้วยขั้นตอนแรกที่ทางผู้ผลิตนั้นได้มีการตัดสินใจในการเลือกข้าวมอลต์มาเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเหล้าวิสกี้ชนิดนี้ โดยทางผู้ผลิตได้นำวัตถุดิบทั้งหมดนี้ที่ผ่านการคัดเลือกมาเป็นอย่างดีไปหมักลงในถังไม้เชอร์รี่สายพันธุ์ดีที่มีการสืบทอดมาอย่างยาวนานเป็นเวลานานนับศตวรรษมาใช้ในการผลิตเหล้าในครั้งนี้ เพื่อทำให้เหล้าชนิดนี้เป็นเหล้าที่มีอายุของเหล้าเยอะมากถึง 50 ปีด้วยกัน

            ซึ่งเหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังนับได้อีกว่าเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีลักษณะชวนให้น่าติดตามสมกับเป็นเหล้ารุ่นLimited Edition จากแบรนด์เหล้าวิสกี้ชนิดนี้ โดยเริ่มต้นลักษณะของเหล้านี้ด้วยเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างโดดเด่นไปด้วยสีน้ำตาลเข้มปนสีทองเคลือบสีและไล่ระดับลงมาจากสีเข้าไปเป็นสีน้ำตาลอ่อน อีกทั้งเหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังเป็นเหล้าที่มีกลิ่นและรสชาติที่ตราตรึงใจเป็นอย่างมาก โดยในส่วนของกลิ่นของเหล้าวิสกี้ชนิดนี้ที่ค่อนข้างเบาบางและเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวานที่หลากหลาย แต่ว่าองค์ประกอบที่โดดเด่นเหนือส่วนอื่นขึ้นมาคือกลิ่นของคาราเมล ลูกกวาดและผลไม้อบแห้งหลากหลายชนิดด้วยกัน นอกเหนือจากนี้เหล้าวิสกี้ชนิดนี้ยังเป็นเหล้าที่มีรสสัมผัสที่ชัดเจนและโดดเด่นจากเชอร์รี่ที่ผสานกันกับผลส้มและแอปเปิลอบอย่างดี นับได้ว่าเป็นเหล้าที่มีเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างเต็มน้ำเต็มเนื้ออยู่พอสมควรด้วยกัน

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ชวนให้น่าลิ้มลองเป็นอย่ายิ่ง ทั้งความหวานหอมสวยงามและความเต็มน้ำเต็มเนื้อจากองค์ประกอบที่โดดเด่นอย่าง ผลส้ม แอปเปิล เชอร์รี่ คาราเมลและลูกกวาด นอกเหนือจากนี้เหล้าวิสกี้ชนิดนี้ก็ยังถือได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 54.5% ซึ่งนับว่าเป็นระดับที่สูงมาก เมื่อเทียบกับเหล้าวิสกี้ทั่วไปด้วยกัน

Glen Grant 50 Years Old

Glen Grant 50 Years Old

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Tei Whisky

Tei Whisky

            Tei Whisky นับได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้ชั้นเยี่ยมที่ถูกส่งตรงมาจากแถบเอเชียเพียงไม่กี่ชนิดที่ได้รับความนิยมและเป็นที่กล่าวถึงในระดับโลก โดยเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้สัญชาติญี่ปุ่นชั้นเยี่ยมที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาภายใต้แบรนด์เหล้าวิสกี้ชื่อดังอย่าง Tei Whisky ซึ่งเป็นแบรนด์เหล้าวิสกี้ขนาดใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นที่มีการส่งออกผลิตภัณฑ์เหล้าวิสกี้อย่างมากมายเป็นจำนวนมากและยังเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีความน่าสนใจที่หลากหลายอีกด้วย

