ไวน์แดงสีม่วงเข้มสัญชาติอิตาลีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดยสำหรับรุ่นนี้จุดเด่นอยู่ที่มีลักษณะเฉพาะของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่สร้างจากพลัง ความสง่างาม และความสมดุลจากองุ่นโบราณ โดยองุ่นแต่ละชนิดถูกนำมาใช้ในเปอร์เซ็นต์ที่แตกต่างกันคือ Cabernet Sauvignon และ Merlot โดยเพิ่ม Cabernet Franc, Petit Verdot และ Syrah ในเปอร์เซ็นต์เล็กน้อยด้วย
กลิ่น: โน้ตที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของลูกเกดดำ, แบล็คเบอร์รี่, สมุนไพรป่า, เครื่องเทศผสมผสานกับกลิ่นแร่ธาตุที่ให้ความบริบูรณ์และความเอื้ออาทรทางความรู้สึกเป็นอย่างมาก
รสสัมผัส: มีรสหวานจากวานิลลาและเชอร์รี่โอ๊ค เป็นไวน์ที่กลมกลืนกับผลไม้ที่มีเกรนละเอียดซึ่งมีโครงสร้างเป็นแทนนินและมีความเป็นกรดปานกลาง โดยรวมแล้วเป็นไวน์ชั้นดีมีความสมบูรณ์และความสดใหม่ของโทนิคจากผลไม้ที่อุดมสมบูรณ์ให้ความรู้สึกราวกับสัมผัสอยู่ท่ามกลางแสงแดดของทัสคานีที่ร้อนระอุเลยทีเดียว
ไวน์แดงสัญชาติอิตาลีที่ได้ใช้ส่วนผสมขององุ่นจากไร่องุ่นทั้งสามแห่งนี้ที่ผลิตในโรงกลั่นเหล้าองุ่นสมัยใหม่แต่ใช้วิธีดั้งเดิม โดยสำหรับองุ่นจากไร่องุ่นทั้งสามนี้นั้นจะหมักแยกกันที่อุณหภูมิควบคุม โดยจะหมักบนผิวองุ่นเป็นเวลา 20-25 วัน ไวน์มีอายุ 24 เดือนในถังไม้โอ๊คสลาโวเนียน 50 hl และ 12 เดือนในถังคอนกรีตก่อนที่จะใส่ขวดอย่างน้อย 12 เดือน
กลิ่น: มีกลิ่นหอมของเบอร์รี่ป่าที่แกนกลางผสมผสานกับผลไม้หลักที่รายล้อมไปด้วยโน้ตของเครื่องเทศเบา ๆ ผสานกับกลิ่นสมุนไพรย่างและดินปลูกพืช มีความบริสุทธิ์ลึกซึ้งและแสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนตามธรรมชาติของไวน์ชั้นดี
รสสัมผัส: มีรสชาติกลมกล่อมและที่เพดานปากสัมผัสได้ถึงความสุกของเชอร์รี่สด ใบชา และความขมของเปลือกส้มที่น่ารื่นรมย์สดชื่นแจ่มใส
ไวน์แดงสีม่วงเข้มแบบ Blended สัญชาติฝรั่งเศสรุ่นปี 2010 ที่มีความแห้งเป็นอย่างมาก ซึ่งตัวLabel นั้นแสดงถึงปราสาท Lynch-Moussas ตั้งอยู่บนสันเขากรวดที่สวยงามมาก ใกล้กับหมู่บ้าน Artigues และ Grand Puy และปราสาท Batailley cru นี้ผลิตไวน์ที่เข้มข้นและเหมือนช่อดอกไม้มาก ทำให้เกิดกลิ่นหอมที่เข้มข้น
กลิ่น: มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากโน้ตของผลไม้สีดำ, ยารักษาโรค, หนังสัตว์, ยาสูบ และขี้กบดินสอผสมผสานกันอย่างซับซ้อน
