Bottega Rose Gold นับได้ว่าเป็นไวน์หนึ่งในประเภท sparkling ยอดนิยมที่ถูกส่งตรงมาจากแบรนด์ไวน์ชั้นเยี่ยมอย่าง Bottega ที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในการผลิตไวน์ชั้นเยี่ยมของยุโรปที่มีถิ่นฐานการผลิตหลักอยู่ที่เมือง Oltrepo Pavese ที่ตั้งอยู่ในเมือง Lombardia ของประเทศอิตาลี
โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีความงดงามในเนื้อสัมผัสของไวน์ที่มีความเป็นฟองฟู่ที่บริเวณผิวสัมผัสที่สวยงามเป็นอย่างยิ่ง บวกกันกับกระบวนการผลิตของไวน์ชนิดนี้ก็นับได้ว่าหาได้อยากยิ่ง เนื่องจากไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีการนำองุ่นเพียงแค่สายพันธุ์เดียวมาใช้ในการผลิตไวน์ชนิดนี้ โดยองุ่นที่ทางผู้ผลิตได้มีการคัดเลือกมาใช้นั้น ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Pinot Noir แท้ 100% เพียงเท่านั้น ซึ่งองุ่นชนิดนี้นับได้ว่าเป็นองุ่นยอดนิยมของทั่วโลกและวงการไวน์เลยก็ว่าได้ โดยองุ่นที่ใช้ในการผลิตครั้งนี้จะมีเงื่อนไขในการผลิตที่สำคัญอยู่ข้อหนึ่งว่า องุ่นจะต้องผ่านการเพาะปลูกอยู่ในบริเวณที่มีอากาศหนาวเย็นแทบยอดเขาเท่านั้น
ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีมนต์เสน่ห์อย่างยิ่ง ทั้งในด้านสีของเนื้อสัมผัสและลักษณะภายนอก รวมไปถึงกลิ่นและรสชาติที่ไม่เหมือนใคร โดยเริ่มแรกจากสีของเนื้อไวน์ที่จะเป็นสีชมพูอ่อนราวกับสีของผลลูกพีช แต่ในบางคนอาจจะมองว่าเป็นสีชมพูคล้ายกับสีของกลีบดอกกุหลาบสีชมพูงดงาม รวมไปถึงกลิ่นของไวน์ชนิดนี้ก็จะเต็มไปด้วยกลิ่นของผลมิกซ์เบอร์รี่ โดยเฉพาะผลเคอร์แรนที่จะค่อนข้างโดดเด่นออกมาควบคู่กันกับกลิ่นสตรอเบอร์รี่ป่า และนอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีรสชาติที่สดชื่น และมีความเปรี้ยวที่ค่อนข้างดีเยี่ยมอย่างดี รวมทั้งยังมีรสชาติที่ยอดเยี่ยมอย่างมากอีกด้วย
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยม เหมาะสมกับเป็นไวน์สำหรับนักดื่มที่ชื่นชอบไวน์ที่มีความหวานและสวยงามอ่อนโยน ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งในการรับประทานไวน์ชนิดนี้ควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อไก่และขนมหวานที่มีผลไม้เป็นส่วนผสมก็เหมาะสมเช่นเดียวกัน นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 11.5% รวมทั้งยังควรที่จะรับประทานไวน์ชนิดนี้เมื่อไวน์ชนิดนี้อยู่ที่อุณหภูมิประมาณ 4-5 องศาเซลเซียส
Bottega Rose Gold
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Bottega White Gold นับได้ว่าเป็นไวน์หนึ่งในประเภท sparkling ยอดนิยมที่ถูกส่งตรงมาจากแบรนด์ไวน์ชั้นเยี่ยมอย่าง Bottega ที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในการผลิตไวน์ชั้นเยี่ยมของยุโรปที่มีถิ่นฐานการผลิตหลักอยู่ที่เมือง Oltrepo Pavese ที่ตั้งอยู่ในเมือง Lombardia ของประเทศอิตาลี
โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีความงดงามในเนื้อสัมผัสของไวน์ที่มีความเป็นฟองฟู่ที่บริเวณผิวสัมผัสที่สวยงามเป็นอย่างยิ่ง บวกกันกับกระบวนการผลิตของไวน์ชนิดนี้ก็นับได้ว่าหาได้อยากยิ่ง เนื่องจากไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีการนำองุ่นหลากหลายสายพันธุ์มาใช้ในการผลิตด้วยอัตราสวนที่ไม่แตกต่างกันมากนัก โดยสายพันธุ์องุ่นที่ได้นำมาใช้ในครั้งนี้ ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Verduzzo, Pinot Noir และองุ่นสายพันธุ์ Chardonnay โดยองุ่นทั้งสามสายพันธุ์นี้ล้วนเป็นองุ่นที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดีจากทางผู้ผลิต ต่อจากนั้นทางผู้ผลิตก็ได้นำองุ่นทั้งหมดที่ได้มาจากการเก็บเกี่ยวมาหมักโดยการใช้กรรมวิธีการผลิตดั้งเดิมของชาวพื้นเมืองอิตาลีอย่างดี
ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์องุ่นที่มีลักษณะภายนอกที่ชวนให้น่าลิ้มลองอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นสีของเนื้อสัมผัสที่สวยงาม ดูดีด้วยสีเหลืองอ่อนราวกับสีของฟางข้าว บวกกันกับกลิ่นของไวน์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นของดอกไม้ และผลไม้สีขาวนานาชนิดที่ผสานกันกับกลิ่นของผลไม้ตากแห้งอย่างดี ไม่ใช่เพียงแค่นั้น รสชาติของไวน์นั้นก็ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่ค่อนข้างมีความแห้งในเนื้อสัมผัสด้วยเช่นเดียวกัน นับได้ว่าเป็นรสชาติที่สดชื่น มีชีวิตชีวาและมีเนื้อสัมผัสที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีความยอดเยี่ยมและชวนให้น่าติดตามตั้งแต่ลักษณะภายนอกของเนื้อสัมผัส ประวัติความเป็นมา กระบวนการผลิต รวมไปถึงกลิ่นและรสชาติของไวน์ที่มีความโดดเด่นของดอกไม้ ผลไม้สีขาวนานาชนิด รวมไปถึงผลไม้แห้งมากมาย ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งกับการรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีวัตถุดิบของสัตว์ทะเล ซูชิ ของหวานจากพื้นที่แถบบริเวณทะเลเมดิเตอร์เรเนียน รวมไปถึงผักทุกชนิดก็เหมาะสมด้วยเช่นกัน นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับของแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 12% เพียงเท่านั้น
Bottega White Gold
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Clos Des Menuts Saint Emilion Grand Cru นับได้ว่าเป็นไวน์ชั้นเยี่ยมที่ถูกส่งตรงออกมาจากการผลิตที่ยอดเยี่ยมของแบรนด์ไวน์ชื่อดังที่มีชื่อเสียงและทักษะในการผลิตไวน์อย่าง Maison Riviere ที่อยู่ในย่านชุมชนชาวพื้นเมืองที่มีสูตรการผลิตไวน์ที่โด่งดังอย่าง Saint-Julien ในเมือง Medoc ของเขต Bordeaux ประเทศฝรั่งเศส โดยแบรนด์ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นแบรนด์ไวน์ที่มีโรงกลั่นไวน์และไร่องุ่นเป็นของตัวเอง อีกทั้งยังเป็นไวน์ที่มีการนำพื้นที่ของคฤหาสน์ขนาดใหญ่มาใช้ในการสร้างฐานการผลิตอีกด้วย
โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างซับซ้อนอยู่พอสมควร โดยเริ่มแรกนั้น ทางผู้ผลิตได้มีการคัดเลือกสายพันธุ์องุ่นที่นำมาใช้ถึงสามสายพันธุ์ด้วยกัน รวมทั้งยังนำมาใช้ในอัตราส่วนที่แตกต่างกันอีกด้วย ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Merlot 85%, Cabernet Sauvignon 10% และองุ่นสายพันธุ์ Cabernet Franc 5% ด้วยเช่นกัน โดยองุ่นที่ทางผู้ผลิตเลือกใช้นั้นจะต้องนำมาจากการเพาะปลูกในไร่องุ่นของตัวเองและถูกคัดเลือกลักษณะมาอย่างดีแล้วเท่านั้น โดยองุ่นทั้งหมดนั้นทางผู้ผลิตได้มีการนำองุ่นเหล่านั้นมาใช้หมักลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์ฝรั่งเศสเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 12 เดือนถึงจะได้ไวน์ที่สมบูรณ์ขึ้นมา
ซึ่งไวน์ชนิดนี้ไม่ได้มีดีเพียงแค่องุ่นและกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่ว่าลักษณะภายนอกของไวน์ไม่ว่าจะเป็นสี เนื้อสัมผัส กลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง โดยเริ่มแรกนั้นเริ่มจากสีแดงสด รวมทั้งยังมีกลิ่นและรสชาติของไวน์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นของต้นโอ๊ก วานิลลา ใบยาสูบ และยังมีความเป็นเบอร์รี่สีดำและผลไม้สีเข้มที่หลากหลายอีกด้วย
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสสัมผัสของผลไม้สีดำเข้มข้นหลากหลายชนิด ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งในการรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนประกอบเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวาง และเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่หรือเนื้อเป็ด นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 13-14%.
