La Tâche 1962 Domaine de la Romanée-Conti

La Tache 1962, Domaine de la Romanee-Conti, Burgundy, France, Red Wine

เรียกได้ว่าประวัติความเป็นมาของ Romanée-Conti นั้นเป็นชื่อที่โด่งดังและมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เริ่มจากในปี ค.ศ. 1760 เจ้าชายหลุยส์-ฟรองซัวส์ เดอ บูร์บง-คอนติ ได้ซื้อที่ดินผืนหนึ่งในเมืองโวสเน-โรมาเน่ ซึ่งเป็นที่ดินที่ปลูกขึ้นโดยบรรพบุรุษของแซงต์-วิวังต์ ก่อนจะสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2319

ต่อมาในปี 1794 ที่ดินผืนนี้ได้ถูกริบและถูกซื้อโดยเศรษฐีอย่าง Henry-Frédéric Roch, Lalou Bize-Leroy และผู้อำนวยการ Aubert de Villaine ซึ่งเป็นเจ้าของในวันนี้จนกลายเป็นเป็นไร่องุ่นสุดหรูหราในปัจจุบันนี้ โดยกรรมวิธีที่ใช้ในการผลิตไวน์แดงสุดหรูจากไร่องุ่นที่มีชื่อเสียงแห่งนี้นั้น จะใช้วัตถุดิบเป็นองุ่นที่ได้รับการดูแลอย่างดีโดยมีการควบคุมผลผลิตอย่างเข้มงวดและเมื่อเข้าฤดูเก็บเกี่ยวก็จะเก็บเกี่ยวอย่างช้าที่สุดเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ไวน์แดงที่มีกลิ่นหอมและอุดมสมบูรณ์มากที่สุดนั่นเอง

ด้วยเอกลัษณ์เฉพาะตัวของตัวเครื่องดื่มเส้นรูบี้เข้มข้นที่มีกลิ่นหอมพิเศษของผลไม้สีเข้มผสานกับเห็ดทรัฟเฟิลและเครื่องเทศรวมทั้งกลิ่นของช่อดอกไม้เข้มข้นนานาพันธุ์ ให้รสชาติที่มีหอมหวานละเอียดอ่อนจากองุ่นและผลไม้เนื้อแดงนานาชนิต ความรู้สึกถึงความบริสุทธิ์ไม่ซับซ้อน มีความสมดุลของเนื้อเครื่องดื่มที่ไม่แห้งผากหรือเข้มข้นบาดคอจนเกินไป รสชาติที่ยังคงค้างอยู่ทั่วเพดานปากอย่างยาวนาน ทำให้สามารถดื่มได้อย่างเพลิดเพลินจำเริญใจ

โดยภาพรวมเป็นไวน์แดงอายุน้อยที่มีเสน่ห์น่าดึงดูดอย่างมาก มีบุคลิกไม่ซับซ้อน แสดงถึงความบริสุทธิ์สดใส แม้จะเป็นไวน์จากพื้นที่หรูหราเก่าแก่แต่กลับให้ความอบอุ่นเป็นมิตรและเข้าถึงง่ายอย่างมาก ไวน์แดงพร้อมเสิร์ฟคู่กับอาหารจำพวกเนื้อแดงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อแกะย่าง, ขาแกะอบ, เนื้อกวาง, สเต็กเนื้อแดง รวมถึงอาหารจำพวกสัตว์ปีกต่างๆเช่น ไก่และเป็ดเสิร์ฟคู่เนยแข็ง เพื่อเพิ่มรสชาติของมื้อค่ำให้มีสีสันและรับประทานอร่อยมากยิ่งขึ้น แม้จะเป็นไวน์แดงที่มีราคาแพง เป็นกลับคุ้มค่าสำหรับนักสะสมไวน์ทั่วโลก ด้วยประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ กรรมวิธีการผลิตที่มีความปราณีต รวมถึงรสชาติน่าค้นหาที่ช่วยสร้างประสบการณ์การดื่มไวน์สุดแสนพิเศษให้แก่คุณ

 

