The Glenlivet XXV นับได้ว่าเป็นเหล้าที่เป็นตัวแทนแห่งเหล้าเชอร์รี่ทั้งหลาย
นับได้ว่าเป็นเหล้าเกรดพรีเมี่ยมชนิดหนึ่งที่ใช้เวลาในการมากกว่า 2 ปีขึ้นไปในถังเชอร์รี่
เพื่อกลั่นและเพิ่มความหวาน โดยได้รับแรงบันดาลใจจากความหวาน
ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Glen Livet และมีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 43%
เหล้านี้มีกลิ่นที่หอมหวนและนุ่มนวลจากเชอร์รี่บริสุทธิ์
เป็นเหล้าที่มีความงดงาม อ่อนนุ่ม และเข้มข้น โดยกลิ่นเหล้าเหล่านี้จะมีกลิ่นโอ้กที่ชัดเจนปราศจากวามเป็นวิสกี้
มีความสดและเบาบางของความหวานและความเค็มของผลไม้ มีกลิ่นผสมรวมระหว่างมิ้นท์ โกโก้
ถัวเฮเซลนัท นมช็อกโกแลต ผลไม้หลากหลายชนิด
และเครื่องเทศที่ช่วยเสริมความเผ็ดและร้อนแรงให้กับกลิ่นของเหล้าชนิดนี้
รสชาติของเหล้านี้แตกต่างจากกลิ่นที่ได้รับพอสมควร
รสสัมผัสของเหล้านั้นมีความหวานชัดเจน ทั้งความหวานจากครีม
เชอร์รี่ ผลไม้ ลูกเกด ลูกพรุน โอ้กบางชนิด โดยรสเหล่านี้นอกจากจะให้ความหวานแล้ว
ยังมีความขมเล็กๆจากความเข้มของตัวเหล้าอีกด้วย
โดยรวมแล้วนับได้ว่าเป็นเหล้าที่มีรสชาติหวานกลมกล่อม
ผสมกับความเผ็ดและความขมนิดๆ เหมาะสำหรับนักดื่มทั้งหลายที่ชื่นชอบในความหวาน
เป็นรสชาติและกลิ่นที่ผสมรวมกันระหว่างถั่ว ลูกพลัม และกลิ่นเหมือนขนมทาร์ตจางๆ
เป็นหนึ่งใน 2 เหล้าของ Master Distiller ที่ได้มีการวางขายครั้งแรกในช่วงฤดูร้อน ปี 2015
โดยในช่วงแรกของการวางขาย เหล้านี้ได้ตีตลาดในกลุ่มนักท่องเที่ยวเป็นหลัก
และได้แพร่กระจายมาสู่กลุ่มลูกค้าทุกคนเหมือนกับในปัจจุบัน
เหล้าชนิดนี้เกิดจากการหมักโดยโอ๊กดั้งเดิมจากหมู่บ้านหมักเหล้าเก่าแก่
แล้วหมักวัตถุดิบลงในถังเชอร์รี่เก่าที่แตกและถังโอ้กอเมริกันเก่า
กลิ่นของเหล้านี้ นับได้ว่ามีความหวานสไตล์คลาสสิกดั้งเดิม
มีความหวานที่เติมเต็มไปด้วยกลิ่นคาราเมล เป็นกลิ่นหลัก แล้วติดตามมาด้วยกลิ่นของลูกแพรหวาน
ทอฟฟี่รสแอปเปิ้ล ลูกพลัม ลูกเกด กลิ่นผลไม้ที่ผ่านการเคียว
และกลิ่นน้ำผลไม้ Sultanas มีปริมาณแอลกอฮอล์ประมาณ 40%
รสชาติที่ได้จากเหล้านี้นับได้ว่ากลมกล่อมกลางๆ ไม่เข้มข้นและหวานจนเกินไป
เป็นเหล้าที่มีรสชาติละมุน จางๆตามมาตรฐานของเหล้าชนิดนี้ รสชาติครีมเบาๆ
บวกกับรสสัมผัสของผลไม้ในฤดูร้อน เช่น แครนเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ และแบล็กเคอร์แรนซ์
โดยรสชาติทั้งหลายที่กล่าวมาจะมีรสชาติเหมือนกันกับการดื่มน้ำผลไม้มากกว่า
ทำให้การผสมเหล้ากับน้ำเชื่อมเมเปิ้ล สามารถเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดื่มเหล้าชนิดนี้
