Chateau de Pez Saint Estephe นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีมนต์เสน่ห์อีกขวดหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยแบรนด์ไวน์ที่ได้มีการสร้างสรรค์และผลิตไวน์ชนิดนี้ขึ้นมา ได้แก่ แบรนด์ไวน์ Chateau de Pez ซึ่งนับได้ว่าเป็นแบรนด์ไวน์ที่มีการสร้างแหล่งเพาะปลูกหรือไร่องุ่นของตัวเอง รวมทั้งยังมีพื้นที่ของคฤหาสน์เก่าแก่ที่นำมาใช้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในเชิงประวัติศาสตร์ยอดนิยมและเป็นแบรนด์ไวน์ที่มีการตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ย่านชุมชนที่ถือว่ามีชื่อเสียงในระดับหนึ่งการผลิตไวน์อย่าง Saint Estephe ที่อยู่ในเมือง Medoc ที่อยู่บริเวณใกล้ใจกลางของเขตการปกครองดังอย่าง Bordeaux ประเทศฝรั่งเศส
โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างซับซ้อนอยู่พอสมควร เนื่องด้วยทางผู้ผลิตนั้นได้มีการนำองุ่นมาใช้มากถึงสี่สายพันธุ์ด้วยกัน รวมทั้งอัตราส่วนและปริมาณในการใช้ผลิตในแต่ละปีก็มีความแตกต่างกันอีกด้วย โดยสายพันธุ์องุ่นที่ทางผู้ผลิตได้มีการเลือกสรรมาใช้ในการผลิตในครั้งนี้ ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, Merlot, Cabernet Franc และองุ่นสายพันธุ์ Petit Verdot โดยองุ่นทั้งหมดที่ได้กล่าวมานั้น ทางผู้ผลิตนั้นจะนำองุ่นทั้งหมดนั้นจะนำไปหมักลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์ฝรั่งเศสใบใหม่ประมาณ 40% เป็นเวลายาวนานกว่า 15 เดือน และไวน์ชนิดนี้กลับมีความพิเศษอย่างหนึ่งคือไวน์ชนิดนี้มีการผลิตเพียงแค่จำนวน 18,500 ขวดต่อปีเท่านั้น ซึ่งนับว่าค่อนข้างน้อยมากเมื่อเทียบกับไวน์ชนิดอื่นๆมาก
ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีลักษณะและรูปร่างภายนอกที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่งและมีมนต์เสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อ เริ่มแรกจากไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างเป็นสีแดงเข้มสมกันกับเป็นไวน์แดงชั้นดี นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสสัมผัสที่ถือว่าได้ว่ามีความพิเศษ เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่โดดเด่นจากดอกไม้ ผลไม้ โดยเฉพาะผลไม้สีดำหลากหลายชนิดด้วยกัน ที่ผสานกันกับกลิ่นดิน กลิ่นซิการ์ และกลิ่นเครื่องเทศที่มีกลิ่นและรสชาติที่ไม่ค่อยรุนแรงมากเท่าไหร่นัก รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างเต็มน้ำเต็มเนื้อและมีความเข้มข้นของเครื่องเทศ ผลเคอร์แรนและกาแฟเอสเปรสโซ่อีกด้วย
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมเป็นอย่างดียิ่งอีกด้วย รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่โดดเด่นด้วยหลากหลายองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นและรสชาติของดอกไม้ ผลไม้สีดำ ซิการ์ เครื่องเทศ กาแฟเอสเปรสโซ่และผลเคอร์แรน ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานไวน์ชนิดนี้ควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวาง และเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 12-14.3% เพียงเท่านั้น
Chateau de Pez Saint Estephe
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Secret De Grand Bateau Bordeaux นับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่ถูกสร้างสรรค์และถูกผลิตขึ้นมาภายใต้แบรนด์ไวน์ชื่อดังที่มีความสามารถในการผลิตไวน์คุณภาพชั้นเยี่ยมอย่าง Grand Bateauซึ่งมีการตั้งถิ่นฐานการผลิตใหญ่อยู่ในเมือง Bordeaux ซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงและได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งการผลิตและส่งออกไวน์ในระดับแถวหน้าของโลก โดยเมืองนี้ได้มีการตั้งอยู่ที่บริเวณทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส
โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างละเอียดและมีความซับซ้อนอยู่พอสมควร อันเนื่องมาจากทางผู้ผลิตได้มีการนำองุ่นมากมายหลากหลายชนิดมาใช้ในการผลิตไวน์ในครั้งนี้ โดยสายพันธุ์องุ่นที่มีการนำมาใช้ในการผลิตนั้น ผู้ผลิตได้เลือกองุ่นทั้งหมดห้าสายพันธุ์มาใช้ด้วยกัน โดยการใช้ในแต่ละครั้งนั้นจะมีอัตราส่วนที่ใช้ค่อนข้างแตกต่างกันตามปีที่มีการผลิต โดยองุ่นที่นำมาใช้นั้น ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Semillon, Sauvignon Blanc และองุ่นสายพันธุ์ Muscadelle โดยองุ่นทั้งหมดนั้นจะถูกนำมาผสมรวมกันจนกลายเป็นไวน์ขาวผสมชั้นเยี่ยม
ซึ่งไวน์ชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นไวน์ที่มีมนต์เสน่ห์ที่ลักษณะของไวน์ที่ค่อนข้างมีความหนาแน่นในเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างชัดเจน อีกทั้งยังมีสีของเนื้อสัมผัสที่ออกเป็นสีขาวปนเขียวใสสวยงามอย่างยิ่ง นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีความโดดเด่นที่ไม่เหมือนใคร ด้วยความที่ไวน์ชนิดนี้มีลักษณะขององค์ประกอบของผลไม้สุกหลากหลายชนิดที่โดดเด่นมาเหนือกว่าองค์ประกอบอื่นในเนื้อสัมผัส แล้วมีการผสมผสานกันกับผลไม้สีดำ เครื่องเทศ และต้นโอ๊กเผาอย่างดี
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ชวนให้น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นผลไม้สุกและผลไม้สีดำหลากหลายชนิดที่ผสานตัวกับกลิ่นและรสสัมผัสของต้นโอ๊กเผาและเครื่องเทศ ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อวัว เครื่องในสัตว์ เนื้อกวาง และเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 14.5% ด้วยเช่นกัน
Secret De Grand Bateau Bordeaux
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Pavillon Blanc du Chateau Margaux Bordeaux นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการถูกสร้างสรรค์และถูกผลิตขึ้นมาด้วยความตั้งใจจากแบรนด์ไวน์ชื่อดังที่มีชื่อเสียงและได้รับการการันตีด้วยรางวัลมากมายถึงความสามารถในการผลิตไวน์อย่าง Chateau Margaux ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตใหญ่อยู่ที่เมืองMargaux ซึ่งเป็นสถานที่ชื่อดังที่มีความสามารถในการผลิตและการส่งออกไวน์เป็นระดับแถวหน้าของโลกที่อยู่ในเมือง Medoc ของเขตการปกครอง Bordeaux ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งแบรนด์ไวน์ชนิดนี้ได้มีการใช้อาคารที่มีความเกี่ยวข้องกับการผลิตไวน์ในอดีตมาสืบทอดต่อในการผลิตไวน์มาจนถึงช่วงเวลาปัจจุบันอีกด้วยเช่นกัน
โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการนำองุ่นที่มีการเพาะปลูกในไร่องุ่นของแบรนด์ไวน์นี้มาใช้เท่านั้น โดยพื้นที่ในการเพาะปลูกไวน์นี้มีความกว้างขวางมากถึง 11 เฮกตาร์ด้วยกัน ซึ่งสายพันธุ์องุ่นที่ทางผู้ผลิตนั้นเลือกมาใช้และเป็นสายพันธุ์องุ่นเพียงหนึ่งเดียวที่มีการเพาะปลูกในไร่องุ่นนั้น ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Sauvignon Blanc ซึ่งเป็นสายพันธุ์องุ่นที่นิยมเป็นอย่างยิ่งที่ใช้ผลิตไวน์ทั้งไวน์แดงและไวน์ขาว โดยทางผู้ผลิตยังมีการอาศัยความรู้และเทคนิคเชิงลึกในการแยกองุ่นที่ใช้สำหรับทำไวน์แดงและไวน์ขาวในช่วงระหว่างการผลิตได้ ซึ่งเป็นวิธีการที่มีมาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.1920
ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้อีกว่าเป็นไวน์ที่มีไวน์ขาวที่มีจุดเด่นและเอกลักษณ์ที่สีของเนื้อสัมผัสเป็นสีใสปนเขียวอ่อนงดงามอย่างมาก อีกทั้งไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ขาวที่มีองค์ประกอบของเนื้อสัมผัสที่เหนียวแน่นพอดี จึงทำให้ไวน์ชนิดนี้มีความงดงามอย่างหาตัวได้จับได้ยาก อีกทั้งไวน์ชนิดนี้ยังมีลักษณะที่โดดเด่นจากกลิ่นและรสชาติของต้นโอ๊กและวานิลลาจางๆเป็นหลัก รวมทั้งยังมีการผสานกันกับองค์ประกอบอื่นจนทำให้ไวน์นี้มีความเฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำผึ้ง เนย ผลส้มเขียวหวาน เลม่อนและมะนาว
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและเนื้อสัมผัสที่ยอดเยี่ยมและน่าดึงดูดอย่างมาก เป็นไวน์ขาวที่มีสีของเนื้อสัมผัสเป็นสีเขียวใสผสานกันกับสีขาวสวยงาม อีกทั้งยังมีเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างเข้มข้น มีความสมดุลและมีความแห้งอย่างชัดเจน ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อหมู อาหารมังสวิรัติ เนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่หรือเนื้อเป็ด เนื้อปลาไขมันต่ำ และอาหารเรียกน้ำย่อยและขนมขบเคี้ยวต่างๆ นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 13-15.5% อีกด้วย
Pavillon Blanc du Chateau Margaux Bordeaux
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Clémentin de Pape Clément Pessac-Leognan นับได้ว่าเป็นไวน์แดงยอดนิยมที่มีการถูกสร้างสรรค์และถูกผลิตขึ้นมาภายใต้แบรนด์ไวน์ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 13 อย่าง Clémentin de Pape Clément ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตใหญ่อยู่ที่ย่านชุมชนที่มีชื่อเสียงด้านการผลิตไวน์แดงอย่าง Pessac-Leognan ซึ่งสามารถใช้เวลาเพียงแค่ 15 นาทีก็จะสามารถเดินทางมายังใจกลางเมือง Bordeaux ของประเทศฝรั่งเศส
ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างซับซ้อน อันเนื่องจากทางผู้ผลิตนั้นได้มีการนำองุ่นมากถึงสองสายพันธุ์มาใช้ในการผลิตไวน์ชนิดนี้ โดยสายพันธุ์องุ่นที่นำมาใช้นั้นทางผู้ผลิตได้มีการเลือกนำเอาองุ่นสายพันธุ์ Merlot 70% และองุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon 30% มาใช้ในการผลิต โดยองุ่นทั้งหมดนั้นจะต้องผ่านการเลือกสรรเอาเพียงแค่องุ่นที่มีคุณภาพที่สุดมาใช้ นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังมีกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างแตกต่างจากไวน์ชนิดอื่น ด้วยการนำเทคนิค Gravity Flow หรือการอาศัยแรงโน้มถ่วงมาใช้ในการผลิตไวน์นี้ด้วย ซึ่งจะใช้เทคนิคนี้เพื่อให้ไวน์นั้นกระจายตัวทุกองค์ประกอบกันได้อย่างดี นอกเหนือจากนี้ก็ได้มีการเพิ่มกระบวนการผลิตด้วยการปรับลดอุณหภูมิลงให้เหลือเพียงแค่ประมาณ 8 องศาเซลเซียสพร้อมทั้งบ่มองุ่นให้เนื้อผิวยุ่ยเป็นเวลายาวนานกว่า 30-35 วันก่อนที่จะนำไปหมักลงในถังไม้โอ๊กเป็นเวลายาวนานกว่า 16 เดือนและนำไปบรรจุลงในขวดไวน์ต่อไป
โดยไวน์ชนิดนี้ที่มีมนต์เสน่ห์ดึงดูดแก่นักดื่มหลากหลายท่านอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นลักษณะภายนอกทั้งรสชาติ รูปร่าง กลิ่นและเนื้อสัมผัสของไวน์ก็ดูดีอย่างมาก โดยเริ่มแรกจากสีของเนื้อสัมผัสของไวน์ที่เป็นไวน์แดงที่มีสีแดงเข้มสมกันกับเป็นไวน์แดงชั้นเยี่ยม บวกกันกับกลิ่นและรสชาติของไวน์ก็มีเอกลักษณ์จากใบยาสูบ และลูกพีทขาวที่มาในช่วงแรกด้วยความเข้มข้นอย่างดี หลังจากนั้นกลิ่นและรสชาติของผลส้ม รังผึ้งและผลไม้เมืองร้อนหลากหลายชนิดก็ได้เข้ามาแทรก ทำให้ไวน์ชนิดนี้มีมนต์เสน่ห์มากยิ่งขึ้นไปอีก นับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีความสมดุลในเนื้อสัมผัสเป็นอย่างดี