Woodbridge White Zinfandel

Woodbridge White Zinfandel

Woodbridge White Zinfandel ไวน์สีชมพูสตรอว์เบอร์รี่สีคมชัดจากองุ่นพันธุ์ Zinfandel และยังน่าลิ้มลองยิ่งไปด้วยผลไม้นานาชนิด ซึ่งจะออกมาในรูปแบบของกลิ่นของเชอร์รี่และองุ่นพันธุ์ต่าง ๆ ซึ่งส่งผลทำให้มันมีรสที่กลมกล่อมอย่างยิ่ง รวมไปถึงมันยังมีเนื้อสัมผัสที่ละเอียดอ่อนและนุ่มนวล ก็ยิ่งทำให้ Woodbridge White Zinfandel ได้ถูกพูดถึงมากยิ่งขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้ Woodbridge White Zinfandel ได้รับความนิยมอย่างมากและมากกว่าเดิม นั่นก็คือ รสชาติของ Woodbridge White Zinfandel ที่เป็นรสชาติของผลไม้หวาน ที่ทำให้เราสามารถละมุนกับรสชาติความหวานนี้ไปทั่วเพดานปาก และยิ่งได้รับประทานไปพร้อมกับชีสเปรี้ยวก็ยิ่งทำให้รสชาติของไวน์นี้ละมุนและจัดจ้านไปในเวลาเดียวกันเลยทีเดียว และด้วยรสชาติแบบนี้นั่นเอง จึงทำให้มันเหมาะกับเมนูไก่ ปลา จนไปถึงพวกผักเลยนั่นเอง รวมถึงยังเหมาะแก่การดื่มในช่วงบ่ายที่ถูกย้อมด้วยแดดอันอบอุ่นอีกด้วย

 

 

Wolf Blass Red Label Pink Moscato

Wolf Blass Red Label Pink Moscato

ไวน์แดงจากองุ่นพันธุ์ Moscato ซึ่งมีถิ่นกำเนิดที่สำคัญอย่างมาก นั่นก็คือ แถบออสเตรเลียใต้ นั่นเอง และยังน่าลิ้มลองยิ่งไปด้วยผลไม้นานาชนิด โดยจะออกมาในรูปแบบของกลิ่นองุ่นที่ตากแดด ดอกซิตรัส กลีบกุหลาบ และมัสค์รสหวาน ซึ่งส่งผลทำให้มันมีรสที่กลมกล่อมอย่างยิ่ง รวมไปถึงมันยังมีเนื้อสัมผัสที่ละเอียดอ่อนและนุ่มนวล ก็ยิ่งทำให้ Wolf Blass Red Label Pink Moscato ได้ถูกพูดถึงมากยิ่งขึ้นนั่นเอง ซึ่งด้วยกลิ่นอายของไวน์ที่เป็นแบบนี้นี่เอง จึงทำให้ Wolf Blass Red Label Pink Moscato เหมาะสำหรับอาหารอย่างพืชใต้ดินแบบแครอท หรือน้ำเต้า นอกจากนี้ Wolf Blass Red Label Pink Moscato ก็ยังมีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 6.5% ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่พอเหมาะเลยทีเดียว

 

Wolf Blass Red Label Cabernet Sauvignon Merlot

Wolf Blass Red Label Cabernet Sauvignon Merlot

ไวน์แดงจากองุ่นพันธุ์ CABERNET SAUVIGNON และ MERLOT และยังน่าลิ้มลองยิ่งไปด้วยผลไม้นานาชนิด ซึ่งจะออกมาในรูปแบบของกลิ่นพลัม แคสซิส และปิดท้ายด้วยแบล็กเบอร์รี่ รวมไปถึงมันยังมีเนื้อสัมผัสที่ละเอียดอ่อนและนุ่มนวล อีกทั้งยังมีความชุ่มฉ่ำในลักษณะของไวน์แดงคุณภาพ และยังรักษาคุณภาพของเนื้อสัมผัสแบบนี้ได้อย่างยาวนานอีกด้วย ซึ่งด้วยคุณสมบัติแบบนี้นี่เองจึงทำให้มันเหมือนกับการดื่มไปพร้อมกับเนื้อวัว เนื้อแพะ บาร์บีคิว และเนื้อหมักได้อย่างดีเลยทีเดียว ซึ่งคุณสมบัติที่ได้กล่าวไปข้างต้นนี้นั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ได้ช่วยยกระดับให้ Wolf blass red label cabernet merlot ได้ถูกพูดถึงมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