เหล้าชนิดนี้ได้ให้กลิ่นและรสชาติที่พอดี
ไม่ติดลิ้น ให้ทางความหวานจากครีมในช่วงแรกและค่อยๆถูกแทนที่ด้วยถั่วในปริมาณน้อย
ก่อนจะจบลงด้วยความดั้งเดิมของเหล้าประเภทนี้
ซึ่งได้แก่ความละมุนจากเหล่าความหวานของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ทั้งหลาย
The Glenlivet Master Distiller’s Reserve Small Batch เป็นเหล้าที่ผลิตมาจาก Speyside
และเป็นเหล้าประเภทเหล้าสก็อตซ์ หนึ่งในหมวดหมู่สำคัญของวิสกี้ อันมีชื่อเสียงลือเลื่องไปทั่วโลก
โดยเหล้าชนิดนี้มีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ในระดับทั่วไป อยู่ที่ประมาณ 40%
กลิ่นของเหล้านี้ นับได้ว่าเป็นเหล้าที่มีวามหอมหวาน น่าลิ้มลอง
เป็นเหล้าที่ถูกเติมเต็มไปด้วยกลิ่นของความหวานทั้งหลายที่ผสมกันอย่างปนเป
กลิ่นคละคลุ้งไปด้วยความหอมจากแอปเปิ้ล ลูกแพร ลูกกวาด อบเชย คาราเมล วานิลลา และครีม
นอกจากเหล้าที่แสดงได้ถึงความหวานแล้ว รสชาตินั้นกลับมีความซับซ้อน
สวนทางกับกลิ่นที่ได้สัมผัสเมื่อพบตอนเริ่มเปิดขวด รสชาตินั้นมีความละเอียด ยุ่งเหยิง
และมีความขนจางๆและความเผ็ดนิดๆ ผสมกันอยู่ มีทั้งรสชาติของโอ้ก
วานิลลา เยลลี่ ถั่วและคาราเมล รวมกันอยู่
โดยภาพรวมแล้ว เหล้าชนิดนี้เป็นเหล้าที่มีรสชาติสมดุล
โดยมีรสชาติและกลิ่นโดยส่วนใหญ่มาจากมอลต์ซึ่งมาจากข้าวบาร์เลย์ 100%
มีความสลับซับซ้อนและยุ่งเหยิงในรสชาติ ทั้งหวาน ขม เผ็ด เปรี้ยวผสมกัน
ถึงทำให้เหล้าชนิดนี้มีความเป็นพิเศษและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
Glenlivet Nadurra Oloroso นับได้ว่าเป็นเหล้าชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดจาก Speyside
ในประเทศสก็อตแลนด์ ตัวเหล้าจะมีสีเหลืองอำพันจากการหมักด้วยมอลต์ที่ได้จากข้าวบาร์เลย์ 100%
และมีความเข้มข้นสูง โดยเหล้าชนิดนี้มีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 60.7%
เหล้าชนิดนี้มีรสชาติที่หอมละมุนไปด้วยกลิ่นแบล็กเบอร์รี่
กลิ่นเชอร์รี่ กลิ่นลูกพลัม กลิ่นโอ้ก
และกลิ่นผลไม้สุก นอกจากนี้ เมื่อนักดื่มทั้งหลายได้ลองดมกลิ่นเหล้าชนิดนี้แล้ว
จะสัมผัสได้ถึงวัตถุดิบจากป่าทั้งหลายผ่านทางกลิ่นของเหล้านี้ นอกจากกลิ่นป่า
บางคนอาจจะได้กลิ่นของเครื่องหนัง ซึ่งทำให้เหล้าดูแพงด้วย
นอกจากกลิ่นเหล้าที่งดงามแล้ว รสชาติก็กลมกล่อยอร่อยไม่แพ้กัน
รสชาติที่ดียิ่งกว่ากลิ่นของเหล้านั้นเกิดจากการปรุงแต่งด้วยผลไม้แห้ง รวมกับลูกพลัมจางๆ
รสชาติออกไปทางร้อนแรงและขมๆหวานๆปนกันเล็กน้อย มีความสดใหม่ ดื่มแล้วรู้สึกชุ่มชื่น