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมและชวนให้น่าลิ้มลองไวน์นี้เป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นความโดดเด่นของไวน์ที่เกิดมาจากผลไม้เมืองร้อน ผลส้ม และใบยาสูบ ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานไวน์นี้ควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวางและเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 12-14% อีกทั้งยังเป็นไวน์ที่มีอายุของไวน์นั้นที่ประมาณ10-15 ปีและควรเก็บรักษาไวน์ชนิดนี้ที่อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 15.5 องศาเซลเซียส หรืออยู่ที่ประมาณ 60 องศาฟาเรนไฮต์ และข้อแนะนำที่สำคัญคือก่อนรับประทานไวน์ชนิดนี้ นักดื่มควรที่จะนำไวน์ชนิดนี้ออกมาจากที่แช่ก่อนประมาณ 2-4 ชั่วโมงเพื่อทำให้เนื้อสัมผัสของไวน์มีความนุ่มนวล บางเบา และมีกลิ่นของไวน์ที่หอมมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
Clémentin de Pape Clément Pessac-Leognan
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Vin de Bourgogne Macon Axe นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งและเป็นไวน์ขาวที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาหรือมีการผลิตขึ้นมาภายใต้แบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Vin de Bourgogne ซึ่งเป็นแบรนด์ไวน์ที่มีชื่อเสียงเป็นระดับแนวหน้าของทวีปยุโรป รวมทั้งยังมีถิ่นฐานการผลิตอยู่ที่ทางด้านตอนใต้ของเมือง Bourgogne ในประเทศฝรั่งเศส โดยหมู่บ้านที่เป็นแหล่งการผลิตนั้นมีชื่อหมู่บ้านว่า Macon Axe Village ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อุดมไปด้วยสูตรเก่าแก่มากมาย
ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีการนำองุ่นเพียงแค่สายพันธุ์เดียวมาใช้ในการผลิตอย่าง Chardonnay แท้ 100% โดยองุ่นที่ทางผู้ผลิตได้มีการเลือกสรรมาใช้นั้นจะต้องมีการเพาะปลูกอยู่ในแทบเนินเขาอย่าง Maconnais ซึ่งเป็นเนินเขาในประเทศฝรั่งเศสที่มีการตั้งแนวเขาตามแนวแกนและมีการถูกแบ่งแยกรอยต่อของภูเขา จึงทำให้เหล่าเถาวัลย์สามารถแทรกไปที่เนินเขาจึงทำให้ดินอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างดี รวมทั้งเนินเขานี้ยังมีองค์ประกอบของปูนขาวจึงทำให้องุ่นสายพันธุ์ Chardonnay นั้นเติบโตได้ดี อีกทั้งสถานที่แห่งนี้จะมีดินที่เป็นดินทรายผสมกับดินเหนียวที่ละเอียดอย่างดีอีกด้วย
โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีลักษณะที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมและน่าดึงดูดใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีขาวสวยงามที่ผสานกันกับสีเหลืองทองใสสว่างสมกับเป็นไวน์ขาวชั้นเยี่ยม ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ไวน์ชนิดนี้ยังมีความเคลือบขอบรอบผิวสัมผัสเป็นสีเหลืองเขียวอีกด้วย อีกทั้งไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีเอกลักษณ์ทั้งในส่วนของกลิ่นและรสชาติของผลไม้กับดอกไม้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นดอกกุหลาบขาว ดอกอคาเซีย เฟิร์น สมุนไพรสายพันธุ์อเมริกันที่มีชื่อเรียกว่า Verbena ส้มสายน้ำผึ้ง ส้มแมนดาริน องุ่น ผลส้มเขียวหวานและดอกไม้บานอีกหลายชนิด ซึ่งทำให้ไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีความแห้งของเนื้อสัมผัสและความกลมกล่อมในตัวอีกด้วย