รสสัมผัส: ที่เพดานปากได้รสชาติจากลูกพลัมสีเข้ม, แบล็คเคอแรนท์, แบล็คเบอร์รี่, แร่ธาตุที่มีกรวดสูง, เครื่องเทศ มีบุคลิกภาพและเนื้อสัมผัสที่มีความเป็นกรดสูง มีแทนนินปานกลางซึ่งโดยรวมแล้วมีความสมดุลสวยงามเป็นอย่างมาก
-
ไวน์ขาวจากประเทศออสเตรเลียที่ได้ใช้องุ่นพันธุ์ Riesling ในกระบวนการผลิตแบบ 100% โดยได้ผ่านการกลั่นและมีโครงสร้างเป็นไวน์ขาวแบบแห้งที่ออกแห้งปานกลาง มีรสชาติหวานปานกลางและมีกลิ่นและกลิ่นของแร่ธาตุและสมุนไพรที่มีลักษณะเฉพาะ โดยสำหรับการเสิร์ฟไวน์ขาวชนิดนี้มักจะเวิร์ฟแบบแช่เย็น ซึ่งสามารถคงอุณหภูมิได้ดีที่สุดที่อุณหภูมิ 10–12 ° C การแช่ขวดตั้งแต่อุณหภูมิห้องจนถึงอุณหภูมิเสิร์ฟที่สมบูรณ์แบบจะใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงในตู้เย็น โดยยิ่งไวน์มีความหวานมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสามารถเสิร์ฟเย็นลงเท่านั้น
-
จุดเด่นของไวน์ขาวรุ่นนี้นั้นอยู่ที่ สีสันของไวน์ที่มีสีเหลืองโทนกลางๆ โดยถึงแม้จะเป็นไวน์ที่ยังมีอายุน้อยแต่ก็สามารถให้รสสัมผัสที่งดงามปราณีตได้อย่างละมุนละไม กลิ่นหอมสดชื่นจากสายน้ำผึ้งและเปลือกซัตสึมะที่จมูก ลักษณะเฉพาะอีกอย่างของไวน์ขาวรุ่นนี้คือเป็นไวน์ขาวที่มีความเป็นกรดค่อนข้างสูง มีความอวบอิ่มในเนื้อสัมผัส นอกจากนั้นยังมีกลิ่นหอมจากส้ม มะยมและแบล็คเคอแรนท์ที่สามารถสร้างความสดชื่นให้แก่คุณได้อีกด้วย โดยภาพรวมมีโครงสร้างของไวน์ที่มีความสมดุลลงตัว รสชาติเข้มข้นพอดิบพอดี เป็นไวน์ขาวที่ค่อนไปทางแห้ง ดื่มแล้วให้ความรู้สึกสดชื่น สบายและกระปี้กระเปร่าเป็นอย่างมาก
-
โดยรวมเป็นไวน์ขาวที่มีบุคลิกภาพร่าเริงสดใส เป็นไวน์อายุน้อยที่สามารถสร้างความรู้สึกเพลิดเพลินจากประสบการณ์การดื่มไวน์ได้อย่าลงตัว สามารถเพลิดเพลินกับไวน์ขาวรสชาติดีตัวนี้ได้ในวันสบายๆ งานเฉลิมฉลอง งานสังสรรค์เนื่องในโอกาสพิเศษต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวันครบรอบ วันหยุดเทศกาล หรือปาร์ตี้วันแต่งงาน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเคล็ดลับการดื่มคู่กับอาหารประเภทต่างๆ เพื่อให้รสชาติและรสสัมผัสที่หลากหลายผสมผสานกัน โดยความเป็นกรดเข้มข้นของไวน์ขาวรุ่นนี้นั้นสามารถเข้ากันได้ดีกับอาหารประเภทปลาและอาหารทะเล เมื่อจากนี้หากได้ลองกินกับกั้งฟิชฟินแลนด์ หอยเชลล์อบเนยกระเทียม หรือบลินีฟแล้วนั้น เรียกได้ว่าจะเป็นรสชาติที่สุดยอดในประสบการณ์ชีวิตสำหรับการดื่มไวน์ของคุณเลยทีเดียว
-
