Category Archives: Wine

รีวิวไวน์ Wine โดย รีวิวเหล้านอก.com

Chateau Petit-Figeac

Chateau Petit-Figeac

 

ไวน์แดงสัญชาติฝรั่งเศษ จาก Saint-Emilion ที่คัดเลือกองุ่นแดงอย่างดี มาเพื่อทำไวน์ และด้วยการทำไวน์ที่ใช้ประสบการณ์สูง ทำให้ไวน์ขวดนี้มีรสชาติที่คุณจะไม่ลืม ทั้งโน้ตที่ยาวนานและรสสัมผัสอันกลมกล่อมที่เหมาะกับค่ำคืนแสนพิเศษของคุณ

 

กลิ่น: มีโน้ตของผลไม้และเปิดตัวด้วยกลิ่นหอมของลูกพลัมสีดำ ตามด้วยโน้ตของเชอร์รี่สีดำ มัลเบอร์รี่ หลังจากนั้นจะมีกลิ่นของเครื่องเทศอย่างซินนาม่อน

 

รสสัมผัส: เริ่มต้นด้วยความฟรุ้ตตี้จากเชอร์รี่ ทำให้คุณจะได้รสสัมผัสที่เปรี้ยวของผลไม้ต่าง ๆ ทั้งเชอร์รี่ มัลเบอร์รี่ และลูกพลัม รสชาติที่คุณจะได้สัมผัสจะทำให้รู้สึกสดชื่น และฝาด แต่ให้ความกลมกล่อมทั้งจากผลไม้และเครื่องเทศต่าง ๆ

Chateau La Croix Du Casse 2016 POMEROL

Chateau La Croix Du Casse 2016 POMEROL

ไวน์แดงสัญชาติฝรั่งเศษ จากพื้นที่ของ Pomeral ที่คัดเลือกองุ่นแดงอย่างดี มาเพื่อทำไวน์ และด้วยการทำไวน์ที่ใช้ประสบการณ์สูง ทำให้ไวน์ขวดนี้มีรสชาติของซิตรัส และผลไม้สุกมาพร้อมกับรสชาตินุ่มละมุนและกลิ่นอันเย้ายวนใจ

 

กลิ่น: มีโน้ตของผลไม้สุกและเฮเซลนัท ผสมผสานกับกลิ่นของกาแฟ มาพร้อมกับสมุนไพรต่าง ๆ

 

รสสัมผัส: เริ่มต้นด้วยรสชาติของผลไม้สุกที่ทำให้คุณได้สัมผัสความนุ่มละมุนของไวน์แดง ดื่มด่ำไปกับรสชาติของซิตรัส ให้รสสัมผัสของสมุนไพรด้วยกลิ่นหอมของอโรม่า และมีความฝาดแต่เต็มไปด้วยความกลมกล่อม ที่จะทำให้คุณได้รสสัมผัสของลูกพลัมสีแดง และแบล็คเบอร์รี่ ที่มาพร้อมด้วยรสชาติของสมุนไพร

 

Chateau Du Grand Soussans Margaux

Chateau Du Grand Soussans Margaux

 

ไวน์แดงสัญชาติฝรั่งเศษ สีแดงรูบี้ จากพื้นที่ในแถบ BORDAUX ที่มีชื่อเสียงในการหมักไวน์และผลองุ่นแดงที่อุดมสมบูรณ์ จึงทำให้ไวน์ขวดนี้มีความฉ่ำของรสชาติและรสสัมผัสที่นุ่ม แต่ก็ยังมีรสชาติที่โดดเด่นจากเบอร์รี่สีดำต่าง ๆ

กลิ่น: มีโน้ตของแบล็คเคอแร้นท์ บลูเบอร์รี่ และมีกลิ่นของสตรอเบอรี่ป่า นอกจากนี้คุณจะยังได้โน้ตของชะเอมอีกด้วย

 

รสสัมผัส: เริ่มต้นด้วยรสชาติผลไม้และเบอร์รี่ต่าง ๆ ทำให้คุณจะได้รสสัมผัสที่เข้มข้น แต่ยังมีความกลมกล่อมด้วยตามด้วยความฝาดจากไวน์ หากคุณต้องการอาหารที่ทานคู่กับไวน์ขวดนี้ล่ะก็ ต้องเป็นเนื้อแดง เนื้อย่าง และเนื้อแกะ ก็จะช่วยเสริมให้มื้ออาหารของคุณเต็มไปด้วยความอิ่มเอม