            โดยที่ใครหลายคนมักจะกล่าวถึงว่าเหล้าวิสกี้สัญชาติญี่ปุ่นมักจะผลิตมาจากต้นข้าวญี่ปุ่นที่เน้นการคัดสรรมาอย่างถี่ถ้วนและเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ซึ่งเหล้าวิสกี้ชนิดนี้จะเริ่มต้นด้วยการนำต้นข้าวธัญพืช ข้าวมอลต์และข้าวบาร์เลย์มาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเหล้าชนิดนี้ โดยวัตถุดิบที่นำมาใช้นั้นจะเป็นเหล้าที่นำวัตถุดิบที่มีมาใส่น้ำอุ่นและเปลี่ยนเป็น “แมส (Mash)” และทางผู้ผลิตก็จะนำการผสมผสานนี้ไปหมักโดยการใส่แอลกอฮอล์และน้ำตาลเพิ่มอีกแล้วนำไปหมักประมาณ 3-4 วันด้วยกัน ก่อนที่จะนำไปบรรจุภาชนะและหมักต่อในขวดบรรจุภัณฑ์เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3-4 ปีขึ้นไป และในสำหรับบางคนอาจจะใช้เวลาในหารหมักเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเวลายาวนานกว่า 15 ปีเลยทีเดียว

            ซึ่งเหล้าวิสกี้ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีความหอมนวล ในหลายคนจะกล่าวว่าเหล้าวิสกี้ของญี่ปุ่นจะไม่เหมือนกันกับเหล้าวิสกี้ทั่วไปที่ถูกผลิตออกมา เนื่องจากเหล้าวิสกี้ชนิดนี้ที่มีกลิ่นและรสชาติที่หอมหวานด้วยต้นข้าวหลากหลายประเภทด้วยกัน ได้แก่ ข้าวธัญพืช ข้าวมอลต์และข้าวบาร์เลย์ ที่ช่วยสร้างความมีชีวิตชีวาให้กับเหล้าชนิดนี้ได้เป็นอย่างดี

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เป็นเหล้าวิสกี้ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมและน่าประทับใจไปด้วยต้นข้าวหลากหลายชนิดด้วยกัน อีกทั้งยังเป็นเหล้าวิสกี้ที่มีความยอดนิยมอย่างมากและเหมาะกับการรับประทานกับอาหารได้หลากหลายชนิด โดยเฉพาะอาหารญี่ปุ่น

Tei Whisky

Tei Whisky

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Iron Balls Premium Gin

Iron Balls Premium Gin

            Iron Balls Premium Gin นับได้ว่าเป็นเหล้ายินชั้นเยี่ยมที่ ได้รับการรังสรรค์อย่างพิถีพิถันในโรงกลั่นขนาดเล็ก R. Sutton & Co Engineers ในใจกลางกรุงเทพฯ การผลิตมีจำกัดมาก Master Distiller Ash Sutton ได้เลือกส่วนผสมที่ดีที่สุด Iron Balls ทำด้วยมือตั้งแต่การหมักจนถึงการกลั่น โดยใช้มะพร้าวและสับปะรดที่ตัดใหม่พร้อมสัมผัสของต้นสนชนิดหนึ่ง ขิง และตะไคร้ เพลิดเพลินไปกับหนึ่งในจินที่พิเศษที่สุดในโลก อีกทั้งยังได้รับการนำเข้าและจัดจำหน่ายโดย Vila Viniteca เท่านั้น

            โดยเหล้ายินชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นเหล้า Iron Balls Gins ถูกกำหนดโดยรสนิยมหลายชั้น เป็นเหล้ายินที่มีคุณสมบัติเป็นชายที่แข็งแกร่งพร้อมพื้นหลังเล็กน้อยของรสชาติแบบเขตร้อน ส่วนประกอบของ ผลเบอร์รี่สายพันธุ์จูนิเปอร์ มีความกลมกลืนกัน กลิ่นตะไคร้เจียมเนื้อเจียมตัวช่วยเพิ่มรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับ Gin ที่ไม่ธรรมดา IRON BALLS ย่อมาจากผู้ชายที่กล้าหาญที่คว้าชีวิตด้วยลูกบอล เช่นเดียวกับผู้สร้าง Ashley R. Sutton นักออกแบบและผู้เปลี่ยนเกม IRON BALLS GIN เป็น Gin ที่ไม่ยุ่งยากที่กล้าทำลายลูกบอลของการทำ Gin แบบดั้งเดิมโดยใช้ของ ผลเบอร์รี่สายพันธุ์จูนิเปอร์ และผลไม้ในเขตเมืองร้อน เช่น ขิงและตะไคร้ IRON BALLS GIN ผลิตขึ้นที่โรงกลั่นขนาดเล็กใจกลางกรุงเทพฯ เนื่องจากโรงกลั่นมีขนาดเล็ก จึงผลิตจินได้ในปริมาณที่จำกัดในแต่ละเดือน ดังนั้นจะใช้ส่วนผสมที่มีคุณภาพสูงสุด IRON BALLS เลือกคุณภาพมากกว่าปริมาณ ทำด้วยมือตั้งแต่การหมักจนถึงการกลั่น