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่มีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่มีความโดดเด่นทั้งดอกไม้และผลไม้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นส้มแมนดาริน ส้มสายน้ำผึ้ง ส้มเขียวหวาน องุ่น ดอกอคาเซีย และเฟิร์น ซึ่งนับได้ว่าเป็นไวน์ที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับการคู่กับอาหารทานเล่น เช่น ขนมปัง มะกอก ถั่ว หรือสามารถนำไปดื่มควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนประกอบของปลาได้อีกด้วยเช่นกัน
Vin de Bourgogne Macon Axe
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Château La Couspaude Saint-Émilion นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการถูกผลิตและถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยแบรนด์ไวน์ที่มีชื่อเสียงในแถบทวีปยุโรปและมีตำนานการผลิตไวน์มาอย่างยาวนานนับกว่าศตวรรษและมีที่ดินในการเพาะปลูกองุ่นมากกว่า 7 เฮกตาร์หรือประมาณ 17 เอเคอร์อย่าง Château La Couspaude ซึ่งเป็นคฤหาสน์ที่มีความนิยมในการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์เป็นอย่างมากในทวีปยุโรป โดยบริษัทไวน์แห่งนี้ตั้งถิ่นฐานการผลิตใหญ่อยู่ที่เมือง Saint-Emilion Grand Cru ที่สังกัดอยู่ในเมือง Saint-Emilion ของเมือง Libournais ของภูมิภาค Bordeaux ในประเทศฝรั่งเศส
ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นหนึ่งในไวน์ที่มีการใช้สูตรต้นตำรับของชาว Bordeaux และสถานที่เพาะปลูกไวน์ที่มีการสืบทอดมาเป็นเวลายาวนานกว่า 300 ปีด้วยกัน ซึ่งนับได้ว่าหาได้ยากมากในวงการการผลิตไวน์ โดยทางผู้ผลิตนั้นได้มีการนำองุ่นมาใช้เป็นการใช้วัตถุดิบแบบผสมหรือ Bordeaux Blended Grapes ที่มีชื่อเสียงและเป็นเอกลักษณ์การผลิตไวน์ที่มีมักจะนำองุ่นมากถึงห้าสายพันธุ์ด้วยกันมาใช้ในการผลิตไวน์ โดยองุ่นที่นำมาใช้นั้น ทางผู้ผลิตได้เลือกใช้องุ่นสายพันธุ์ดังต่อไปนี้ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, Cabernet Franc, Malbec, Merlot และองุ่นสายพันธุ์ Petit Verdot โดยทางผู้ผลิตจะเลือกสรรองุ่นพันธุ์ดีมาหมักลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์ฝรั่งเศสใบใหม่แท้ 100% เป็นเวลายาวนานกว่า 18-20 เดือนด้วยกัน
โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้อีกว่าเป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัส กลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง เริ่มแรกจากสีของเนื้อสัมผัสของไวน์นั้นเป็นสีแดงที่ค่อนข้างเข้มอย่างยิ่ง เนื่องด้วยกลิ่นและรสชาติของไวน์ชนิดนี้จะอุดมไปด้วยผลไม้สีดำเข้มที่ค่อนข้างมาก รวมทั้งยังมีองค์ประกอบอื่นๆผสมผสานกันมาอย่างดีอีกด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นกาแฟเอสเปรสโซ่ ผลราสเบอร์รี่ ดอกกุหลาบจางๆ ผลเชอร์รี่ ชะเอมเทศและโกโก้ ซึ่งนับได้ว่ามีความชัดเจนในแต่ละส่วนอย่างดี
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างชัดเจน กลมกล่อม รวมทั้งยังมีเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างเต็มปากเต็มคำได้อย่างดีมากอีกด้วย ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานควบคู่กับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวางและเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 13-14% ซึ่งนับได้ว่าไม่สูงมากนักสำหรับไวน์ทั่วไป
Château La Couspaude Saint-Émilion