 

Wolf Blass Gold Label Coonawarra Cabernet Sauvignon

Wolf Blass Gold Label Coonawarra Cabernet Sauvignon

ไวน์แดงจากองุ่นพันธุ์ CABERNET SAUVIGNON และยังน่าลิ้มลองยิ่งไปด้วยผลไม้นานาชนิด ซึ่งจะออกมาในรูปแบบของกลิ่นเบอร์รี่สีแดง มัลเบอร์รี่ ดาร์กช็อกโกแลต และแบล็คเคอแรนท์สุก รวมไปถึงมันยังมีเนื้อสัมผัสที่ละเอียดอ่อนและนุ่มนวล รวมไปถึงมันยังมีรสชาติของดาร์กช็อกโกแลต แบล็คเคอเรนท์สุก มัลเบอร์รี่ อีกเช่นกัน ซึ่งด้วยลักษณะดังกล่าวนี้นั่นเอง จึงทำให้ Wolf blass gold label coonawarra เป็นไวน์ที่เหมาะกับการดื่มไปกับอาหารอันเลิศรสที่ประกอบไปด้วยเนื้อวัว บาร์บีคิว และเนื้อหมัก ซึ่งเมื่อเราได้ Wolf blass gold label coonawarra มาประกอบแล้วก็จะทำให้รสชาตินั้นผสมผสานและกลมกล่อมอย่างยิ่งนั่นเอง ก็ยิ่งทำให้ Wolf blass gold label coonawarra ได้ถูกพูดถึงมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

 

Wolf blass gold label adelaide hills chardonnay

Wolf blass gold label adelaide hills chardonnay

Wolf blass gold label adelaide hills chardonnay ไวน์ขาวจากองุ่นพันธุ์ Chardonnay และยังน่าลิ้มลองยิ่งไปด้วยผลไม้นานาชนิด ซึ่งจะออกมาในรูปแบบของกลิ่นผลเมล็ดเดียวแข็งและไม้โอ๊คที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี รวมไปถึงมันยังมีเนื้อสัมผัสที่ละเอียดอ่อนและนุ่มนวล ซึ่งด้วยลักษณะของรสชาติและกลิ่นที่ได้ปรากฏออกมาใน Wolf blass gold label adelaide hills chardonnay นี้นั้น จึงทำให้ Wolf blass gold label adelaide hills chardonnay เหมาะสำหรับที่จะเอาไว้ใช้ดื่มพร้อมกับอาหารที่มีองคืประกอบหลัก ๆ อย่างเนื้อไก่ เนื้อปลา อาหารทะเล และผักนานาชนิด ซึ่งมันจะช่วยชูรสให้กับมื้ออาหารนั้นได้อย่างมากมายเลยทีเดียว ซึงส่งเหล่านี้นั้นได้ทำให้ Wolf blass gold label adelaide hills chardonnay ได้ถูกพูดถึงมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

Nikka Tailored

Nikka Tailored

THE NIKKA TAILORED เป็นวิสกี้ระดับพรีเมี่ยมที่มีลักษณะรูปแบบของวิสกี้ญี่ปุ่น อันเกิดมาจากการผลิตที่ใช้รูปแบบของการผลิตเหล้าแบบวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาปรับใช้ โดยมีส่วนผสมหลักคือข้าวบาร์เลย์จากมิยากิเกียว ซึ่งที่ถูกคลุกเคล้ามาพร้อมกับเมล็ดกาแฟ จนทำให้ THE NIKKA TAILORED ได้กลายเป็นวิสกี้ที่มีกลิ่นอันสมดุล รสชาติที่กลมกล่อมจนยากที่จะลืม ซึ่งเป็นรสชาติที่มีการผสมผสานกันได้อย่างลงตัวของผลไม้หวานกับกลิ่นขมของเมล็ดกาแฟและดารืกช็อกโกแลตอันเข้มข้น เพียงเท่านี้เราก็คงจะนึกถึงรสชาติอันกลมกล่อมของมันได้อย่างดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ทำให้ THE NIKKA TAILORED เป็นวิสกี้ระดับพรีเมี่ยมที่น่าดูชมเป็นอย่างยิ่ง รวมไปถึงความนุ่มนวลที่เราสามารถสัมผัสได้ผ่านปลายลิ้นเลยทีเดียว