            โดยเหล้ายินชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นเหล้าที่มีลักษณะภายนอกที่ค่อนข้างน่าดึงดูดนักดื่มหลากหลายท่านด้วยกัน ซึ่งเหล้าชนิดนี้จะค่อนข้างมีลักษณะที่ค่อนข้างโดดเด่นในเรื่องวิถีการผลิตที่ทำด้วยมือเองทั้งหมด อีกทั้งยังเป็นเหล้าที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างมีความสดใหม่อย่างมาก นับได้ว่าเป็นเหล้ายินที่มีความสดชื่นมีชีวิตชีวาจากมะพร้าวและสับปะรดที่ชัดเจนมาก ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เหล้านี้ยังได้รับความเผ็ดร้อนและความเปรี้ยวมาจากผลเลม่อนและขิงไทยด้วยเช่นเดียวกัน นับได้ว่าเป็นเหล้ายินไม่กี่รุ่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นอย่างชัดเจน

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าเป็นเหล้ายินที่มีความแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์หรือภาชนะที่มีความสวยงาม มีรูปร่างกลมสวยงามราวกับลูกบอลเหล็กสมกับชื่อเหล้าอย่างดี อีกทั้งยังเป็นเหล้าที่มีลักษณะภายนอกที่เป็นเด่นในความสดชื่นและมีชีวิตชีวาด้วยผลไม้เมืองร้อน เช่น สับปะรด มะพร้าว เลม่อนและขิงสดอย่างดี

Iron Balls Premium Gin

Iron Balls Premium Gin

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Nikka Yoichi Single Malt

Nikka Yoichi Single Malt

            Nikka Yoichi Single Malt คือซิงเกิลมอลต์ที่หลากหลายที่มาจากโรงกลั่น Yoichi เป็นวิสกี้ที่ได้รับการกล่าวถึงว่ามีความเข้มข้นด้วยกลิ่นพีทที่กลั่นแล้วและความรมควันที่เกิดจากการกลั่นด้วยถ่านหินโดยตรงแบบดั้งเดิม ผสมกับลมทะเลจากอ่าวอิชิคาริให้กลิ่นอายของวิสกี้ในระหว่างการสุก ซึ่งขวดนี้เป็นเวอร์ชันไม่ระบุอายุ เปิดตัวในปี 2016 โดยเป็นผลิตภัณฑ์ถาวรที่สื่อถึงสไตล์มอลต์ Yoichi แท้ๆ อย่างแท้จริง เมื่อเลิกใช้การแสดงอายุทั้งหมด การผสมมอลต์วิสกี้ชนิดต่างๆ เข้าด้วยกัน การบรรจุขวดนี้จึงแสดงถึงความสมดุลที่ละเอียดอ่อนระหว่างกลิ่นรมควันและกลิ่นผลไม้

            โรงกลั่นวิสกี้ Nikka Whisky Distillery ตั้งอยู่ที่เมือง Yoichi ใกล้กับเมืองโอตารุ โรงกลั่นวิสกี้ Nikkaถือได้ว่าเป็นแหล่งผลิตวิสกี้ชั้นนำของประเทศญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงมากๆ ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1934 บริษัทวิสกี้แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นโดย Taketsuru Masataka ผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาเทคนิคการกลั่นวิสกี้เป็นระยะเวลาหลายปีในสกอตแลนด์ และนำความรู้มาผลิตวิสกี้ในประเทศญี่ปุ่น เขาได้เลือกเมือง Yoichi ในเมืองฮอกไกโด เนื่องจากมีสภาพแวดล้อมที่คล้ายคลึงกับสกอตแลนด์ จุดแข็งที่ทำให้โรงกลั่นแห่งนี้กลายมาเป็นโรงกลั่นที่ผลิตวิสกี้ชื่อดังนั้นมีหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นบริเวณนี้มีแหล่งน้ำที่ใสสะอาด อากาศถ่ายเท และมีถ่านหินอุดมสมบูรณ์ ซึ่งเหมาะแก่การกลั่นวิสกี้ชั้นดี วิสกี้ของที่นี่ได้รับการยอมรับในการจัดอันดับวิสกี้มอลต์ที่ดี แถมยังมีรางวัลการันตีความดีงามมากมาย และปัจจุบันโรงกลั่นวิสกี้ Nikka ได้กลายมาเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับคนที่สนใจด้านนี้ เพราะได้มีการเปิดให้ประชาชนได้เข้าชมกระบวนการผลิตวิสกี้ตั้งแต่ต้นจนจบ เรียนรู้เกี่ยวกับขั้นตอนที่แตกต่างกันออกไป