Clos Des Menuts Saint Emilion Grand Cru
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Baron Philippe de Rothschild Pays d’Oc Merlot นับได้ว่าเป็นไวน์ชั้นเยี่ยมที่ถูกส่งตรงออกมาจากการผลิตที่ยอดเยี่ยมของแบรนด์ไวน์ชื่อดังที่มีชื่อเสียงและทักษะในการผลิตไวน์อย่าง Baron Philippe de Rothschild ที่อยู่ในย่านชุมชนชาวพื้นเมืองที่มีสูตรการผลิตไวน์ที่โด่งดังอย่าง Pays d’Oc ในเมือง Vin de Pays ของเขต IGP ซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่อยู่แถวทางชายฝั่งทิศใต้ของประเทศฝรั่งเศส โดยแบรนด์ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นแบรนด์ไวน์ที่มีโรงกลั่นไวน์และไร่องุ่นเป็นของตัวเอง อีกทั้งยังเป็นไวน์ที่มีการนำพื้นที่ของคฤหาสน์ขนาดใหญ่มาใช้ในการสร้างฐานการผลิตอีกด้วย
โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างซับซ้อนอยู่พอสมควร โดยเริ่มแรกนั้น ทางผู้ผลิตได้มีการคัดเลือกสายพันธุ์องุ่นที่นำมาใช้เพียงแค่สายพันธุ์เดียวมาใช้ ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Merlot แท้ 100% ซึ่งยังเป็นแรงบันดาลใจในการตั้งชื่อไวน์นี้ด้วย โดยองุ่นที่ทางผู้ผลิตเลือกใช้นั้นจะต้องนำมาจากการเพาะปลูกในไร่องุ่นของตัวเองและถูกคัดเลือกลักษณะมาอย่างดีแล้วเท่านั้น โดยองุ่นทั้งหมดนั้น ทางผู้ผลิตก็นำไปหมักลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์ฝรั่งเศสเป็นระยะเวลาหนึ่งก่อนที่จะนำมาบรรจุใส่ขวดไวน์ โดยผู้ดื่มนั้นสามารถดื่มได้โดยทันที แต่เพื่อรสชาติที่ดีขึ้นของไวน์นั้น จะขอแนะนำว่าทิ้งไวน์นี้ไว้อยู่ที่ประมาณ 3 ปีจะเหมาะสมและทำให้ไวน์มีรสชาติที่ดีกว่าการดื่มทันที
ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในเรื่อง สี เนื้อสัมผัส กลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป้นสีของเนื้อสัมผัสที่แดงสดสวยงาม สมกับเป็นไวน์แดงชั้นดี รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างเข้มข้นอยู่พอสมควร โดยเริ่มจากกลิ่นของไวน์ที่เต็มไปด้วยผลเบอร์รี่สีแดงที่ผสานกันกับกลิ่นของเครื่องเทศ ผักและแก่นไม้นานาชนิดด้วยกัน รวมไปถึงรสชาติของไวน์ที่เหมือนกันกับกลิ่น นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีรสสัมผัสที่ค่อนข้างหวาน มีความแห้งของเนื้อไวน์ มีความเต็มน้ำเต็มเนื้อและมีรสชาติที่สมดุลลงตัวกันอีกด้วย
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นและรสชาติของไวน์ที่มีความเป็นผลเชอร์รี่ เครื่องเทศ ผักและแก่นไม้อย่างชัดเจน ทำให้ไวน์นี้มีเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างเต็มน้ำเต็มเนื้อ กลมกล่อมและสมดุล ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อแกะ นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 12% อีกด้วยเช่นกัน ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ไวน์ชนิดนี้ควรถูกเสิร์ฟแก่ผู้ดื่มที่อุณหภูมิประมาณ 15-17 องศาเซลเซียส เพื่อความเอร็ดอร่อยของไวน์
Baron Philippe de Rothschild Pays d’Oc Merlot
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Baron Philippe de Rothschild Pauillac นับได้ว่าเป็นไวน์ชั้นเยี่ยมที่ถูกส่งตรงออกมาจากการผลิตที่ยอดเยี่ยมของแบรนด์ไวน์ชื่อดังที่มีชื่อเสียงและทักษะในการผลิตไวน์อย่าง Baron Philippe de Rothschild ที่อยู่ในย่านชุมชนชาวพื้นเมืองที่มีสูตรการผลิตไวน์ที่โด่งดังอย่าง Pauillac ในเมือง Medoc ของเขต Bordeaux ประเทศฝรั่งเศส โดยแบรนด์ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นแบรนด์ไวน์ที่มีโรงกลั่นไวน์และไร่องุ่นเป็นของตัวเอง อีกทั้งยังเป็นไวน์ที่มีการนำพื้นที่ของคฤหาสน์ขนาดใหญ่มาใช้ในการสร้างฐานการผลิตอีกด้วย
โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างซับซ้อนอยู่พอสมควร โดยเริ่มแรกนั้น ทางผู้ผลิตได้มีการคัดเลือกสายพันธุ์องุ่นที่นำมาใช้ถึงสี่สายพันธุ์ด้วยกัน รวมทั้งยังนำมาใช้ในอัตราส่วนที่แตกต่างกันอีกด้วย ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon 62%, Merlot 28%, Cabernet Franc 8% และองุ่นสายพันธุ์ Petit Verdot อีก 2% ด้วยเช่นกัน โดยองุ่นที่ทางผู้ผลิตเลือกใช้นั้นจะต้องนำมาจากการเพาะปลูกในไร่องุ่นของตัวเองและถูกคัดเลือกลักษณะมาอย่างดีแล้วเท่านั้น โดยองุ่นทั้งหมดนั้น ทางผู้ผลิตก็นำไปหมักลงในถังไม้โอ๊กใบใหม่แท้ 30% และอัตราส่วนที่เหลือนั้นทางผู้ผลิตจะแบ่งไปหมักลงในถังไม้โอ๊กที่เคยมีการใช้มาแล้วเป็นครั้งที่สอง โดยทั้งสองถังนั้นเป็นระยะเวลายาวนานในการหมักและทางผู้ดื่มจะสามารถดื่มได้ทันที แต่จะเป็นการดีกว่าถ้าจะปล่อยไวน์นี้ไว้สักระยะเวลาประมาณ 3-5 ปี เพื่อให้ได้ไวน์ที่มีสัมผัสที่มีคุณภาพที่สุด
ซึ่งไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์แดงชั้นเยี่ยมที่ได้รับการรับรองจากนักดื่มด้วยราคาที่สูงกว่าราคาเฉลี่ยของไวน์ทั่วโลก เนื่องด้วยเสน่ห์ที่เกิดจาก สี เนื้อสัมผัส กลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมและน่าดึงดูดใจ ด้วยส่วนแรกคือสีนั้น ไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัสที่เป็นสีแดงเข้มราวกับสีของโกเมน รวมไปถึงกลิ่นของไวน์ที่มีกลิ่นที่ค่อนข้างเข้มข้นในระดับที่สูงมาก โดยกลิ่นที่โดดเด่นออกมาจะเป็นกลิ่นของผลไม้สีแดงนานาชนิดที่ผสานกันกับกลิ่นของกาแฟคั่วได้อย่างดี นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีรสสัมผัสที่กลมกล่อมและมีโครงสร้างขององค์ประกอบในไวน์ที่สามารถแยกออกได้อย่างชัดเจน โดยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ที่ออกมาจากไวน์ชนิดนี้ คือ ชะเอมเทศ ผลเชอร์รี่และวานิลลา
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมและเต็มไปด้วยความประทับใจจากผู้ที่ลิ้มลองรสชาติจริง ซึ่งไวน์ชนิดนี้จะมีเอกลักษณ์ที่กลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างเข้มข้นและเต็มไปด้วยผลไม้สีแดงหลากหลายชนิดที่ผสานกันกับผลเชอร์รี่ วานิลลา ชะเอมเทศและกาแฟคั่ว ซึ่งนับได้ว่าเหมาะสมอย่างยิ่งในการรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อวัว เนื้อกวาง เนื้อแกะ เนื้อสัตว์ปีก นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 13.5% อีกด้วย
Baron Philippe de Rothschild Pauillac
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Emiliana Coyam ยังนับได้ว่าเป็นไวน์แดงแบบผสมที่มีต้นกำเนิดการผลิตและการถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาภายใต้แบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Emiliana Organic Vineyards อันโด่งดังที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตใหญ่อยู่ที่ย่านชุมชน Colchagua Valley ในใจกลางเมืองของประเทศชิลี ซึ่งแบรนด์ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นแบรนด์ไวน์สัญชาติชิลีที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ไวน์ขนาดใหญ่ที่เน้นการผลิตแบบออร์แกนิคและทางชีวภาพเป็นเจ้าแรกของโลกอีกด้วย