ไวน์แดงสัญชาติออสเตรเลียที่มีต้นกำเนิดมากโรงกลั่นเหล้าองุ่นอย่าง Claudio Paulich ซึ่งสำหรับผลิตภัณฑ์ตัวนี้นั้นได้เริ่มสรรค์สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1920 โดย Friedrich Zweigelt ซึ่งได้ส่วนผสมจากพันธุ์องุ่นชั้นเยี่ยมอย่าง Petit Verdot และ Montepulciano ที่สามารถผสมกันได้อย่างลงตัว โดยส่วนผสมต่างๆนั้นได้รับมาจากภูมิภาคบริเวณชายฝั่ง Marches ที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุด โดยไวน์นี้ถูกหมักในถังเหล็กอย่างช้าๆ ด้วยความพิถีพิถันปล่อยให้รสชาติสมดุลลงตัวขึ้นเรื่อยๆตามระยะเวลาในการหมัก ซึ่งได้ถูกรับประกันไว้ว่าเป็นไวน์ที่ดีต่อสุขภาพโดยการใช้วัตถุดิบสังเคราห์ต่างๆน้อยที่สุดเพื่อยังผลให้เกิดความเพลิดเพลินในรสชาติอย่างแท้จริง
-
จุดเด่นของไวน์แดง Zweigelt Neudegg นั้นอยู่ที่สีของเครื่องดื่มที่สะท้อนออกเป็นแสงสีแดงเข้มออกม่วง ไวน์แดงมีกลิ่นหอม รสชาติเหมือนองุ่นและรสของขนมหวานจางๆ กลิ่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากของเชอร์รี่, เบอร์รี่สีแดงและผลไม้แช่อิ่มสีแดงผสมผสานกับกลิ่นหอมของไม้ซีดาร์ที่ละเอียดอ่อน ได้รสชาติความเผ็ดและกลิ่นของดาร์กช็อกโกแลตที่คลุกเคล้ากันอย่างสมดุลลงตัว รสสัมผัสจากเนื้อครีมนุ่มในเพดานปากผสมกับรสผลไม้และแทนนินเนื้อนุ่ม เป็นรสสัมผัสที่มีเอกลักษณ์ซับซ้อนหาตัวจับยากแบบสุดๆ บอดี้ที่มีความเข้มข้นแต่กลับมีความสมดุลเพราะมีรสสัมผัสที่ไม่แห้งจนเกินไป
-
โดยรวมแล้วเป็นไวน์แดงที่มีบุคลิกภาพงดงาม หรูหรา ลึกลับ น่าค้นหา และมีสเน่ห์เย้ายวนใจ คงความสง่างาม และมีอะไรให้เล่าขายเพื่อเปิดประสบการณ์อีกมากมายสำหรับรสชาติของไวน์แดงแก้วนี้ และแน่นอนว่าเป็นไวน์ออร์แกนิกที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างดีจากองุ่นที่เติบโตบนดินเหลืองที่มีความลึกประมาณ 320 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นองุ่นที่อุดมสมบูรณ์และสุกเต็มที่ ไวน์แดงตัวนี้เหมาะสำหรับการดื่มเพื่อเฉลิมฉลองในเทศกาลต่างๆ พร้อมกับคนพิเศษรู้ใจในวันสบายๆ โดยเมื่อจับคู่ทานกับอาหารอย่าง สเต็กเนื้อวัว, เกม, เนื้อแกะและไก่อบ ก็ยิ่งเพิ่มรสชาติของอาหารให้มีความเอร็ดอร่อยมากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย
-
ไวน์ขาวชั้นดีจากประเทศออสเตรเลียแห่งภูมิภาค Burgenland ชื่อดังจากแบรนด์ Umathum ที่ได้ใช้องุ่นพันธุ์เยี่ยมยอกอย่าง Austrain Pinot Gris ซึ่งเป็นองุ่นพันธุ์พื้นเมืองของภูมิภาคมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักแบบ 100% ในกระบวนการผลิตอย่างปราณีต พิถีพิถันเป็นอย่างมาก ซึ่งสำหรับโรงกลั่นอย่าง Umathum นั้น เป็นโรงกลั่นชื่อดังที่ตั้งอยู่ในภูมิภาค Burgenland