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Chateau Balestard La Tonnelle St. Emilion Grand Cru นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีคะแนนการประเมินจากนักดื่มไวน์ทั่วโลกว่าเป็นไวน์ยอดเยี่ยมและมีการถูกสร้างสรรค์หรือการผลิตขึ้นมาภายใต้แบรนด์ไวน์ชื่อดังที่มีชื่อเสียงมานานนับหลายปีอย่าง Vignobles Capdemourlin ซึ่งเป็นบริษัทผลิตไวน์ขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในทวีปยุโรป โดยบริษัทไวน์แห่งนี้ตั้งถิ่นฐานการผลิตใหญ่อยู่ที่เมือง Saint-Emilion Grand Cru ที่สังกัดอยู่ในเมือง Saint-Emilion ของเมือง Libournais ของภูมิภาค Bordeaux ในประเทศฝรั่งเศส
ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการนำองุ่นมากมายหลากหลายสายพันธุ์มาใช้ในการผลิตในครั้งนี้ โดยอัตราส่วนการผลิตในแต่ละปีก็จะมีความแตกต่างอยู่ด้วยเช่นกัน โดยองุ่นที่ทางผู้ผลิตนั้นได้มีการเลือกสรรและนำมาใช้นั้นมีทั้งหมดห้าสายพันธุ์ ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, Cabernet Franc, Merlot, Malbec และองุ่นสายพันธุ์ Petit Verdot โดยองุ่นทั้งห้าสายพันธุ์มาหมักลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์ฝรั่งเศสใบใหม่กว่า 50% เป็นเวลายาวนานกว่า 15-18 เดือนด้วยกัน ด้วยกรรมวิธีการผลิตแบบสูตรดั้งเดิมต้นตำรับตามวิธีการผลิตของชาว Bordeaux
โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีลักษณะภายนอกที่น่าดึงดูดตาและน่าดึงดูดใจเป็นอย่างยิ่ง ด้วยลักษณะของสีของเนื้อสัมผัสของไวน์นี้ที่ค่อนข้างมีความเข้มข้นอย่างยอดเยี่ยม มีสีที่ค่อนข้างเป็นแดงเข้มอย่างชัดเจน รวมทั้งไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างสดชื่น มีชีวิตชีวาและมีความเบาบางนุ่มนวลอย่างยิ่ง ซึ่งนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีเอกลักษณ์ที่ความหวานเฉพาะตัวที่มาจากผลไม้สีแดงหลากหลายชนิดที่ผสานกันกับความเข้มข้นของชะเอมเทศและผงโกโก้
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติทีค่อนข้างยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง มีทั้งความหวานและความเข้มข้นในส่วนของกลิ่นและรสชาติกันได้อย่างลงตัว เป็นไวน์ที่มีครบรสทั้งความหวาน เข้มข้น สดชื่น มีชีวิตชีวาและความเบาบางนุ่มนวล ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานไวน์นี้ควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวางและเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อเป็ดหรือเนื้อไก่ นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 14-15% เพียงเท่านั้น
Chateau Balestard La Tonnelle St. Emilion Grand Cru
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Chateau Rouget Pomerol นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการถูกสร้างสรรค์และผลิตขึ้นมาจากแบรนด์ไวน์ที่มีชื่อเสียงเป็นระดับแนวหน้าของทวีปยุโรปอย่าง Chateau Rouget ที่มีความสามารถในการผลิตไวน์อย่างมากและมีพื้นที่ในการเพาะปลูกองุ่นที่ใช้ในการผลิตไวน์มากถึง 17 เฮกตาร์หรือมากถึง 42 เอเคอร์ด้วยกัน นับได้ว่าเป็นแบรนด์ไวน์ที่มีกระบวนการผลิตที่ครบวงจร โดยแบรนด์ไวน์ชนิดนี้มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตใหญ่อยู่ที่เมือง Pomerol ซึ่งเป็นเมืองที่มีเครดิตความน่าเชื่อถือเป็นอย่างมากในการผลิตไวน์แดง ซึ่งเมืองนี้ตั้งอยู่ในเขตการปกตรอง Bordeaux ที่อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส
ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างซับซ้อนอยู่พอสมควร เนื่องจากมีการนำองุ่นเพียงแค่ชนิดเดียวมาใช้ในกระบวนการผลิต โดยองุ่นที่ทางผู้ผลิตได้มีการเลือกใช้นั้น ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Merlot แท้ 100% ซึ่งทางผู้ผลิตได้มีการเลือกสรรวัตถุดิบชั้นเยี่ยมจากไร่ของตนมาใช้ในการผลิตเท่านั้น เพื่อที่เขาจะควบคุมคุณภาพของผลองุ่นทุกลูกให้ดีที่สุด แล้วหลังจากนั้นทางผู้ผลิตจึงได้มีการเพิ่มลูกเล่นให้กับไวน์นี้ด้วยการนำองุ่นทั้งหมดไปหมัก โดยแบ่งเป็นทั้งหมดสองส่วนด้วยกัน โดยส่วนน้อยที่มีเพียงแค่ 35%. ทางผู้ผลิตจะนำไปหมักไวน์ด้วยการ Micro-Vinification Technique เพื่อทำให้ไวน์เพียงแค่จำนวนครั้งละน้อยๆ เพื่อให้รสชาติเกิดความพิเศษและเท่าเทียมกันแทนการหมักลงไปทั้งหมดภายในครั้งเดียว แล้วในส่วนของกลุ่มที่เหลือนั้น ทางผู้ผลิตได้มีการนำไปหมักลงในถังไม้บาร์เรลแบบถังไม้โอ๊กสายพันธุ์ฝรั่งเศสใบใหม่เป็นเวลาเฉลี่ยยาวนานกว่า 15-18 เดือน ก่อนที่จะนำทั้งสองส่วนมารวมกันและนำไปบรรจุลงในขวดไวน์
โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีมนต์เสน่ห์ในทุกด้าน ไม่ใช่เพียงแค่กรรมวิธีการผลิตเท่านั้น แต่ว่าลักษณะกับรูปร่างภายนอกก็น่าดึงดูดไม่แพ้กัน โดยเริ่มแรกจากสีของเนื้อสัมผัสของไวน์นั้นจะออกไปทางสีแดงเข้มที่แสดงถึงความเข้มข้นขององค์ประกอบของไวน์ บวกกันกับกลิ่นและรสชาติของไวน์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นดอกไม้ ผลไม้ป่าสีดำหลากหลายชนิด รวมทั้งชะเอมเทศที่แตะจมูกและถ่ายทอดรสสัมผัสแก่ผู้ดื่มได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้นับได้ว่ามีความเข้มข้น บางเบา นุ่มนวล สดชื่น มีชีวิตชีวาและมีความสมดุลกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีความเหมาะสมเป้นอย่างยิ่งที่จะรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อวัว เนื้อกวาง เนื้อแกะและเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ13.5%
Chateau Rouget Pomerol
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Chateau Labegorce Margaux นับได้ว่าเป็นไวน์ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาภายใต้แบรนด์ไวน์ชื่อดังที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่งในแถบทวีปยุโรปอย่าง Chateau Labegorce ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตหลักอยู่ที่ย่านชุมชนที่มีชื่อเสียงในการผลิตไวน์อย่าง Margaux ของเมือง Bordeaux ที่อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งสถานที่แห่งนี้ นอกจากจะเป็นสถานที่ที่ใช้ในการผลิตไวน์ที่สำคัญเป็นระดับแนวหน้าของโลกแล้ว ยังนับได้ว่าเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงว่าเป็นคฤหาสน์ที่ใช้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในเชิงประวัติศาสตร์อีกด้วยเช่นกัน
ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการผลิตที่ค่อนข้างซับซ้อนและพิถีพิถันอย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นในส่วนแรกที่มีการเลือกและคัดสรรองุ่นมากถึงสี่สายพันธุ์ด้วยกัน ซึ่งสายพันธุ์องุ่นที่นำมาใช้ในการผลิตนั้น ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Merlot, Cabernet Sauvignon, Cabernet Franc และองุ่นสายพันธุ์ Petit Verdot โดยปริมาณและอัตราส่วนที่นำมาใช้ในการผลิตในแต่ละปีจะมีความแตกต่างกัน ซึ่งทางผู้ผลิตนั้นจะมีการนำองุ่นทั้งหมดมาใช้ในการผลิตไปหมักลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์ฝรั่งเศสใบเยี่ยมที่ค่อนข้างใหม่เกือบ 50% ด้วยกัน ไปหมักเป็นเวลายาวนานกว่า 15 เดือนด้วยกัน
โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัส กลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างดียิ่ง โดยเริ่มแรกนั้น สีของเนื้อสัมผัสนั้นงดงามอย่างมาก เป็นไวน์ที่มีสีแดงเข้มสวยงามอย่างยิ่ง ซึ่งไวน์ชนิดนี้ไม่ได้มีดีเพียงแค่สีของเนื้อสัมผัสเท่านั้น ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นที่ค่อนข้างเข้มข้นอย่างมาก มีทั้งกลิ่นและรสชาติของดอกไม้นานาชนิด รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่อยู่มาก มีทั้งเบอร์รี่สีดำ บลูเบอร์รี่ ช็อกโกแลต ผลเชอร์รี่ เมล็ดกาแฟและลูกพลัมสุก ซึ่งนับได้ว่ามีความชัดเจนและมีความสดชื่น ความเปรี้ยวจากสารแทนนินและความเบาบางได้อย่างดีอีกด้วย