Nikka Yoichi Single Malt

Nikka Yoichi Single Malt

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Vega Sicilia Pintia Toro

Vega Sicilia Pintia Toro

Vega Sicilia Pintia Toro จัดเป็นไวน์แดง ทำได้โดยการปรับวันที่เก็บเกี่ยวอย่างละเอียดเพื่อรักษาความสดของกลิ่นและความเป็นกรดของไวน์ องุ่นที่ใช้เป็นองุ่นพันธุ์ Tempranillo ที่ถูกเก็บระหว่างวันที่ 26 กันยายนถึง 10 ตุลาคม และหมักหลังจากแช่เย็น Malolactic ถูกบ่มในถังฝรั่งเศส 70% ไม้โอ๊กสายพันธุ์อเมริกัน 25% และถังไม้ฮังการี 5% เป็นปีที่สง่างามมากสำหรับ Pintia นอกจากนี้ยังเป็นปีที่เบากว่าด้วยความสดชื่นที่ดี และสิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความสง่างามภายในความเรียบง่ายของโซนนี้

ไร่ Vega Sicilia ตั้งอยู่ในเขต (Ribera del Duero ของแคว้น Castilla y Leon ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศสเปน ซึ่งเป็นเขตผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงของสเปน ไวน์ Vega Sicilia  เริ่มเป็นที่รู้จักเมื่อปี 1929 เป็นต้นมา หลังจากวินเทจ 1917 และ 1918 ได้รับรางวัลจากงาน  World Fair 1929 ที่เมืองบาร์เซโลนา (Barcelona) ขณะที่ Domingo ก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จนเสียชีวิตในปี 1933 และปี 1982 ตระกูล  Alvarez เจ้าของธุรกิจหลายอย่าง เข้ามาซื้อ Vega Sicilia  พร้อมกับปรับปรุงครั้งใหญ่ ทำให้รสชาติของ Vega Sicilia ดีขึ้นเป็นลำดับ Vega Sicilia จะใช้องุ่น Tempranillo ซึ่งใน Ribera del Duero เรียกว่า Tinto Fino or Tinto Pais ซึ่งเป็นองุ่นแดงประจำชาติของสเปนเป็นหลักประมาณ 80 % นอกนั้นเป็นองุ่นฝรั่งเศส เช่น Cabernet Sauvignon ประมาณ 15 % นอกนั้นเป็น Merlot และ Malbec ส่วน Carmenere และ Pinot Noir ที่ปลูกในยุคแรก ๆ ไม่มีการปลูกแล้ว ไวน์ Vega Sicilia จะถูกบ่มไว้ในถังโอ๊กนานนับ 10 ปี ทำให้รสชาติมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเมื่ออยู่ถังไม้โอ๊กขนาดใหญ่ครบ 1 ปีแล้ว จะถ่ายไปบ่มต่อในถังโอ๊กขนาดเล็กซึ่งเป็นโอ๊กใหม่อีก 2 ปี ขั้นตอนนี้ในปีแรกไวน์จะถูก Racking 4 ครั้ง ซึ่งการถ่ายไวน์จากถังหนึ่งไปยังอีกถังหนึ่ง โดยทิ้งตะกอนไว้ที่ถังเดิม เป็นการทำให้ไวน์ใสโดยธรรมชาติ และจะทำในขั้นตอนการบ่มไวน์  ปีที่ 2 จะทำ Racking อีก 2 ครั้ง  จากนั้นถ่ายไปบ่มต่อในถังอีกเก่าอีก  4 ปี จึงบรรจุขวด แล้วบ่มในขวด อีก 2-3 ปี จึงวางตลาด