 

Harlan Estate Napa Valley 2015

Harlan Estate 2015, Harlan Estate, Napa Valley, United States, Red Wine

 

ไวน์แดงสไตล์วินเทจสุดหรูสัญชาติ USA จาก Napa Valley แห่ง Harlan Estate ที่มีความเข้มข้นเป็นอย่างมาก ซึ่งชื่อเสียงของ Harlan Estate เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ดังที่ถูกขนานนามจากนักดื่มทั่วโลกว่าเป็น “สัตว์ร้ายแห่งไวน์แดง” เพราะความช่ำชองในกระบวนกลั่นและการผลิตไวน์ที่มีคุณภาพสูง เน้นความวินเทจหรูหรา เป็นกระบวนการผลิตที่มีความปราณีคพิถีพิถันเฉพาะตัว ผลผลิตจากผลไม้ที่ใช้นั้นเป็นผลผลิตที่มีคุณภาพโดยเป็นผลไม้ที่ถูกปลูกขึ้นมาบนสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก เรียกได้ว่า Harlan Estate นั้นเป็นอุตสาหกรรมการผลิตไวน์ที่ยาวนานมากว่าทศวรรษเลยทีเดียว

เครื่องดื่มสีโกเมนเข้มที่ได้จากส่วนผสมขององุ่นทั้งสามพันธุ์ องุ่นชั้นดีในกระบวนการผลิตไวน์แดงหรูหราคลาสสิค Cabernet Sauvignon, Cabernet Franc, Merlot และ Petit Verdot ซึ่งเป็นที่ยอมรับในแวดวงอุตสาหกรรมการผลิตไวน์แดงไปทั่วโลกเพราะความเป็นสุดยอดพรรณองุ่นที่ให้รสชาติของไวน์ที่ให้รสชาติที่มีความกลมกล่อมเข้มข้น มีความหอมหวานจากรสชาติเฉพาะตัวที่ดื่มง่าย เหมาะสำหรับนักดื่มที่รักการดื่มไวน์จากทุกหนทุกแห่ง

จุดเด่นของไวน์แดงรุ่นนี้อยู่ที่เครื่องดื่มชั้นเยี่ยมสีสดที่มีความคลาสสิกเซ็กซี่เย้ายวนใจด้วยกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่าง กลิ่นแบล็คเคอแรนท์ แบล็กเบอร์รี่ หินบด กราไฟต์ การบูรควัน และกลิ่นยาสูบแห้ง สีม่วงโกเมนเข้มที่ได้เนื้อและรสชาติเข้มข้นจากเชอร์รี่สีดำครีมและพุดดิ้งพลัมผสานกับความเข้มข้นจากแทนนินเนื้อละเอียดที่สุกงอมได้อย่างประณีตลงตัว

โดยรวมเป็นไวน์แดงที่มีบุคลิกร้อนแรง มีสเน่ห์ เย้ายวนใจ มีความยั่วยวน คลาสสิค เป็นเอกลักษณ์ ทรงพลังแต่ดื้อดึงอยู่ในตัว มีความหวานหอมกลมกล่อมอย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความกระสันเป็นอย่างยิ่งเมื่อเครื่องดื่มแก้วโปรดได้ถูกเสิร์ฟคู่กับเนื้ออบชั้นเลิศอย่าง เนื้อวัว เนื้อแกะ และ เนื้อกวาง ก็ยิ่งยากที่จะถอนตัวเพียงแค่แก้วเดียวได้ เหมาะสำหรับการดื่มเนื่องในโอกาสพิเศษ สังสรรค์ หรือดื่มฉลองในมื้อค่ำพิเศษพร้อมคนพิเศษของคุณได้อย่างสนุกสนาน

Le Pin 2010, Le Pin Bordeaux, France, Red Wine

Le Pin 2010, Le Pin Bordeaux, France, Red Wine

ไวน์แดงสัญชาติฝรั่งเศสที่ได้ถูกหมักขึ้นมาจากองุ่นชั้นดีพันธุ์ Merlot แบบ 100% แม้จะเป็นองุ่นสายพันธุ์เล็กซึ่งสามารถเจริญเติบโตได้ในภูมิอากาศที่ค่อนข้างร้อนและแห้ง แต่กลับได้ผลดีในฤดูเก็บเกี่ยวจากไร่องุ่นอย่าง Le Pin ที่มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก

ความเขียวชอุ่มจากไร่ไวน์จากองุ่นพันธุ์ Merlot หรูหราที่วัตถุดิบพืชผลอย่างองุ่น Merlot นั้นได้ถูกปลูกท่ามกลางวัตถุดิบการเกษตรอันทรงคุณค่าอย่าง ดินเหนียว กรวด และธาตุเหล็ก ในขณะที่การผลิตไวน์แบบทั่วไปจะใช้ส่วนผลิตจากการปลูกโดยใช้ดินราคาถูกอย่างดินปนทรายที่มีความเป็นกรดมากกว่า ทำให้ได้องุ่นรสชาติธรรมดาที่ไม่ได้มีความแตกต่างโดดเด่น ในขณะที่ตัวไวน์ Le Pin 2010 นั้นมีราคาที่สูงกว่าไวน์ยี่ห้ออื่นๆเพราะความพรีเมี่ยมหรูหราแปลกใหม่และรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมการผลิตไวน์ในแบบอื่นๆ

จุดเด่นของเหล้าองุ่นรุ่นนี้นั้นได้มาจากผลผลิตขององุ่นที่ที่มีขนาดเล็กกว่าปกติของ Merlot ทำให้ได้เหล้าองุ่นสีพลัมออกม่วงเข้มที่มีกลิ่นหอมโดดเด่นจากไม้อ็คสดใหม่ผสานกับกับความเข้มข้นของ Uber,แคสซิส,เชอร์รี่สีดำผสานกับกลิ่นของชะเอมเทศ ตัวไวน์แดงมีรัสสัมผัสและบอดี้ที่เต็มเปี่ยมด้วยความหวานของแทนนิน,เชอร์รี่ดำและผลไม้สีดำรสชาติหวานแซมเปรี้ยว ได้รสชาตินุ่มลึกเข้มข้นที่ลงตัวและสมดุลเป็นอย่างมาก

โดยภาพรวมนั้นเป็นไวน์แดงที่มีความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น มีบุคลอกภาพที่น่าดึงดูดเย้ายวนใจ มีความล้ำลึกนุ่มนวลในรสชาติจากความปราณีตพิถีพิถันของกระบวนการผลิตไวน์มาอย่างยาวนานถึง 12 ปี เป็นเหล้าองุ่นที่เหมาะแก่การรับประทานคู่กับทานคู่กับกลุ่มอาหารประเภทเนื้อแดงชั้นดี อย่าง เนื้อวัวหรือเนื้อแกะย่างเนย รวมถึงการรับประทานคู่กับอาหารประเภทสัตว์ปีกอย่าง เป็ดและไก่ เป็นต้น เป็นไวน์แดงที่มักจะใช้ดื่มตามงานพิเศษหรือโอกาสสำคัญๆต่างพร้อมกับคนพิเศษสุดๆของคุณนั้น เพื่อช่วยเปิดประสบการณ์สังสรรค์สุดพิเศษให้แก่คุณได้อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

 

 

 

 

Quinta Do Noval Nacional Vintage Port 1963

Quinta Do Noval Nacional Vintage Port 1963

 

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตำนานเหล้าองุ่นสัญชาติโปรตุเกส โดยโปรตุเกสเองนั้นก็เป็นภูมิภาคที่ขึ้นชื่อด้านการผลิตไวน์ที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของยุโรปและมีการส่งออกไวน์มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เหล้าองุ่นแดงตัวนี้ถูกสร้างขึ้นจากไร่องุ่นชั้นดีอย่าง Quinta do Noval ซึ่งเป็นหนึ่งในท่าเทียบเรือเก่าแก่ที่สุดจากประเทศโปรตุเกส โดยใช้วัตถุดิบนานาชนิด โดย Quinta do Noval นั้นเป็นไร่องุ่นที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากซึ่งเป็นไร่องุ่นที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงชันจากใจกลางหุบเขา Douro

องุ่นสายพันธุ์ชั้นดีจากไร่แห่งนี้ได้ถูกนำมาใช้ในกระบวนการผลิตไวน์แดงชั้นเยี่ยม รวมถึงมีการนำผลไม้ต่างๆที่ถูกปลูกขึ้นในพื้นที่ของท่าเทียบเรือ โดยไวน์ชนิดเก่าแก่ที่ได้ถูกกลั่นออกมาทั้งหมดนั้น ได้นำวัตถุดิบจากไร่องุ่น Quinta do Noval มาใช้เพียงแห่งเดียวเท่านั้น