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง มีทั้งกลิ่นและรสชาติของดอกไม้ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ช็อกโกแลต สารแทนนิน เชอร์รี่ ช็อกโกแลตและลูกพลัมสุก ซึ่งนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีความเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวาง และเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 12.5-14.5% ซึ่งนับได้ว่าไม่สูงมากเมื่อเทียบกับไวน์ทั่วไป
Chateau Labegorce Margaux
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Château Bahans Haut-Brion 1998 นับได้ว่าเป็นไวน์ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาภายใต้แบรนด์ไวน์ชื่อดังที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่งในแถบทวีปยุโรปอย่าง Château Bahans Haut-Brion ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตหลักอยู่ที่เมือง Pessac-Léognan ที่อยู่ทางด้านตอนใต้ของเมือง Bordeaux ของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งสถานที่แห่งนี้ นอกจากจะเป็นสถานที่ที่ใช้ในการผลิตไวน์ที่สำคัญเป็นระดับแนวหน้าของโลกแล้ว ยังนับได้ว่าเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงว่าเป็นคฤหาสน์ที่ใช้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในเชิงประวัติศาสตร์อีกด้วยเช่นกัน
ซึ่งไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการนำองุ่นมากถึงห้าชนิดด้วยกันมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตตามหลักการผลิตไวน์แดงของ Bordeaux ซึ่งองุ่นที่ทางผู้ผลิตได้เลือกสรรมาใช้ก็คือ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, Cabernet Franc, Merlot, Petit Verdot และองุ่นสายพันธุ์ Malbec ซึ่งปริมาณและอัตราส่วนขององุ่นที่นำมาใช้นั้นก็จะค่อนข้างแตกต่างกันตามปีที่มีการผลิต โดยทางผู้ผลิตนั้นก็จะนำองุ่นทั้งหมดนั้นไปหมักลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์ฝรั่งเศสตามสูตรต้นตำรับที่มีการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นของชาวพื้นเมือง
โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีมนต์เสน่ห์ทางด้านรูปลักษณ์ภายนอกและความประทับใจจากกลิ่นและรสชาติอย่างยอดเยี่ยม ด้วยตัวเนื้อสัมผัสของไวน์นี้เป็นไวน์แดงที่มีแดงเข้มราวกับสีของอิฐผสานกันกับสีของโกเมน รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายและรสสัมผัสของครีมและผลบลูเบอร์รี่ที่ผสานกับกลิ่นและรสชาติของผลเบอร์รี่สีดำ ซึ่งนับได้ว่าสวยงามเป็นอย่างดี
ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมอย่างดียิ่ง ไม่ว่าจะเป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัสที่เป็นสีแดงสวยงาม มีกลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมจากครีม บลูเบอร์รี่และผลเบอร์รี่สีดำ ซึ่งนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับการรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวางและเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ13-14.5% อีกด้วยเช่นกัน
Château Bahans Haut-Brion 1998
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Posts navigation
แนะนำเหล้านอก
error: Content is protected !!