ทำได้โดยการปรับวันที่เก็บเกี่ยวอย่างละเอียดเพื่อรักษาความสดของกลิ่นหอมและความเป็นกรดของไวน์ องุ่นถูกเก็บระหว่างวันที่ 26 กันยายนถึง 10 ตุลาคม และหมักหลังจากแช่เย็น Malolactic เกิดขึ้นในถังฝรั่งเศส 70% ไม้โอ๊กอเมริกัน 25% และถังไม้ฮังการี 5% เป็นปีที่สง่างามยิ่งขึ้นสำหรับ Pintia เนื่องจากวินเทจที่เท่กว่ามักจะช่วยปรับสมดุลพลังธรรมชาติของ Toro นอกจากนี้ยังเป็นปีที่เบากว่าด้วยความสดชื่นที่ดี และสิ่งนี้แสดงให้เห็นเส้นด้ายบางๆ บนเพดานปากและมีพื้นผิวที่สวยงาม สง่างามภายในความเรียบง่ายของโซน

Vega Sicilia Pintia Toro

Vega Sicilia Pintia Toro

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Lagavulin The Syndicate 40 Years Old

Lagavulin The Syndicate 40 Years Old

Lagavulin The Syndicate 40 Years Old นับได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้ Lagavulin นี้ 1 ขวด อายุ 40 ปี มีแหล่งกำเนิดมาจากสกอตแลนด์ วิสกี้สก็อตที่ดีคือ มีสีเหลืองอำพันเข้ม นอกจากนี้เหล้าวิสกี้ยังสุกในถังบูร์บองและเชอร์รี่ซึ่งเป็นเครื่องหอมที่มีเอกลักษณ์ ด้วยวิสกี้ที่ดูเหมือนจะหวานในตอนแรก กลับมีส่วนผสมของรสเค็มและขมในเวลาเดียวกันอีกด้วย รสชาติของวิสกี้นี้ประกอบด้วย เฉดสีของข้าวมอลต์และพีทเป็นองค์ประกอบหลัก รสชาติพิเศษของแอลกอฮอล์จะได้รับจากน้ำที่ไหลผ่านภูมิประเทศและโดดเด่นด้วยความอุดมสมบูรณ์ของแร่ธาตุต่างๆ นั่นเป็นเหตุผลที่รสชาติและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของวิสกี้

โรงกลั่น Lagavulin เป็นโรงกลั่นมอลต์วิสกี้ในหมู่บ้าน Lagavulin ทางตอนใต้ของเกาะ Islay ในสกอตแลนด์ โดยอาศัยการกลั่น Spirit ให้เป็นวิสกี้ Islay single malt Scotch ซึ่งชื่อสก็อตนี้ได้รับการแปลเป็น “โรงสีของหุบเขาเล็กๆ ” ช่วงเวลาของการวางรากฐานคือปี ค.ศ. 1742 เมื่อมีการสร้างโรงกลั่นแห่งแรกขึ้น เป็นเวลานานการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่แข็งแกร่งนี้เป็นวิธีเดียวที่ทำให้ชาวประมงสามารถอยู่รอดได้ในช่วงฤดูหนาวที่รุนแรง การผลิตเพิ่มขึ้นจนถึงปี 1927 เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของโรงกลั่นแห่งนี้ในทุกครั้งมีความโดดเด่นด้วยคุณภาพซึ่งประสบความสำเร็จเนื่องจากการปฏิบัติตามแนวทางการทำวิสกี้ด้วยตนเอง ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติจากการแข่งขันระดับนานาชาติและการจัดนิทรรศการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่แข็งแกร่ง จนถึงปัจจุบันก็ได้มีพื้นฐานมาจากการผลิตวิสกี้ “Lagavulin” มีความแข็งแรง 43 องศาและอายุ 12, 16 และ 21 ปี นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องพูดเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของที่แห่งนี้ ที่ทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายโดยใช้แบรนด์นี้ ผลิตภัณฑ์ของพวกเขามีอายุ 12, 25 และ 30 ปี ซึ่งได้มีการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บริสุทธิ์มากกว่าสองล้านลิตร มีความแข็งแรงเมื่อกรอกถังเป็น 63.5% และวิสกี้ส่วนใหญ่สุกในถังที่ผ่านการบ่มเบอร์บอน (Bourbon) และบางส่วนจากถังที่ผ่านมาบ่มแชร์รี (Sherry)