La Tâche 1962 Domaine de la Romanée-Conti

La Tache 1962, Domaine de la Romanee-Conti, Burgundy, France, Red Wine

เรียกได้ว่าประวัติความเป็นมาของ Romanée-Conti นั้นเป็นชื่อที่โด่งดังและมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เริ่มจากในปี ค.ศ. 1760 เจ้าชายหลุยส์-ฟรองซัวส์ เดอ บูร์บง-คอนติ ได้ซื้อที่ดินผืนหนึ่งในเมืองโวสเน-โรมาเน่ ซึ่งเป็นที่ดินที่ปลูกขึ้นโดยบรรพบุรุษของแซงต์-วิวังต์ ก่อนจะสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2319

ต่อมาในปี 1794 ที่ดินผืนนี้ได้ถูกริบและถูกซื้อโดยเศรษฐีอย่าง Henry-Frédéric Roch, Lalou Bize-Leroy และผู้อำนวยการ Aubert de Villaine ซึ่งเป็นเจ้าของในวันนี้จนกลายเป็นเป็นไร่องุ่นสุดหรูหราในปัจจุบันนี้ โดยกรรมวิธีที่ใช้ในการผลิตไวน์แดงสุดหรูจากไร่องุ่นที่มีชื่อเสียงแห่งนี้นั้น จะใช้วัตถุดิบเป็นองุ่นที่ได้รับการดูแลอย่างดีโดยมีการควบคุมผลผลิตอย่างเข้มงวดและเมื่อเข้าฤดูเก็บเกี่ยวก็จะเก็บเกี่ยวอย่างช้าที่สุดเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ไวน์แดงที่มีกลิ่นหอมและอุดมสมบูรณ์มากที่สุดนั่นเอง

ด้วยเอกลัษณ์เฉพาะตัวของตัวเครื่องดื่มเส้นรูบี้เข้มข้นที่มีกลิ่นหอมพิเศษของผลไม้สีเข้มผสานกับเห็ดทรัฟเฟิลและเครื่องเทศรวมทั้งกลิ่นของช่อดอกไม้เข้มข้นนานาพันธุ์ ให้รสชาติที่มีหอมหวานละเอียดอ่อนจากองุ่นและผลไม้เนื้อแดงนานาชนิต ความรู้สึกถึงความบริสุทธิ์ไม่ซับซ้อน มีความสมดุลของเนื้อเครื่องดื่มที่ไม่แห้งผากหรือเข้มข้นบาดคอจนเกินไป รสชาติที่ยังคงค้างอยู่ทั่วเพดานปากอย่างยาวนาน ทำให้สามารถดื่มได้อย่างเพลิดเพลินจำเริญใจ

โดยภาพรวมเป็นไวน์แดงอายุน้อยที่มีเสน่ห์น่าดึงดูดอย่างมาก มีบุคลิกไม่ซับซ้อน แสดงถึงความบริสุทธิ์สดใส แม้จะเป็นไวน์จากพื้นที่หรูหราเก่าแก่แต่กลับให้ความอบอุ่นเป็นมิตรและเข้าถึงง่ายอย่างมาก ไวน์แดงพร้อมเสิร์ฟคู่กับอาหารจำพวกเนื้อแดงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อแกะย่าง, ขาแกะอบ, เนื้อกวาง, สเต็กเนื้อแดง รวมถึงอาหารจำพวกสัตว์ปีกต่างๆเช่น ไก่และเป็ดเสิร์ฟคู่เนยแข็ง เพื่อเพิ่มรสชาติของมื้อค่ำให้มีสีสันและรับประทานอร่อยมากยิ่งขึ้น แม้จะเป็นไวน์แดงที่มีราคาแพง เป็นกลับคุ้มค่าสำหรับนักสะสมไวน์ทั่วโลก ด้วยประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ กรรมวิธีการผลิตที่มีความปราณีต รวมถึงรสชาติน่าค้นหาที่ช่วยสร้างประสบการณ์การดื่มไวน์สุดแสนพิเศษให้แก่คุณ

 