นอกจากนี้ยังมีกลิ่นถั่วและเครื่องเทศที่มาตัดกับความเข้มข้นและหวานเพิ่มอีกด้วย
ทั้งรสชาติและกลิ่นของเหล้าที่เผ็ดร้อนและรุนแรง มีรสสัมผัสที่ติดลิ้นยาวนาน
หลอมหลวมความหอมของผลไม้เครื่องเทศแห้ง
แอปเปิ้ลแห้งและมอลต์อันเป็นเอกลักษณ์ของรสชาติเหล้าแห่ง Speyside
นอกจากความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว เหล้านี้ยังมีการรังสรรค์ลูกเล่นของลูกกวาดแอปเปิ้ล
ดาร์กช็อกโกแลต และอบเชยด้วย
Maker’s mark cask strength เป็นวิสกี้ในตำนานที่นักดื่มส่วนใหญ่ล้วนรู้จักกันเป็นอย่างดี
และเป็นเบอร์เบินระดับพรีเมี่ยม เหล้าชนิดนี้มีอยู่เพียงแค่ 2 ผลิตภัณฑ์ย่อย
ได้แก่ แบบดั้งเดิมและแบบ Maker’s mark 46 เหล้าชนิดนี้เป็นเหล้าที่มีต้นกำเนิดมาจาก
รัฐเคนทักกี้ของสหรัฐอเมริกา มีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 54-57%
เหล้าทั้งสองแบบนั้นมีทั้งรสชาติและกลิ่นที่คล้ายคลึงกัน
โดยกลิ่นของเหล้านี้มีกลิ่นหอมหลักจากเชอร์รี่ อบเชยและวานิลลา
และได้กลิ่นจางๆผสมปนเปมาบ้างเล็กน้อยมาจากโอ้ก เครื่องเทศ และถ่านหิน
รสชาตินั้นนับได้ว่าดีเยี่ยมและกลมกล่อม โดยรสชาติหลักของเหล้านี้จะมาจากคาราเมล
ถั่วและอบเชยรมควันจจางๆ ซึ่งได้กินเกรียมเล็กน้อยจากควัน กลิ่นเครื่องเทศ
กลิ่นน้ำตาลแดงเผารวมกันกับแบล็กเบอร์รี่
เหล้านี้มีเอกลักษณ์ที่รสชาติของการไหม้และการรมควันของวัตถุดิบทั้งหลาย
กลิ่นควันเหล้านี้ช่วยคลุกเคล้าสิ่งเหล่านี้ให้รวมกันเป็นหนึ่งได้ รสชาติที่เข้มข้นติดลิ้นยาวนาน
และมีความอบอุ่น เหมาะสำหรับฤดูหนาว รวมทั้งมีกลิ่มและรสดผ็ดจางๆจากเครื่องเทศ
และอบเชยที่ช่วยเพิ่มความสมดุลแก่ร่างกายได้เป็นอย่างดี
Jack Daniel’s Sinatra เป็นหนึ่งในเหล้าของตระกูลวิสกี้ของแบรนด์ Jack Daniel
ที่นับได้ว่าเป็นผลของความร่วมมือกับเพื่อนเก่าแก่อย่างแบรนด์ Old blue eye
ที่เกิดจากการหมักในถัง Sinatra ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตเหล้าที่เก่าแก่
เป็นวิสกี้ที่มีกลิ่นและรสคล้ายคลึงกับไม้ รวมกับ Jack Daniel’s no.7
ซึ่งมีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 45%
เหล้าชนิดนี้เป็นเหล้าที่มีกลิ่นเบาบางและอบอวลไปด้วยสมุนไพรและความหวานจากแหล่งต่างๆ
ทั้งกลิ่นคาราเมล น้ำผึ้ง กลิ่นข้าวโพด โอ้ก แอปเปิ้ลสด รวมกับเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างลงตัว
รสชาติก็นับได้ว่าดีเยี่ยมสมกับอายุของเหล้าที่ใช้เวลาในการหมักอย่างยาวนาน
เหล้านี้มีรสสัมผัสจากวานิลลา ซึ่งให้ความหวานที่เป็นเอกลักษณ์
และความนุ่มนวลของความหวานผลไม่สุกที่ฉ่ำอย่างลงตัว
และมีความเผ็ดจากเครื่องเทศและใบยาสูบจางๆเพียงเล็กน้อย