ซึ่งไวน์ชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นไวน์ทีมีกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างซับซ้อนอยู่มากพอสมควร ทั้งในส่วนเริ่มต้นที่ทางผู้ผลิตนั้นได้มีการเลือกสรรสายพันธุ์ขององุ่นที่นำมาใช้เยอะมากถึงหกสายพันธุ์ด้วยกัน ซึ่งนับได้ว่ามากกว่าจำนวนสายพันธุ์ที่นำมาใช้ในไวน์ทั่วไป อีกทั้งทางผู้ผลิตนั้นก็ได้มีการคำนวณอัตราส่วนของปริมาณตามสายพันธุ์ไว้แตกต่างกันด้วยเช่นกัน ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Syrah หรือ Shiraz 38%, Cabernet Sauvignon 21%, Carmenere 21%, Merlot 17%, Petit Verdot 2% และ องุ่นสายพันธุ์ Mourvedre 1% โดยองุ่นทั้งมดนั้นทางผู้ผลิตก็จะนำไปหมักลงในถังไม้โอ๊ก
โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชิที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเนื้อสัมผัส สี กลิ่นและรสชาติของไวน์ที่มีความงดงามและสอดคล้องกันได้อย่างลงตัว นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่เอร็ดอร่อย กลมกล่อมและนุ่มลึกอย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้งไวนืชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีความเข้มข้นและมีความชัดเจนในองค์ประกอบและโครงสร้างกันเป็นอย่างดี
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมและลงตัวกันได้เป็นอย่างดียิ่ง ทั้งความนุ่มลึก เข้มข้น และเข้ากันได้อย่างกลมกล่อมลงตัว ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งในการรับประทานไวน์ชนิดนี้ควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อวัวและเนื้อกวาง หรือว่าเป็นสเต๊กจานร้อนๆก็เหมาะสมอยู่เช่นเดียวกัน นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 13.5-15% อีกด้วยเช่นกัน
Emiliana Coyam
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Grand Vin de Léoville Saint-Julien นับได้ว่าเป็นไวน์ชั้นเยี่ยมที่ถูกส่งตรงออกมาจากการผลิตที่ยอดเยี่ยมของแบรนด์ไวน์ชื่อดังที่มีชื่อเสียงและทักษะในการผลิตไวน์อย่าง Chateau Leoville-Las Cases ที่อยู่ในย่านชุมชนชาวพื้นเมืองที่มีสูตรการผลิตไวน์ที่โด่งดังอย่าง Saint-Julien ในเมือง Medoc ของเขต Bordeaux ประเทศฝรั่งเศส โดยแบรนด์ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นแบรนด์ไวน์ที่มีโรงกลั่นไวน์และไร่องุ่นเป็นของตัวเอง อีกทั้งยังเป็นไวน์ที่มีการนำพื้นที่ของคฤหาสน์ขนาดใหญ่มาใช้ในการสร้างฐานการผลิตอีกด้วย
โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างซับซ้อนอยู่พอสมควร โดยเริ่มแรกนั้น ทางผู้ผลิตได้มีการคัดเลือกสายพันธุ์องุ่นที่นำมาใช้ถึงสามสายพันธุ์ด้วยกัน รวมทั้งยังนำมาใช้ในอัตราส่วนที่แตกต่างกันอีกด้วย ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon 61%, Merlot 21% และองุ่นสายพันธุ์ Cabernet Franc อีก 16% ด้วยเช่นกัน โดยองุ่นที่ทางผู้ผลิตเลือกใช้นั้นจะต้องนำมาจากการเพาะปลูกในไร่องุ่นของตัวเองและถูกคัดเลือกลักษณะมาอย่างดีแล้วเท่านั้น โดยองุ่นทั้งหมดนั้น ทางผู้ผลิตก็นำไปหมักลงในถังไม้โอ๊กแท้ 90% เป็นระยะเวลายาวนานกว่า 18-20 เดือนด้วยกัน
ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังมีมนต์เสน่ห์และความน่าสนใจที่ลักษณะภายนอก ไม่ว่าจะเป็นสี เนื้อสัมผัส กลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง โดยกลิ่นของไวน์ชนิดนี้เป็นกลิ่นไวน์ที่มีความหอมหวานไปด้วยกลิ่นของลูกสน กลิ่นใบยาสูบและกลิ่นของต้นโอ๊ก ไม่ใช่เพียงแค่นั้นไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีความเต็มน้ำเต็มเนื้อเป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งยังมีระยะเวลาสัมผัสที่ติดลิ้นค่อนข้างยาวนานอย่างยิ่งอีกด้วย