The Macallan In Lalique Exceptional Oak Cask Decanter 50 Years Old

The Macallan In Lalique Exceptional Oak Cask Decanter 50 Years Old

The macallan highland single malt scotch whisky ถือว่าเป็นหนึ่งในวิสกี้ที่จะมอบรสชาติอันน่าชวนชื่นและน่าลิ้มลองเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง The macallan highland single malt scotch whisky มีสีที่ออกทองคำที่จะขัดเงาได้ดีกับแสงอาทิตย์ยามบ่าย โดยเกิดจากองค์ประกอบภายในวิสกี้นี้ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นลูกแพร์ พร้อมด้วยกลิ่นวานิลลาและมอลต์ที่ผสมกัน พร้อมกับรสชาติของลูกจันทน์เทศและลูกโอ๊ต นอกจากนี้ The macallan highland single malt scotch whisky ก็ยังสามารถรับรสชาติของลูกพรุนสีเข้ม และช็อกโกแลตธรรมดา และผิดท้ายของเชอร์รี่โอ๊คของสเปนและกลิ่นรมควัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ช่วยทำให้ The macallan highland single malt scotch whisky ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับคอวิสกี้ทั้งหลายในปัจจุบันนี้นั่นเอง

 

Macallan 50 year old

Macallan A Night On Earth

The Macallan A Night on Earth in Scotland

  1. ถือว่าเป็นหนึ่งในวิสกี้ที่จะทำให้ประสบการณ์การชิมวิสกี้ของเรานั้นได้กลายเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าไปเลยทีเดียว
  2. โดยเป็นวิสกี้ยอดนิยมในเทศกาลฮอกมาเนย์ของชาวสกอตแลนด์ ซึ่งเราจะได้จากกลิ่นภายในวิสกี้นี้ ที่จะออกกลิ่นของวานิลลา บัตเตอร์ริช แอปเปิ้ลอบ บิสกิตอบ ลูกพลัมและปิดท้ายด้วยกลิ่นของอัลมอนด์
  3. นอกจากนี้เรายังสามารถลิ้มรสชาติที่จะทำให้เราละมุนปากไปได้อีกนาน ไปพร้อมกับรสของวานิลลาอันแสนหวาน มาร์ชเมลโล่ปิ้ง ส้มตากแห้ง และมะเดื่อที่จะทำให้เราละมุนรสชาติไปทั่วเพดานปากเลยทีเดียว
  4. โดยซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ช่วยทำให้ The Macallan A Night on Earth in Scotland ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับคอวิสกี้ทั้งหลายในปัจจุบันนี้นั่นเอง
Macallan A Night On Earth
Macallan A Night On Earth

 

 

The Glenrothes Whisky Maker’s Cut

The Glenrothes Whisky Maker’s Cut Speyside Single Malt Scotch Whisky

The Glenrothes Whisky Maker’s Cut Speyside Single Malt Scotch Whisky ถือว่าเป็นหนึ่งในวิสกี้ที่จะมอบรสชาติอันน่าชวนชื่นและน่าลิ้มลองเป็นอย่างยิ่ง โดยเกิดจากองค์ประกอบภายในวิสกี้นี้ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นส้ม วานิลลา ลูกจันทน์เทศ และปิดท้ายด้วยกลิ่นของไม้โอ๊ค นอกจากนี้ก็ยังมีกลิ่นของเปลือกส้มที่จะเข้ามามีส่วนที่จะช่วยในการทำให้กลิ่นของ The Glenrothes Whisky Maker’s Cut Speyside Single Malt Scotch Whisky นั้นดียิ่งกว่าเดิมอีกด้วย อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในวิสกี้ที่ถูกบ่มจากถังเชอร์รี่แบบ 100% อีกต่างหาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ช่วยทำให้ The Glenrothes Whisky Maker’s Cut Speyside Single Malt Scotch Whisky ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับคอวิสกี้ทั้งหลายในปัจจุบันนี้นั่นเอง

 

The Glenrothes Whisky Maker's Cut

 

error: Content is protected !!