Lagavulin The Syndicate 40 Years Old

Lagavulin The Syndicate 40 Years Old

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Lady Burn Single Malt Scotch Whisky 1974

Lady Burn Single Malt Scotch Whisky 1974

Lady Burn Single Malt Scotch Whisky 1974 นับได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้ซิงเกิลมอลต์จากสกอตแลนด์อายุ 40 ปี จากโรงกลั่น Lowland แห่งนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นโรงกลั่นที่มีประวัติศาสตร์ที่ไม่ธรรมดาที่สุดแห่งหนึ่งก็ว่าได้ โรงกลั่นมอลต์วิสกี้ Ladyburn ก่อตั้งขึ้นในปี 1966 อย่างไรก็ตาม ในปี 1975 โรงกลั่นได้ถูกปิดตัวลงและพังยับเยินในปี 1976 ทำให้โรงกลั่นนี้เป็นหนึ่งในโรงกลั่นที่มีอายุสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ของเหล้าสก็อตวิสกี้ Ladyburn เป็นหนึ่งในโรงกลั่นที่มีเทคโนโลยีมากที่สุดในช่วงระยะเวลาสั้นๆ และเช่นเดียวกับโรงกลั่นอื่นๆ Ladyburn มีลักษณะเฉพาะที่โดดเด่นซึ่งก็คือ ความเป็นน้ำมัน Ladyburn 1974 ถูกบรรจุขวดอายุ 40 ปีที่มีเฉพาะใน Whisky Shop และให้กลิ่นที่แสดงออกทั้งความประณีตและความงดงารวมอยู่ในขวดสก็อตนี้ขวดเดียว เมื่อได้ดมกลิ่นวิสกี้นี้ในครั้งแรก คุณจะได้กลิ่นมาร์ซิพานที่หอมหวานและอบอุ่น ควบคู่ไปกับชะเอมที่มีรสอมขม ตามมาด้วยกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของน้ำมัน ตามด้วยกลิ่นครีม น้ำมันจากเมล็ดของต้นแฟลคซ์ ว่านหางจระเข้ และความเอร็ดอร่อย เมื่อเติมน้ำลงไปจะเผยให้เห็นกลิ่นของเค้กมาเดรา แคนดี้เคลือบน้ำตาล และกลิ่นที่เป็นธรรมชาติของดอกไม้ ในส่วนของรสสัมผัสภายในปาก จากกลิ่นหอมหวานของมาร์ซิพานที่ติดจมูกนั้นมีอยู่ตลอด

ภายใต้เนื้อครีมและความมันที่มีกลิ่นของวานิลลาและยี่หร่าควบคู่ไปกับเครื่องเทศพริกไทย ปิดท้ายด้วยกลิ่นสมุนไพร สะระแหน่ มะขาม และกลิ่นควันเล็กน้อย ตามด้วยรสปลายอย่าง พริกไทย สมุนไพร และไม้โอ๊ก การบรรจุขวดของ Ladyburn นั้นจะถูกบรรจุขวดสองครั้งโดยเจ้าของเท่านั้น บรรจุขวดอย่างอิสระนั้นหายากพอกัน สำหรับการผลิตวิสกี้ที่มีอายุได้เพียงสิบปีนี้ได้รับการถึงกลิ่นและรสชาติว่ามีความละเอียดอ่อนด้วยกลิ่นดอกไม้ และมะนาวที่ให้ความรู้สึกสดชื่น Ladyburn ที่มีที่มาที่คล้ายคลึงกันขายได้มากในสหราชอาณาจักร ซึ่งมาพร้อมกับรูปแบบการนำเสนอที่สวยงามในกล่องที่ทำจากไม้โอ๊กที่เป็นของแข็ง 1250 ขวดออกทั่วโลก 41.9% Alc./Vol.