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมอย่างดี มีทั้งความเต็มน้ำเต็มเนื้อในรสชาติและเนื้อสัมผัสอย่างดียิ่ง รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีความนุ่มลึกและความเข้มข้นของไวน์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นไวน์ที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการรับประทานควบคู่กับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวางและเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อเป็ดและเนื้อไก่ นอกเหนือจากนี้ไวน์ขนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 5% ซึ่งนับว่ามีระดับของแอลกอฮอล์ค่อนข้างน้อยมากเลยทีเดียว
Grand Vin de Léoville Saint-Julien
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Opus One Overture Napa Valley นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการผลิตและการถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยแบรนด์ไวน์ชั้นนำเป็นระดับแถวหน้าของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปยุโรปอย่าง Opus One ที่มีการถูกผลิตและมีฐานการผลิตใหญ่ที่ย่านชุมชนที่มีชื่อเสียงในด้านการผลิตไวน์ชั้นเยี่ยมอย่าง Napa Valley ซึ่งเป็นชุมชนอยู่ที่เขตการปกครองในเมือง Napa ที่อยู่ทางชายฝั่งตอนเหนือของมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการนำองุ่นหลากหลายสายพันธุ์กว่า 5 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon 79%, Cabernet Franc 7%, Petit Verdot 6%, Merlot 6% และองุ่นสายพันธุ์ Malbec 2% มาใช้ในการผลิตด้วยเช่นกัน รวมไปถึงไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างซับซ้อนเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยตัวไวน์ชนิดนี้ทางผู้ผลิตจะมีการคัดเลือกสายพันธุ์และลักษณะขององุ่นที่มีคุณภาพที่ดีที่สุดเท่านั้น แล้วทางผู้ผลิตจะนำไปหมักลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์เยี่ยมจากประเทสฝรั่งเศสเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 18 เดือนด้วยกัน
โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีลักษณะภายนอกทีน่าดึงดูดเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นไวน์ที่มีสีของไวน์เป็นสีแดงเข้มอย่างดี รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นของผลไม้ที่มีสีเข้มอย่างดีผสานกันกับกลิ่นของผลไม้ โดยเฉพาะกลิ่นของไวน์ที่มีเอกลักษณ์และมนต์เสน่ห์จากองุ่นเป็นอย่างมาก รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีรสสัมผัสที่เต็มน้ำเต็มเนื้อ มีความกลมกล่อมและมีความคลาสสิกอย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะของผลส้มที่ค่อนข้างเป็นรสชาติของผลไม้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นผลส้ม ผลเบอร์รี่สีดำและผลเชอร์รี่สำดำด้วยเช่นกัน
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลิ่นและรสชาติของผลไม้นานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นผลไม้สีเข้มหลากหลายชนิด ที่ผสานกันกับกลิ่นของผลส้ม ผลเบอร์รี่และเชอร์รี่สีดำกันได้อย่างดีและลงตัวอีกด้วย ซึ่งไวน์ชนิดนี้จึงเหมาะสมในการรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อวัวและเนื้อกวาง นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 14.5% เพียงเท่านั้น
Opus One Overture Napa Valley