Woodbridge White Zinfandel

Woodbridge White Zinfandel

Woodbridge White Zinfandel ไวน์สีชมพูสตรอว์เบอร์รี่สีคมชัดจากองุ่นพันธุ์ Zinfandel และยังน่าลิ้มลองยิ่งไปด้วยผลไม้นานาชนิด ซึ่งจะออกมาในรูปแบบของกลิ่นของเชอร์รี่และองุ่นพันธุ์ต่าง ๆ ซึ่งส่งผลทำให้มันมีรสที่กลมกล่อมอย่างยิ่ง รวมไปถึงมันยังมีเนื้อสัมผัสที่ละเอียดอ่อนและนุ่มนวล ก็ยิ่งทำให้ Woodbridge White Zinfandel ได้ถูกพูดถึงมากยิ่งขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้ Woodbridge White Zinfandel ได้รับความนิยมอย่างมากและมากกว่าเดิม นั่นก็คือ รสชาติของ Woodbridge White Zinfandel ที่เป็นรสชาติของผลไม้หวาน ที่ทำให้เราสามารถละมุนกับรสชาติความหวานนี้ไปทั่วเพดานปาก และยิ่งได้รับประทานไปพร้อมกับชีสเปรี้ยวก็ยิ่งทำให้รสชาติของไวน์นี้ละมุนและจัดจ้านไปในเวลาเดียวกันเลยทีเดียว และด้วยรสชาติแบบนี้นั่นเอง จึงทำให้มันเหมาะกับเมนูไก่ ปลา จนไปถึงพวกผักเลยนั่นเอง รวมถึงยังเหมาะแก่การดื่มในช่วงบ่ายที่ถูกย้อมด้วยแดดอันอบอุ่นอีกด้วย

 

 

Wolf Blass Red Label Pink Moscato

Wolf Blass Red Label Pink Moscato

ไวน์แดงจากองุ่นพันธุ์ Moscato ซึ่งมีถิ่นกำเนิดที่สำคัญอย่างมาก นั่นก็คือ แถบออสเตรเลียใต้ นั่นเอง และยังน่าลิ้มลองยิ่งไปด้วยผลไม้นานาชนิด โดยจะออกมาในรูปแบบของกลิ่นองุ่นที่ตากแดด ดอกซิตรัส กลีบกุหลาบ และมัสค์รสหวาน ซึ่งส่งผลทำให้มันมีรสที่กลมกล่อมอย่างยิ่ง รวมไปถึงมันยังมีเนื้อสัมผัสที่ละเอียดอ่อนและนุ่มนวล ก็ยิ่งทำให้ Wolf Blass Red Label Pink Moscato ได้ถูกพูดถึงมากยิ่งขึ้นนั่นเอง ซึ่งด้วยกลิ่นอายของไวน์ที่เป็นแบบนี้นี่เอง จึงทำให้ Wolf Blass Red Label Pink Moscato เหมาะสำหรับอาหารอย่างพืชใต้ดินแบบแครอท หรือน้ำเต้า นอกจากนี้ Wolf Blass Red Label Pink Moscato ก็ยังมีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 6.5% ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่พอเหมาะเลยทีเดียว

 

Wolf Blass Red Label Cabernet Sauvignon Merlot

Wolf Blass Red Label Cabernet Sauvignon Merlot

ไวน์แดงจากองุ่นพันธุ์ CABERNET SAUVIGNON และ MERLOT และยังน่าลิ้มลองยิ่งไปด้วยผลไม้นานาชนิด ซึ่งจะออกมาในรูปแบบของกลิ่นพลัม แคสซิส และปิดท้ายด้วยแบล็กเบอร์รี่ รวมไปถึงมันยังมีเนื้อสัมผัสที่ละเอียดอ่อนและนุ่มนวล อีกทั้งยังมีความชุ่มฉ่ำในลักษณะของไวน์แดงคุณภาพ และยังรักษาคุณภาพของเนื้อสัมผัสแบบนี้ได้อย่างยาวนานอีกด้วย ซึ่งด้วยคุณสมบัติแบบนี้นี่เองจึงทำให้มันเหมือนกับการดื่มไปพร้อมกับเนื้อวัว เนื้อแพะ บาร์บีคิว และเนื้อหมักได้อย่างดีเลยทีเดียว ซึ่งคุณสมบัติที่ได้กล่าวไปข้างต้นนี้นั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ได้ช่วยยกระดับให้ Wolf blass red label cabernet merlot ได้ถูกพูดถึงมากยิ่งขึ้นนั่นเอง