ซึ่งได้ปลูกอยู่บนที่ดินจากครอบครัวแบบคลาสสิก โดยมีการผลิตไวน์แบบดั้งเดิมที่มีรสชาติอร่อยและมีระดับแอลกอฮอล์ปานกลาง นอกจากนี้ Umathum ยังได้ผลิตสุดยอดไวน์ขาวอย่าง Rose Saignee ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้สร้างประวัติศาสตร์แห่งไวน์ขาวไว้ในปี 2548 เลยทีเดียว ต่อมาบริษัทได้ตัดสินใจปฏิบัติตามแนวทางของเกษตรอินทรีย์แบบไดนามิก และปฏิบัติตามแนวคิดและพื้นฐานของรูดอล์ฟ สไตเนอร์ จึงได้ไวน์รุ่นใหม่ๆที่มีรสชาติยอดเยี่ยมและยังคงความสง่างามแบบคลาสสิคเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์
-
สำหรับไวน์ขาวรุ่นนี้นั้นมีจุดเด่นและความพิเศษอยู่ที่ ไวน์ขาวที่มีสีเหลืองทองเข้มข้น มีความเด่นชัด กลิ่นหอมเผ็ดชวนให้นึกถึงถั่วติดอยู่ที่ปลายจมูกผสมผสานกับกลิ่นของสโมกกี้ที่มีความละเอียดอ่อน มีรสสัมผัสจัดจ้านและกลมกล่อมบนเพดานปาก พร้อมด้วยแกนกลางที่มีความสดชื่นอยู่ด้านใน รสชาติสามารถคงอยู่ได้เป็นเวลานาน มีสไตล์คลาสสิกที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมาก นอกจากนี้สำหรับบอดี้ของไวน์ขาวรุ่นนี้ยังมีความสมดุลและมีความเข้มข้นที่เหมาะสม มีเนื้อสัมผัสที่ติดไปทางแห้ง และมีความนุ่มละมุนเป็นอย่างมาก
-
โดยรวมแล้วสำหรับ Grauer Burgunder นั้น เป็นไวน์ขาวที่มีบุคลิกภาพโดดเด่นสไตล์คลาสสิค มีความเรียบหรู ชั้นดี มีความสง่างาม มีสเน่ห์เย้ายวนใจ รสชาติที่มีความนุ่มละมุนกลมกล่อม สามารถดื่มได้ในวันสบายๆ วันหยุดสุดสัปดาห์ หรือดื่มพร้อมกับมื้ออาหารสุดพิเศษพร้อมคนพิเศษของคุณได้อย่างดีเยี่ยม โดยเหมาะสำหรับการจับคู่รับประทานกับอาหารประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ไส้กรอกอิตาเลียนรมควัน, พาสต้าสไปซี่, เห็ดผัด, แฮมและชีสแข็ง ก็สามารถเสริมรสชาติของอาหารให้มีความกลมกล่อมมากขึ้นได้อีกด้วย
-
ไวน์แดงสัญชาติฝรั่งเศสจาก Chateau ผู้ผลิตไวน์แดงที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก โดยสำหรับไวน์แดงรุ่นนี้นั้นนอกจากจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในเชิงของบอดี้ที่มีความเข้มข้นค่อนข้างสูง มีเนื้อแทนนินสูง เป็นไวน์รสชาติออกแห้งและมีความเป็นกรดสูงแล้วนั้น ในกรรมวิธีการรังสรรค์ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ก็มีความปราณีตพิถีพิถันอีกด้วย โดยได้ใช้วัตถุดิบเป็นองุ่นพันธุ์ไวน์แดงมากมายหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น Cabernet Sauvignon, Cabernet Franc, Merlot และ Petit Verdot ที่ได้คัดสรรค์มาจากวัตถุดิบที่ถูกปลูกในพื้นที่อุดมสมบูรณ์ เพื่อให้ได้ผลที่สุกงอมและมีรสชาติดีที่สุดเป็นส่วนผสมในการผลิตไวน์แดงรุ่นนี้ โดยเฉพาะองุ่นพันธุ์ดีเยี่ยมอย่าง Cabernet Sauvignon ที่สุกเต็มที่ โดยลักษณะการสรรค์สร้าง Margaux แบบคลาสสิกที่ผสมผสานความมีชั้นเชิงในการผลิตเข้าด้วยกัน ที่น่าสนใจอีกอย่างของ Château Pouget นั้นคือเรื่องของวันที่เก็บเกี่ยว โดยมีเป้าหมายในการเลือกองุ่นที่มีความสุกเต็มที่ โดยองุ่นดังกล่าวจะได้รับการคัดแยกทั้งในไร่องุ่นและในโรงบ่มไวน์อย่างปราณีตสุดๆ
-
จุดเด่นของไวน์แดงรุ่นนี้อยู่ที่ ไวน์สีออกทับทิมกลางๆที่มีกลิ่นหอมจากผลไม้สีดำค่อนไปทางสีน้ำตาลอ่อนบางส่วน ผลเบอร์รี่ผสมที่สุกแล้ว ผลไม้สุก ผลไม้สีเข้มผสมผสานกับกลิ่นพื้นป่าผสมกับกลิ่นดินจางๆ มีรสสัมผัสที่เป็นธรรมชาติจากรสผลไม้ดำปรุง เบอร์รี่สีเข้ม โดยสามารถเพิ่มรสชาติที่หนักแน่นซับซ้อนจากรสช็อกโกแลตม็อกก้าเพิ่มให้กับไวน์ตัวนี้เมื่อเก็บไว้นานขึ้นราวๆ 5-10 ปีได้อีกด้วย เป็นไวน์ที่มีรสชาติกลมกล่อม ละเอียดอ่อน หรูหรา มีความเข้มข้นดีเยี่ยม ซึ่งเสร็จสิ้นโดยรวมแล้วเรียกได้ว่าเป็นไวน์ที่มีบุคลิกภาพที่แข็งแกร่งและเข้มข้น มีคาแรคเตอร์ของกลิ่นที่มีความซับซ้อน สมดุลลงตัว มีความเป็นเอกลักษณ์งดงามมากเลยทีเดียว
-
โดยสรุปแล้วสำหรับไวน์แดงตัวนี้ เป็นไวน์ที่ได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกจากนักดื่มไวน์ในหลายๆประเทศว่าเป็นไวน์ที่ให้ประสบการณ์ในการดื่มที่ดี เพราะมีรสชาติกลมกล่อม เข้มข้น มีความเป็นเอกลักษณ์ซับซ้อนแต่ไม่รุนแรงหรือฉุนจนเกินไป เป็นไวน์ที่แสดงบุคลิกภาพออกมาได้อย่างงดงาม สามารถใช้เพื่อดื่มสำหรับการสังสรรค์ ดื่มในช่วงเทศกาลหรือวันสบายๆได้เป็นอย่างดี โดยจะยิ่งสร้างความน่าประทับใจได้มากขึ้นอีกหากจับคู่ทานกับอาหารอย่าง เนื้อแกะ, เกม, เนื้อวัวย่าง และ อาหารจำพวกสัตว์ปีก เป็นต้น
-
ไวน์ขาวสัญชาติฝรั่งเศาจากภูมิภาค Burgundy รุ่นปี 2020 ที่ได้ใช้องุ่นพันธุ์พื้นเมืองอย่าง Chardonnay ในกระบวนการผลิตแบบ 100% ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นองุ่นยอดนิยมที่ใช้ในการรังสรรค์ไวน์ขาวรสชาติเยี่ยมแบบสุดๆ โดยสรรค์สร้างจากโรงกลั่นเก่าแก่ที่ถูกก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1960 โดยผู้ก่อตั้งอย่าง Adhmar Boudin ที่เรียกได้ว่าเป็นบิดาแห่งการผลิตไวน์แห่งภูมิภาคฝรั่งเศสเลยทีเดียว
-
รสสัมผัสที่มีกลิ่นหอมอโรม่าจากสมุนไพรสด, บลอซซั่มสีขาว, ฝุ่นชอล์ก, เลม่อน, ไลม์, เกลือทะเลและผลไม้แห้งนานาชนิด ให้ความรู้สึกซาบซ่าย กระปรี้กระเปร่า กระฉับกระเฉง สดใสสดชื่นและดื่มง่ายแบบสุดๆ