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Chateau Pavie Saint Emilion Grand Cru นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาและถูกผลิตขึ้นมาโดยแบรนด์ไวนืที่มีชื่อเสียงในการผลิตไวน์ยอดนิยมสำหรับวงการไวน์เป็นวงกว้างอย่างChateau Pavie ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตและการนำสูตรการผลิตไวน์ในชุมชนพื้นเมืองจาก Saint Emilion Grand Cru ของเมือง Bordeaux ในประเทศฝรั่งเศส โดยแบรนด์ไวน์ชนิดนี้ได้ชื่อว่าเป็นแบรนด์ไวน์น้ำดีที่ขึ้นชื่อในการผลิตไวน์จากองุ่นสายพันธุ์ Merlot เป็นระดับแถวหน้าของเมือง Bordeaux เลยทีเดียว
ซึ่งแบรนด์ไวน์ชนิดนี้ได้มีการนำสูตรและวัฒนธรรมในการผลิตมาจากชาวพื้นเมือง Saint Emilion Grand Cru ของเมือง Bordeaux มาใช้ตั้งแต่สมัยรุ่นสู่รุ่นใหม่อย่างยอดเยี่ยม โดยทางผู้ผลิตนั้นก็เน้นที่จะใช้วัตถุดิบที่พวกเขามีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างยิ่ง อย่าง องุ่นสายพันธุ์ Merlot แท้ 100% มาใช้ในการผลิตในครั้งนี้ โดยทางผู้ที่ผลิตไวน์ชนิดนี้จะนำองุ่นทั้งหมดที่ผ่านการคัดเลือกจากไร่องุ่นของตัวเองเท่านั้นมากลั่นเป็นเวลายาวนานกว่า 8-9 วันในอุณหภูมิ 8 องสาเซลเซียส หลังจากนั้นก็จะนำไปบ่มต่อถังไม้ที่มีการควบคุมอุณหภูมิเป็นอย่างดีจำนวนสองครั้งด้วยกัน ได้แก่ ครั้งแรกที่ใช้เวลายาวนานกว่า 36 วัน ส่วนครั้งที่สองจะเป็นการกลั่นไวน์เป็นระยะเวลายาวนานกว่า 20 วันด้วยกัน ซึ่งการหมักไวน์ในครั้งที่สองจะเน้นในการใช้ถังไม้เนื้อดีเท่านั้น เมื่อทำการบ่มแล้วทางผู้ผลิตจะนำองุ่นที่ผ่านกระบวนการทั้งสามไปหมักลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์ฝรั่งเศส 80% เป็นระยะเวลายาวนานกว่า 18 เดือนก่อนจะนำไปบรรจุใส่ขวดเพื่อจำหน่ายต่อไป
โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีมนต์เสน่ห์ในลักษณะภายนอกเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นกลิ่น สี รส และเนื้อสัมผัสที่ชวนให้น่าลิ้มลองและน่าหลงใหลได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยเริ่มแรกจากสีของเนื้อสัมผัสของไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีสีแดงที่ค่อนข้างเข้มทึบแสงและขุ่นกว่าไวน์แดงทั่วไป รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นของไวน์ที่ค่อนข้างมีความสดชื่นและเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ที่ผสานกันกับกลิ่นของผลเชอรืรี่ เบอร์รี่สีดำ ลูกพลัม กาแฟเอสเปรสโซ่และกลิ่นรมควันอย่างดี ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีรสสัมผัสที่ค่อนข้างเต็มน้ำเต็มเนื้ออย่างดี มีความกลมกล่อม ความเปรี้ยวอมหวานและมีความสมดุลลงตัวพอดี
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมสมกับเป็นไวน์แดงที่นักดื่มนิยมและให้ความสนใจกันมากสมกับเป็นไวน์ที่มีราคาที่สูงที่สุดที่ถูกส่งตรงและผลิตมาจากย่านชุมชน Saint Emilion Grand Cru และเป็นไวน์ที่ได้รับความนิยมในการค้นหาเป็นอันดับสามด้วยเช่นกัน นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีรสชาติและกลิ่นของผลไม้ ไม่ว่าจะเป็นผลเชอร์รี่ ลูกพลัมและผลเบอร์รี่สีดำอย่างดี สมกันกับเป็นไวน์หายากอย่างแท้จริง ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการนำไปรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวางและเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 12-14.6%
Chateau Pavie Saint Emilion Grand Cru