นอกจากนี้ยังไม่ความหวานเบาๆจากน้ำผึ้งอีกด้วย
นับได้เลยว่าเหล้าชนิดนี้เป็นเหล้าที่นุ่มนวลและมีรสชาติกลางๆตั้งแต่ช่วงแรกและค่อยๆเบาบางลง
ในช่วงสุดท้าย มีกลิ่นและรสชาติของโอ้กนำ และตามด้วยเหล่าความหวานทั้งหลายตามมา
ให้รวมชาติที่นุ่มลึก และเข้มข้นสำหรับนักดื่มในบางท่านที่นิยมรสหวานอีกด้วย
Jack Daniel’s no.27 gold นั้นเป็นเหล้าที่หายากและนับได้ว่าเป็นหนึ่งในเหล้า limited edition
ของแบรนด์ Jack Daniel ที่มีการวางขายครั้งแรกในช่วงฤดูใบไม้ร่วงในปี 2015
เหล้าชนิดนี้เป็นเหล้าสัญชาติอเมริกันแท้ที่มาจากการนำเหล้ามาหมักลงในถังโอ้ก
และดำเนินการขั้นตอนสุดท้ายด้วยการนำไปหมักในถังไม้เมเปิ้ล และมีปริมาณแอลกอฮอล์ประมาณ 40%
เหล้านี้เป็นเหล้าที่ที่มีกลิ่นคล้ายกับครีมผสมลูกเกดเป็นกลิ่นหลักที่นักดื่มจะได้กลิ่นทันทีเมื่อเปิดขวด
หลังจากนั้นจะได้กลิ่นลูกพลัม ใบยาสูบ กลิ่นเหล้ารัมกละเครื่องเทศจางๆ โดยในช่วงแรกที่ดมกลิ่น
กลิ่นจะเริ่มด้วยความละมุน และจบลวด้วยกลิ่นที่รุนแรงขึ้นในที่สุด
รสชาติของเหล้า
ก็เหมือนกังกับที่ได้กลิ่นไป เหล้าชนิดนี้จะมีความอ่อนและบางในช่วงแรกที่ลิ้มรสสัมผัส
เราจะได้รสชาติของลูกเกด น้ำผึ้งและช็อกโกแลต หลังจากนั้นรสชาติจะเริ่มแรงขึ้นจากน้ำเชื่อมเมเปิ้ล ผลมะเดือและใบยาสูบแห้ง
เหล้าชนิดนี้เป็นเหล้าที่เรากินแล้วที่ไม่ควรดื่มมากเกินไปในช่วงแรก
เพราะความหวานที่เกิดมาจะกลายเป็นความเผ็ดที่รันแรงในช่วงหลัง
นับได้ว่าเป็นเหล้าที่ไม่ขมหรือไม่เผ็ดจนเกินไป
โดยแบรนด์ Jack Daniels ในช่วงเดือนกันยายน ปี 2017
เป็นการสร้างสรรค์เหลาชั้นดีด้วยการใช้น้ำจากถ้ำหินปูน Lynchburg
และใช้กรรมวิธี Lincoln County ที่นำการใช้น้ำเชื่อมเมเปิ้ลผสมรวมกันกับวิสกี้
ที่เกิดจากถังโอ้กของอเมริกัน เหล้าชนิดนี้มีส่วนผสมของข้าวไรย์ 70%
ข้าวโพด 18% และข้าวบาร์เลย์กับมอลต์ 12%
ที่ใช้เวลาในการหมักอย่างน้อย 5 ปีและมีปริมาณแอลกอฮอล์ประมาณ 45%
เหล้าชนิดนี้
จะมีกลิ่นอายของความหวานและเผ็ดหลากหลายอย่างรวมกัน
ทั้งกลิ่นกล้วย เครื่องเทศ มาร์ชเมลโลว์ เป็นเหล้าที่กลิ่นค่อนข้างแรง
นอกจากนี้เมื่อคุณเปิดขวดมา คุณจะได้กลิ่นของข้าวและธัญพืชออกมาเป็นอันดับแรก
และจะตามมาด้วยเหล่ากลิ่นความหวานต่างๆตามมา
เหล้าชนิดนี้เมื่อได้ลิ้มลองรสแล้ว
นักดื่มจะรู้สึกว่ารสชาติทั้งหลายจะติดลิ้นเรา
มีความอุ่นนิดๆ และมีความเผ็ดเจือจางเหมือนเรากลิ่นพริกเข้าไป
ซึ่งความเผ็ดเหล่านั้นล้วนมาจากเครื่องเทศ
ซึ่งกลิ่นเครื่องเทศที่เราชิมจะมีความแห้งมากกว่ากลิ่นที่เราได้กลิ่น
เหล้าสัญชาติอเมริกันนี้เป็นเหล้าที่มีความเผ็ด