Lady Burn Single Malt Scotch Whisky 1974

Lady Burn Single Malt Scotch Whisky 1974

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Dalwhinnie Single Highland Malt 36 Years Old

Dalwhinnie Single Highland Malt 36 Years Old

            Dalwhinnie Single Highland Malt 36 Years Old นับได้ว่าเป็นเหล้าวิสกี้จาก Dalwhinnie ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์รุ่นพิเศษของ Diageo รุ่นแรกๆ ที่มีรสชาติเข้มข้น พร้อมด้วยน้ำผึ้งธรรมชาติและกลิ่นควัน ที่เป็นการแสดงออกถึง Dalwhinnie ที่เก่าแก่ที่สุดและน่าจะดีที่สุด หายากมากที่จะได้เห็น Dalwhinnie ที่มีอายุเยอะเช่นนี้ เนื่องจากส่วนใหญ่จะถูกบรรจุขวดเมื่ออายุยังน้อยหรือใช้เป็นส่วนผสม เนื่องจากมันเป็นมอลต์ที่ซับซ้อน และจะพัฒนาได้ค่อนข้างดียิ่งอยู่ในถังนานขึ้น น้ำผึ้งและกลิ่นผลไม้ กลิ่นครีมและกลิ่นโอ๊กกี้ที่ซับซ้อน โดยเหล้าวิสกี้ชนิดนี้เกิดจากการกลั่นในปี 1966 และบรรจุขวดในปี 2002 ที่ความแข็งแรงของถังบรรจุเพียง 1,500 ครั้ง กลิ่นของวิสกี้นี้ให้ความรู้สึกแห้งและหยาบกร้านเล็กน้อย ผสมกับถั่ววอลนัท ถั่วเฮเซลนัท และโอ๊กสีเขียว โดยเหล้าวิสกี้ชนิดนี้จะให้ความหวานแบบน้ำผึ้ง ในส่วนของรสสัมผัสภายในปากนั้นจะมีความนุ่มละมุน พร้อมกันดอกคาโมไมล์ พริกผลไม้เมืองร้อน และน้ำผึ้งหวาน

            โรงกลั่น Dalwhinnie เป็นโรงกลั่นที่ระดับความสูงสูงสุดของสกอตแลนด์ที่ความสูง 1,057 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล อุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำจาก Lochan an Doirre-uaine ที่สูงบนภูเขา ปริมาณพีทที่เพียงพอ และการคมนาคมที่ดีทั้งทางถนนและทางรถไฟ เป็นปัจจัยในการตัดสินใจในการสร้างโรงกลั่นที่ Dalwhinnie ในปี 1898 โรงกลั่นแห่งนี้ก่อตั้งโดยความร่วมมือของ John Grant ผู้เป็นทนายความ  Alex Mackenzie ผู้ออกแบบโรงกลั่นและ George Sellar อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้ก่อตั้งโรงกลั่น Strathspey ตามที่ถูกเรียกในครั้งแรก เมื่อสิ้นสุดยุคเฟื่องฟูของอุตสาหกรรมในปี 1890 และเพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่เริ่มผลิตครั้งแรก ภาวะถดถอยอย่างรุนแรงได้ส่งผลกระทบต่อตลาดวิสกี้ และบริษัทก็เข้าสู่กระบวนการเลิกกิจการ หลังจากผ่านเหตุการณ์ต่างๆ Dalwhinnie ได้รับการติดตั้งใหม่อีกครั้งในปี 1960 และโรงนามอลต์ถูกดัดแปลงเป็นคลังสินค้าในปี 1979 ในส่วนของซิงเกิลมอลต์จาก Dalwhinnie นั้นขึ้นชื่อในเรื่องของน้ำผึ้ง และในหลายครั้งถูกจัดเป็นวิสกี้  Highland หรือ Speyside และไม่ว่าภูมิภาคใดก็ตาม Dalwhinnie ยังคงเป็นหนึ่งวิสกี้ที่มีคุณสมบัติเด่นในด้านของวิสกี้สัญชาติสกอตแลนด์ของ Diageo ด้วยการแสดงออกแบบวินเทจที่ปรากฏเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ Distillers Edition และ Dalwhinnie ยังทำวิสกี้อื่น มากมายอย่าง Winter’s Gold เป็นการบรรจุขวดที่แปลกใหม่เป็นพิเศษ โดยใช้วิสกี้ที่กลั่นในฤดูหนาวที่หนาวเย็น มันถูกออกแบบให้เสิร์ฟจากช่องแช่แข็ง

Dalwhinnie Single Highland Malt 36 Years Old

Dalwhinnie Single Highland Malt 36 Years Old

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

error: Content is protected !!