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Catena Zapata Malbec Argentino นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งที่มีชื่อเสียงเป็นระดับแถวหน้าของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับต้นๆของทวีปอเมริกาใต้อย่าง Bodegas Catena Zapata ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตใหญ่อยู่ที่ชุมชนดังในด้านการผลิตไวน์อย่าง Uco Valley หรือที่มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Valle de Uco ของเมือง Mendoza ของประเทศอาร์เจนติน่า ซึ่งสถานที่แห่งนี้ก็ยังนับได้อีกว่าเป็นสถานที่แห่งเพาะปลูกองุ่นที่เหมาะสมที่หาได้ยาก
ซึ่งไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นอายและมีการผสมผสานของวัฒนธรรมระหว่างกระบวนการผลิตไวน์ระหว่างสองประเทศและสองทวีปอย่างสูตรการผลิตไวน์จากทวีปยุโรปอย่างประเทศฝรั่งเศสกับทวีปอเมริกาใต้อย่างประเทศอาร์เจนติน่า โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีแรงบันดาลใจในการผลิตที่ยอดเยี่ยมและค่อนข้างหายาก เนื่องด้วยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีเกิดจากการนำเอกลักษณ์เด่นจากสถานที่ที่นักปรุงไวน์ได้ไป จำพวกสถานที่โบราณสถานที่ยังมีอยู่ในปัจจุบันมาใช้ รวมไปถึงสถานที่การสำรวจที่ยังไม่มีใครรู้จัก สถานที่ที่พบในการผจญภัยและสถานที่ที่ได้ไปทั้งหมดมาใช้เป็นลวดลายบนฉลากไวน์และเป็นแนวคิดในการผลิตไวน์ โดยทางผู้ผลิตได้เริ่มต้นเดินทางอออกจากยุโรปมายังทวีปอเมริกา และมีการนำสตรีตัวอย่างจากแต่ละแห่งมาใช้เป็นตัวละครเอกบนฉลากอีกด้วยเช่นกัน ซึ่งไวน์ชนิดนี้ได้นำเอาองุ่นเพียงแค่สายพันธุ์เดียว ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Malbec มาใช้ในการผลิต และทางผู้ผลิตนั้นก็ได้นำองุ่นมาหมักลงในถังไม้โอ๊กฝรั่งเศสใบใหม่แท้ 100% มาใช้ในการบ่มองุ่นในช่วง 30 วันแรก หลังจากนั้นทางผู้ผลิตก็จะย้ายไปลงในถังไม้โอ๊กชนิดเดียวกันเพื่อหมักต่อเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 18 เดือนด้วยกัน
โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าไม่ได้มีดีแค่เพียงเรื่องราว ตำนาน และที่มาในการผลิตไวน์เพียงเท่านั้น แต่ว่าไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัสที่เป็นไวน์แดงที่มีความเข้มข้นที่ค่อนข้างสูงและมีโครงสร้างขององค์ประกอบที่ชัดเจน โดยลักษณะเด่นของกลิ่นและรสชาติของไวน์นั้นจะประกอบไปด้วยผลไม้หลากหลายชนิด เช่นผลเบอร์รี่สีดำ ลูกพลัม ผลเบอร์รี่สีน้ำเงิน และยังมีกลิ่นกับรสชาติเพิ่มเติมของต้นโอ๊ก วานิลลาและช็อกโกแลตอีกด้วย นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีความเข้มข้นที่เบาบางและนุ่มละมุน รวมทั้งยังมีความละเอียดอ่อนในเนื้อสัมผัสมากอีกด้วยเช่นกัน
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง เป็นไวน์ที่มีความเข้มข้นของเนื้อสัมผัสที่สูง มีองค์ประกอบเป็นโครงสร้างที่ชัดเจน แต่ทว่ากลับมีความเบาบางและนุ่มละมุนของเนื้อไวน์ที่ค่อนข้างหาได้ยากในไวน์ชนิดอื่นๆ รวมไปถึงยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติของผลเบอร์รี่ทั้งดำและนำเงินหลากหลายชนิดที่ผสานตัวกันกับต้นโอ๊ก ลูกพลัม วานิลลาและช็อกโกแลตกันได้อย่างพอดีลงตัว ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งกับการรับประทานควบคู่กับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อวัว เนื้อแกะและเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 14%
Catena Zapata Malbec Argentino
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Posts navigation
แนะนำเหล้านอก
error: Content is protected !!