จากเครื่องเทศอันเป็นเอกลักษณ์เหนือดว่าเหล้าอื่นๆ
รสชาติของเหล้านี้เป็นการผสมผสานของกล้วย เครื่องเทศ และต้นโอ้ก
ให้ความรู้สึกละมุน เบาบาง และเป็นเหล้าที่สมบูรณ์
Balvenie 21 Year Old PortWood
Balvenie 21 year old portwood เป็นเหล้าหนึ่งในกลุ่มวิสกี้ Portwood
ที่เกิดจากการหมักมอลต์ด้วยข้าวบาร์เลย์ 100% มีอายุในการหมักประมาณ 21 ปี
ตามชื่อรุ่นที่มีการตั้งไว้ นับได้ว่าเป็นเหล้าชนิดหนึ่งที่หาได้ยากและราคาแพงมาก
มีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 47.6%
เหล้าชนิดนี้
จะมีกลิ่นที่คล้ายกับครีมหวานนิดๆ น้ำหอมหน่อยๆ
มีการผสมรวมกันของกลิ่มลูกพีช ผลไม้อบ ลูกเกด น้ำผึ้ง
และผลไม้แห้งผสมปนเปกันจนได้กลิ่นที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว
นอกจากกลิ่นที่พิเศษแล้ว รสชาติของเหล้านี้ก็มีความแปลกเช่นกัน
นับได้ว่าเป็นเหล้าที่มีรสชาติซับซ้อน มีทั้งรสสัมผัสของลูกกวาด
ปนกับรสชาติของไวน์ แต่ไม่ได้มีเพียงแค่สองอย่างเท่านั้น
เหล้านี้ยังมีความเผ็ดจางๆจากเครื่องเทศและความนุ่มนวลจากครีมและไม้อ่อนๆด้วย
นับได้ว่าเป็นเหล้าที่มีความเป็นเอกลักษณ์ที่หาทานได้ยาก
เหล้านี้มีกลิ่นและรสที่ละมุนและหอมหวลยาวนานจากไวน์
และความหอมของผลไม้ น้ำผึ้งและถั่วผสมกัน
Cutty Sark Storm นับได้ว่าเป็นเหล้าชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยมและมีความเก่าแก่เป็นอย่างมาก
เหล้าชนิดนี้เกิดจากการหมักโดยมอลต์ที่มาจากข้าวบาร์เลย์ 100% และจากวิสกี้ข้าว
ในปริมาณที่แตกต่างกัน มีปริมาณแอลกอฮอล์ที่ 40%
เหล้าชนิดนี้เป็นเหล้าที่มีกลิ่นผสมระหว่างผลไม้ที่มีความหวานและเปรี้ยวผสมกัน
เมื่อคุณได้ลองเปิดขวดเหล้าชนิดนี้ กลิ่นเปลือกส้มจะแตะที่จมูกเป็นอันดับแรก
และจะมีกลิ่นคาราเมลและกลิ่นกล้วยจางๆผสมปนเปมาบ้างเล็กน้อย
นอกจากกลิ่นที่หอมหวานอมเปรี้ยวแล้ว รสชาติที่สัมผัสก็มีความพิเศษเช่นเดียวกัน
รสชาติของเหล้าชนิดนี้
จะมีความละมุนเบาบางราวกับขนนก ผสมรวมกับสลัดผลไม้
คลุกเคล้ากับนมวานิลลาและเครื่องเทศเล็กน้อย ซึ่งส่วนข้างต้นที่กล่าวไปนั้นจะเป็นรสชาติหลัก
ที่เหล่านักดื่มทั้งหลายจะสามารถสัมผัสได้เป็นอันดับแรก แต่เมื่อดื่มไปเรื่อยๆ
ก็จะเริ่มได้กลิ่นผลโอ๊กและผลไม้แห้งที่เจือจางผสมมาด้วย
เหล้าชนิดนี้
ถือว่าเป็นเหล้าที่มีความคลาสสิกและหรูหราสำหรับนักดื่มทั้งหลาย
ที่อยากลิ้มลองเหล้าชนิดนี้ นับได้ว่าเป็นเหล้าที่มีรสชาติขนาดกลาง
ไม่เข้มและอ่อนจนเกินไป มีความลงตัวของเครื่องเทศ
ผลไม้หวานและเปรี้ยวรวมกันอย่างลงตัวและพอดี
แนะนำเหล้านอก
error: Content is protected !!