-
โดยรวมเหมาะสำหรับรับประทานคู่กับอาหารประเภทอาหารว่างอย่างพาสต้า, ไส้กรอก, หอยนางรมและหอยสด เป็นต้น เป็นไวน์ขาวที่ดื่มง่ายเหมาะสำหรับดื่มในวางสังสรรค์ งานครื้นเครง และปาร์ตี้กับเหล่าเพื่อนฝูง
- ไวน์สัญชาติอิตาลีที่ได้มีการตั้งชื่อตาม “พระจันทร์สองดวง” เนื่องจากการเก็บเกี่ยวเถาวัลย์ที่แตกต่างกันในกระบวนการผลิตจะได้รับการประมวลผลในช่วงเวลาสองสัปดาห์ โดยเถาวัลย์ Nerello Mascalese และ Nero d’Avola ได้รับการปลูกฝังตามประเพณีในซิซิลีเท่านั้น ซึ่งครึ่งหนึ่งของวัตถุดิบของไวน์นี้ทำมาจากเถาวัลย์ Nerello Mascalese ที่ถูกบ่มในไร่องุ่น โดยโรงบ่มไวน์ Cantina Cellaro ตั้งอยู่ใกล้กับเมือง Sambuca ความสนใจของผู้ผลิตไวน์มุ่งเน้นไปที่การผลิตไวน์ที่มีรสชาติเข้มข้นเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่มาจากการเก็บเกี่ยวองุ่นในท้องถิ่น
- สีแดงทับทิมเข้มข้นของไวน์รุ่นนี้ให้กลิ่นหอมเข้มข้นของดาร์กเชอร์รีและแบล็กเบอร์รี่สุกผสมผสานกับกลิ่นหอมของอบเชยและกาแฟรสเบอร์รี่เข้มข้น เป็นรสสัมผัสนุ่มนวลเข้มข้นและคงค้างอยู่ที่เพดานปากอย่างยาวนาน
- โดยรวมเป็นไวน์ชั้นดีสัญชาติอิตาลีที่เหมาะกับการดื่มในงานสังสรรค์ในวันหยุดอันยาวนาน สามารถดื่มคู่กับอาหารค่ำมื้อพิเศษประเภทสเต็กเนื้อ, ไก่รมควัน, เป็ดย่างและพาสต้าได้อย่างยอดเยี่ยม
- ไวน์แดงอายุน้อยที่ใช้เวลาในการบ่มเป็นเวลา 4-6 เดือนในถังไม้ขนาดใหญ่แบบดั้งเดิมและในถังสแตนเลส หลังจากบรรจุขวด ไวน์จะเติบโตเต็มที่ก่อนที่จะออกสู่ตลาด จากไร่องุ่นของ Bardolino Classico ตั้งอยู่บนเนินเขาริมชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลสาบการ์ดา พื้นที่นี้มีสภาพอากาศที่กำบังโดยเฉพาะอย่างยิ่ง โดยมีฤดูใบไม้ร่วงที่ยาวนานและมั่นคง ที่ใช้องุ่นพันธุ์ Corvina Veronese 40%, Rondinella 30%, Corvinone 15%, Molinara 10% และ Merlot 5% ในกระบวนการผลิตอย่างพิถีพิถัน
- สีแดงทับทิมเข้มข้นที่ให้กลิ่นหอมสดชื่นของผลไม้สีแดงที่อุดมสมบูรณ์นานาพรรณผสมผสานกันรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์พร้อมรสสัมผัสที่คงค้างยาวนานในปาก เป็นไวน์มีความนุ่มนวลและมีรสผลไม้มากมาย ให้ความรู้สึกสดชื่น สุขุมนุ่มลึก และเสริมรสชาติอาหารได้เป็นอย่างดี
- โดยรวมเป็นไวน์สีสันสวยงามและให้รสของผลไม้ที่มีความสดชื่นเหมาะสำหรับรับประทานพร้อมหารประเภทเนื้อ เช่น สเต็กเนื้อวัว, เนื้อแกะ, เนื้อกวางและสัตว์ปีกเป็นอย่างยิ่ง
แนะนำเหล้านอก
error: Content is protected !!